ตัวอย่างคู่ดาดราเกาเหลาล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ก็คู่ของสาวพลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ กับพิธีกรหน้าหมวย ได๋-ไดอานา จงจินตนาการ ซึ่งเป็นศึกเกาเหลาชามโตที่มีการพูดผ่านสื่อและประกาศการปะทะคารมในโลกออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก โดยมีข้อความตอกย้ำการเกาเหลาครั้งนี้ ที่สาวพลอยเขียนต่อว่าสาวได๋ในเฟซบุ๊ก...เมื่อใครอ่านแล้วเป็นต้องสะดุ้งทุกคน
กระนั้นก่อนหน้านี้ก็มีดารา นักแสดง คนในวงการบันเทิงที่มีข่าวออกมาว่าต่างไม่กินเส้นหลายคู่ด้วยกัน โดยเฉพาะแวดวงนักปั้นมื่อทอง เช่น เรื่องของอุ๊บ-วิริยะ พงษ์อาจหาญ ที่ได้จับมือกับ พจน์ อานนท์ ร่วมกันปกป้อง โกโก้-นิรุณ ลิ้มสมวงศ์ ถล่มเอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร เรื่องหนุ่มหน้าใส มาริโอ้ เมาเร่อ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนักปั้นมือทองทั้งอุ๊บ-วิริยะกับ พจน์ อานนท์กลับแตกคอกันเองในเรื่องเงินๆ ทองและร้ายแรงถึงขั้นไม่เผาผีกันทีเดียว
ด้านนางเอกสาวขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์ ก็เคยเปิดฉากฉะจนมีคู่กรณีหลายค่อหลายคนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นบี-มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์ นางเอกร่วมช่อง หรือการข้ามรุ่นไปฉะกับดารารุ่นพี่ปู-มัณฑนา หิมะทองคำ ร่วมทั้งข่าวที่สาวขวัญไม่ถูกกับปู-ไปรยา สวนดอกไม้และแพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ อีกด้วย
ฟากสองนักร้องเพลงลูกทุ่งทั้งฮาย-อาภาพร นครสวรรค์ กับ ดาว มยุรี ก็เปิดศึกเกาเหลาในเรื่องเงินๆ ทองๆ เช่นกัน
ด้านนางเอกวิกน้อยสี เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณก็เคยเปิดศึกไม่กินเส้นกับสาวแตงโม-ภัทรธิดา ภัทรวีระพงษ์ ฉนวนเหตุก็มาจากที่นางแห่งวิกหลายสีเบี้ยวค่ารถที่ซื้อจากเต๊นท์รถของญาติอดีตหวานใจ บั๊ด-ลวรรณ แสงสนิท
นี่ก็เรื่องรถอีกรายกับคดีศึกแย่งรถมินิคูเปอร์ของหนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ระหว่างสาวเข็ม-กฤตธีรา อินพรวิจิตร พิธีกรสาวรายการดังกับ เมย์ เฟื่องอารมย์ ที่ได้มีการถกเถียงผ่านสื่อจนกลายเป็นเรื่องทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ในชั่วพริบตา
นอกจากนี้ยังมีเรื่องกางเกงในเป็นเหตุอีกด้วย โดยเรื่องนี้เกิดจากพิธีกรสาวคนดัง ปราย ธนาอัมพุช ได้ส่งกางเกงในผู้ชายไปให้สาวแหม่ม-วิชุดา พินดัม พร้อมบอกว่าเป็นของนก-จิรศักดิ์ โย้จิ้ว ผู้กำกับฯ ซิทคอมชื่อดังอดีตหวานใจสาวแหม่มนั่นเอง
หรือการเกาเหลารุ่นเดอะอย่าง เจนนิเฟอร์ คิ้ม กับ จิ๊ก-เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ โดยทางฝ่ายเจ๊คิ้มได้มีการพูดแซวเจ๊จิ๊ก บนเวทีคอนเสิร์ตในผับที่กำลังแสดงอยู่ว่า “กระหรี่แก่” จนทำให้มีอาการอึ้งกิมกี่กันทั้งร้าน
ขณะที่ศึกเกาเหลาแบบด่าผ่านไฮไฟว์โลกออนไลน์ก็มีเช่นเดียวกันกับกรณีของ พลอย-ณัฐชา สวัสดิ์รักเกียรติ กับดาราสาว แพม-ปานพิมพ์ เตชะธนชัยพัฒน์ โดยสาวพลอยได้มีการโพสข้อความด่าอีกฝ่ายผ่านทางไฮไฟว์อย่างรุนแรง จนทำให้สาวแพมโร่แจ้งความดำเนินคดีทีเดียว
ก็อาจจะกล่าวโดยสรุปได้ว่าสาเหตุที่ทำให้ดารานักแสดงซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะไม่ถูกชะตากันนั้นก็มีไม่กี่อย่าง เช่น ถ้าไม่ใช่เรื่องแย่งชิงเพศตรงข้ามก็เป็นเรื่องงาน เงินๆ ทองๆ ผลประโยชน์ ไม่อยากให้ใครดัง ดีเด่นกว่าตนเอง หรืออาจมีการเขม่นไม่ชอบหน้าคลื่นลูกใหม่ที่สดใหม่กว่า และอาจจะเรียกได้ว่ามีการหวงบัลลังก์กันเกิดขึ้น
เรื่องคนในวงการบันเทิงเกาเหลาที่ประชาชนได้รู้รับทราบกันได้ ก็เกิดจากการนำเสนอตัวเองของดาราและการนำเสนอข่าวของสื่อเองด้วย และปัจจุบันได้มีการสื่อสารผ่านโลกออนไลน์ ดังนั้นการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจึงมีเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะการที่ดาราเปิดศึก ถกเถียงผ่านโซเชียล เน็ตเวิร์ก อย่างไฮไฟว์ เฟซบุ๊ก ก็มีอิทธิพลทำให้มีการกระจายข่าวเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน
ดังคำอธิบายของผศ.ดร.ลักษณา คล้ายแก้ว หัวหน้าหลักสูตรนิเทศศาสตร์มหาบัณฑิต คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่บอกว่าสาเหตุที่ทำให้คนในวงการบันเทิงเกาเหลากันมาจากการได้รับอิทธิพลมากจากสื่อที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งโซเชียล เน็ตเวิร์กด้วย ด้านดารานักแสดงก็มีความสามรถในการใช้สื่อมากขึ้น
“การที่ดาราไม่กินเส้นกันมีมานานแล้ว และถือว่าเป็นเรื่องปกติก็ว่าได้ แต่เมื่อก่อนไม่ค่อยได้เป็นข่าว เพราะไม่ได้นำออกมาสู่สาธารณชนให้รู้กัน ปัจจุบันสื่อใหม่เข้ามาจึงทำให้เรื่องลับๆ เหมือนอยู่ที่มืดกลายมาอยู่ในที่แจ้งได้อย่างกว้างขวางรวดเร็ว ขณะที่ดาราบางคนก็คาดหวังตั้งใจให้เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน หรือบางคนก็มีข่าวออกมาโดยไม่ตั้งใจก็มี เมื่อประกอบเข้ากับสังคมในขณะนี้ที่เป็นโลกออนไลน์ทำให้มีคนเข้าไปอ่านให้ความสนใจ เข้าไปพูดไปแสดงความคิดเห็นจนเรื่องที่เล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่
“โดยดารานักแสดงที่เป็นคนรุ่นใหม่จะใช้สื่อเป็น รู้ว่าจะใช้สื่ออย่างไรได้บ้างเพื่อประโยชน์ของตนเอง เช่น แทนที่ตนเองจะไปให้ข่าวกับนักข่าวกลับเข้าไปเขียนแสดงออกบนเฟซบุ๊ก หรือภาพบางภาพก็อยากจะปล่อยเองแต่ให้คนอื่นไปปล่อยให้ในแหล่งข่าวที่คนอื่นเข้าถึงได้ง่าย เป็นการตั้งใจให้เป็นข่าว ตั้งใจจะบอกว่าไม่ถูกกับคนนั้นคนนี้เพื่อที่จะปราม ดิสเครดิตเขา และสร้างให้ตนเองเป็นข่าวเพื่อให้มีงานเข้ามามากขึ้น เพราะกระแสข่าวสร้างความดังให้กับคนได้”
และจากการเข้ามามีบทบาทของสื่อใหม่ ผศ.ดร.ลักษณา บอกว่าก็ส่งผลต่อการทำงานของสื่อ คือทำให้สื่อมวลชนถูกใช้ได้เหมือนกัน
“ตอนนี้ช่องทางการเสพข่าวมีมากขึ้น เพราะเกิดจากสื่อใหม่ที่เข้ามา เมื่อก่อนคนจะรู้ข่าวจากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุโทรทัศน์ และจะมีการกลั่นกรอง ตรวจสอบก่อนนำเสนอ แต่พอสื่อใหม่เข้ามาไม่มีการกลั่นกรองเลย ใครอยากจะพูดอะไรก็นำเสนอลงเฟซบุ๊ก และมีการกระจายข่าวไปทั่ว เมื่อนักข่าวมาเห็นก็เอาตรงนี้ไปกระจายต่อ อาจจะบอกได้ว่าเดี๋ยวนี้สื่อเก่าเอาเรื่องจากสื่อใหม่ สื่อออนไลน์มาขยายเพื่อให้เป็นประเด็นโดยใช้ตรงนี้เป็นแหล่งข่าว
“ดังนั้นจึงทำให้ความน่าเชื่อถือของสื่อไม่ทำงาน การนำเสนอข่าวด้านลบเยอะก็ทำให้คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ ถ้ามองในแง่ดีก็ทำให้รู้ว่าดารามีรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนคนธรรมดาทั่วไปและยังช่วยตีแผ่ภาพมายาที่พวกเขาพยายามสร้างอีกด้วย ถ้ามองด้านผลกระทบก็มีแน่นอนโดยเฉพาะเด็ก เยาวชนที่อาจเกิดการเลียนแบบได้ เช่น ถ้าไม่ชอบใครก็จะว่ากล่าว ประจาน หรือแสดงออกให้เห็นซึ่งๆ หน้า เพราะคิดว่าเรื่องแบบนี้คนดังๆ ที่เขาเห็นชื่นชอบทำกันทำไมจะทำบ้างไม่ได้”
ขณะที่อรพรรณ ประภารวีวรรณ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ก็บอกว่า แม้จะไม่ค่อยได้เสพข่าวบันเทิงสักเท่าไหร่ แต่ก็รู้บ้างว่าช่วงนี้ข่าวไหนแรงข่าวไหนดัง โดยเฉพาะข่าวที่ดารามีการออกมาประกาศว่าไม่ชอบกัน
“โดยส่วนตัวคิดว่าการที่เขาจะเกาเหลา ด่าทอออกสื่อก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะคนเราไม่จำเป็นต้องรักกันทุกคน ส่วนสาเหตุการทะเลาะไม่ชอบกันก็อาจมาจากเรื่องงานหรือการแย่งผู้ชายคนที่ตนเองรักชอบ เมื่อเกิดเรื่องก็อยากให้เป็นข่าวเพื่อสร้างกระแสให้ตัวเองดังอีกทางด้วย โดยอาจจะเริ่มจากเข้าไปประกาศว่าไม่ชอบคนนั้นคนนี้ในเว็บบอร์ดหรือเฟซบุ๊กของตนเองแล้วหลังจากนั้นเรื่องก็จะถูกเผยแพร่ไปเอง”
ด้านชัชรินทร์ บุญญะสุต พนักงานบริษัทเอกชน ผู้ที่เฝ้าติดตามอ่านข่าวบันเทิงบ้างพอสมควรก็ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดาราเกาเหลาออกสื่อให้ได้เห็นไม่เว้นแต่ละวันว่า ถ้าเรื่องแบบนี้สื่อมวลชนไม่นำเสนอประชาชนที่ชอบเสพข่าวก็ไม่รู้ไม่อ่านกันอยู่แล้ว เพราะเรื่องการไม่ชอบหน้ากันของคนในแวดวงบันเทิงเป็นเรื่องส่วนตัวถ้าไม่มีการปลุกกระแสสร้างประเด็นเรื่องนี้ก็ไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่โตและจะเงียบหายไปเอง
“ทุกวันนี้มองว่าเรื่องการเกาเหลาของดาราจะมีเพิ่มขึ้นนะ และการเข้าถึงก็ง่ายขึ้นด้วยไม่จำเป็นต้องไปอ่านนิตยสาร หนังสือพิมพ์ แค่เล่นอินเทอร์เน็ต เข้าเว็บไซต์ต่างๆ หรือเล่นเฟซบุ๊ก ข่าวพวกนี้ก็มีให้อ่านกันมากมายแล้ว อย่างเมื่อก่อนเรื่องเช่นนี้คนวงในจริงๆ ถึงจะรู้กัน แต่เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นว่าทุกคนก็รู้กันทั่ว ส่วนหนึ่งที่ต้องเสนอข่าวแบบนี้ก็เพื่อให้ขายได้เพราะคนชอบอ่าน ดาราเมื่อมีกระแสก็มีงานเข้ามาเช่นกัน ดังนั้นคิดว่าข่าวบันเทิงถ้าจะนำเสนอก็เสนอได้ แต่ก็ควรหาแง่มุมอื่นที่เรายังไม่รู้หรือที่ไม่ทำให้สังคมติดลบบ้างก็จะดีไม่น้อย”
ซึ่งไม่ต่างกับตามนักนิเทศศาสตร์คนเดิม ที่อยากจะกล่าวไปถึงบรรดาสื่อมวลและเหล่าดาราทั้งหลายว่า ก่อนที่สื่อมวลชนจะไปหยิบข่าวมาขยายหรือเพื่อนำเสนอกับประชาชนต้องถามก่อนว่า เพื่อวัตถุประสงค์อะไร ถ้าเพื่อผลประโยชน์ธุรกิจการค้า ก็จะเจอแต่ข่าวในแง่ลบ กอสซิป นินทาข่าวตบตี ดังนั้นจึงอยากให้นำเสนอในแง่มุมอื่นๆ ที่ดีๆ ให้มากขึ้น ขณะที่ดาราก็อยากให้วางตัว ระมัดระวังภาพลักษณ์ของตนเองเพิ่มขึ้นเช่นกัน
“ถ้าพูดถึงสื่อ สื่อก็ต้องไปทำข่าว ไปตามกระแส ถ้าดาราเป็นกระแสแล้วไม่ไปทำก็ไม่สามารถไปแข่งกับสื่ออื่นๆ ได้ซึ่งเป็นเรื่องของธุรกิจ ถ้ามีอะไรที่ตามกระแสก็ทำไป แต่ถ้ามีประเด็นอะไรที่น่าใจสนมีประโยชน์ต่อส่วนร่วมก็ควรเจาะประเด็นให้ลึกมากกว่านี้ เพราะจะสร้างคุณค่าให้กับสื่อเองด้วย ขณะที่ดาราในปัจจุบันไม่ค่อยรักษาภาพลักษณ์ ยิ่งสร้างภาพลักษณ์ที่แรงได้จะทำให้ดาราคนนั้นมีชื่อเสียงมากขึ้นเป็นที่ต้องการของเหล่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ
“และไม่รู้ว่าด้วยความอินโนเซนท์หรือเปล่าที่ใช้เฟซบุ๊ก ใช้สื่อออนไลน์ในการนำเสนอตนเอง เพราะรู้อยู่แล้วว่าถ้าใช้ช่องทางนี้ต้องถูกขยายต่อแน่นอน ถ้าบางคนใช้แล้วไปไม่เป็นก็อาจโดนด่าเป็นผลลบกับเขาเองก็ได้ ขณะที่บางคนก็ใช้เป็นจึงเกิดการขยายผลที่ส่งผลดีต่อเขา จึงไม่อยากให้ดารายึดตัวเองเป็นที่ตั้ง และคิดเสมอว่าเราคือบุคคลสาธารณะเป็นที่จับตามอง ถ้าคิดอย่างนี้เวลาจะพูดหรือนำเสนออะไรก็จะมีความระมัดระวัง เรื่องส่วนตัวก็ไม่ถูกมานำเสนอในที่สาธารณะให้เป็นเรื่องใหญ่โต และถ้าดารารุ่นใหม่ที่เข้ามาในวงการนี้อยากอยู่นานๆ ก็ควรรู้ว่ามืออาชีพต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง ซึ่งไม่ใช่แค่การแสดงอย่างเดียว”
>>>>>>>>>>
……..
เรื่อง : พิราบ พอเพียง
ผู้จัดการออนไลน์
แสดงความคิดเห็น