บ้านแฟนผมอยู่ในชุมชนชาวมอญที่ใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งตามประเพณีวัฒนธรรมของชาวมอญนั้นจะมีการนับถือผีอยู่อย่างหนึ่งเรียกว่าผีกระจาด โดยตามธรรมเนียมนั้นจะต้องมีลูกสาวคนหนึ่งรับช่วงบูชานับถือผีกระจาดนี้ต่อกันไปเป็นทอดๆ หากขาดตอนจะทำให้เกิดเภทภัยที่ไม่ดี
คุณแม่ของแฟนผมก็นับถือผีกระจาดเช่นกัน ท่านอายุ 70 ปีแล้ว แต่เป็น 70 ที่ยังแข็งแรง ด้วยเหตุที่สูงวัยท่านจึงมีอาการของโรคต้อกระจก จึงได้พาท่านเข้ามารักษาในโรงพยาบาลของรัฐบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพ
วันนั้นเป็นวันที่หมอนัดให้ไปลอกเอาต้อกระจกออก พี่สาวแฟนผมเป็นคนขับรถพาแม่ไปโรงพยาบาล โดยออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืด กว่าจะไปถึงโรงพยาบาลก็สายมากแล้ว เมื่อไปถึงโรงพยาบาลที่จอดรถจึงเต็มไปหมด หาที่ว่างจอดรถไม่ได้ ไม่ว่าจะขับรถวนกี่รอบก็ตาม เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาที่หมอนัดเข้ามาทุกที พี่หน่อย(พี่สาวของแฟนผม)จึงตัดสินใจหาที่ว่างที่พอจะจอดได้ใกล้ที่สุดแล้วจอดเสียบเข้าไป
หลังจากเข้าพบหมอและทำการลอกต้อกระจกออก (การลอกต้อกระจกออก แล้วเอาเลนส์เทียมใส่เข้าไปแทน ไม่ต้องใช้การผ่าตัดใหญ่ และไม่ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล แค่เอาผ้าปิดตากันแสงกับฝุ่นไว้) ดังนั้นพอตกบ่ายแก่ๆ พวกเราทุกคนก็ลงมาจากตึกผู้ป่วยแล้วตรงไปที่รถ
ตอนนั้นเองที่ทุกคนพบว่า ได้จอดรถไว้ในสถานที่ที่ไม่สมควรจอดมากที่สุด นั่นคือ
จอดอยู่หน้าโรงเก็บศพของโรงพยาบาลพอดี แต่ถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรให้คิดมากแล้ว เพราะจอดมาทั้งวัน ทุกคนขึ้นรถแล้วมุ่งหน้ากลับบ้าน แม่นั้นนั่งหลับตาไปตลอดทางด้วยอาการที่เหนื่อยหนักกว่าใครเพื่อนจากการลอกต้อกระจกออกกว่าจะถึงบ้านก็จวนจะโพล้เพล้ บ้านของแม่แฟนผมนั้นมีรั้วใหญ่อยู่ติดกับถนนซอย จากรั้วเข้ามาจะเป็นลานโล่งยาวประมาณ 30 เมตร แล้วจึงถึงตัวบ้าน
ทันทีที่พี่หน่อยเลี้ยวรถผ่านประตูรั้วเข้ามาก็เกิดเรื่องทันที แม่ลืมตาขึ้นแล้วมองไปรอบๆด้วยตาขวางๆเพียงข้างเดียว ทุกคนถามแม่ว่าเป็นอะไร แม่ก็ไม่ตอบได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดในลำคอแล้วก็ตาขวางปะหลับปะเหลือก
ในภายหลังแม่บอกว่า ตอนนั้นแม่อยากพูดก็พูดไม่ออก รู้สึกอึดอัดหายใจไม่สะดวก ครั้นพอรถจอดอาการที่ว่าก็ค่อยเพลาลง แต่เหนื่อยเหมือนใจจะขาด แต่พอเท้าเหยียบธรณีประตูเท่านั้น ทุกอย่างก็เหมือนฝันไปหมด
แม่ฝันไปว่ามีใครคนหนึ่งเป็นเงาดำตามหลังมาอยู่นอกบ้าน ทำท่าจะตามเข้ามาในบ้าน ดีแต่แม่ยืนขวางเอาไว้ แล้วก็มีใครคนหนึ่งตะโกนออกไปจากตัวแม่ คืออาศัยปากแม่พูดแต่แม่ไม่ได้พูดเอง เสียงนั้นบอกให้เงาดำนั้นหยุด ห้ามเข้ามาในบ้าน
“เฮ้ย ไอ้หน่อย เอ็งไปหยิบไข่ต้มมาโยนให้มันใบหนึ่ง” แม่ตะโกนพลางเต้นเร่าๆ พี่หน่อยซึ่งกำลังตะลึงกับท่าทางและเสียงร้องห้ามของแม่กับใครสักคนที่อยู่นอกบ้านแต่มองไม่เห็นตัวก็ได้สติ หลังจากได้ยินแม่สั่ง พี่หน่อยรีบวิ่งเข้าครัวหยิบไข่ต้มมาใบหนึ่งแล้วโยนใบทางหน้าบ้าน
แม่ทรุดลงนั่ง หายใจหอบแต่สงบ ไม่นานนักแม่ก็หลับไป ไข่ต้มก็ทิ้งเอาไว้อย่างนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้นแม่ทำบุญกรวดน้ำ แล้วจึงมานั่งเล่าเรื่องให้พวกเราฟัง แม่ว่าผีตนนั้นคงอดอยากอยู่แถวโรงเก็บศพที่โรงพยาบาล คราวเคราะห์ดวงเราไม่ดี ไปจอดรถตรงนั้น คนกำลังเจ็บป่วยดวงมันก็อ่อน ผีมันเห็นก็คงคิดว่าเป็นโอกาสเลยตามมา โชคดีว่าบ้านมีผีกระจาดอยู่ ที่ทุกคนเห็นว่าแม่ออกท่าทางอย่างนั้นร้องสั่งอย่างนี้หาใช่ตัวแม่ไม่ แต่เป็นผีกระจาดออกมาคุ้มครองปกป้องจึงรอดพ้นกันไปได้
เรื่องนี้หากใครเอามาเล่าให้ผมฟัง ผมคงไม่เชื่อ แต่มันเกิดกับครอบครัวแฟนผมเอง ท่านผู้อ่านจะวินิจฉัยอย่างไรก็สุดแล้วแต่ ผีตนนั้นหลังจากแม่แฟนทำบุญกรวดน้ำไปให้ก็ไม่มากวนอีก อาจจะไปผุดไปเกิดแล้ว หรือว่า เกาะรถใครกลับโรงพยาบาลไปแล้วก็ไม่รู้
แสดงความคิดเห็น
Click to see the code!
To insert emoticon you must added at least one space before the code.