ทีเด็ด “กะเทยเอมมี่” ผู้กล้าท้าชิงผู้ชายกับ “อั้ม พัชราภา” เจ้าตัวเผยกว่าจะเช้งกระเด๊ะมีทั้งนมและเครื่องเคราแบบผู้หญิงต้องเจ็บเจียนตาย นั่งมอไซด์อยู่ดีๆ ก็แคม(labia) ปริต้องเข้าโรงพยาบาลเย็บใหม่ แต่พอหายเป็นปกติกะเทยคนดังก็กระหน่ำใช้งาน โวสุดเจ๋งผู้ชายไม่รู้ว่าเป็นของปลอม ลั่นถึงจะไม่ใช่ของจริงแต่ก็มีอารมณ์และสามารถบรรลุจุดสุดยอดได้


เกิดเป็นซูเปอร์สตาร์อย่าง “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” ใครๆ ก็อิจฉา แต่ใครจะไปคิดว่าวันนึงคนอย่าง อั้ม จะต้องมาหัวเสียเพราะมีข่าวโดนสาวประเภทสอง “เอมมี่ รัชฎา ครุฑรามาษ” ลูบคมด้วยการฉกของรักอย่างหนุ่ม “โน้ต วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์” ไปจากอก ถึงกับแอบย่องขึ้นคอนโดถึงสองครั้งสองครา งานนี้ทำเอาหลายคนอยากรู้ว่า สาวเทียมอย่างเอมมี่มีดีอะไรถึงได้กล้าหยามของแท้อย่าง อั้ม พัชราภา

ว่าแล้วสาวเอมมี่ก็เลยพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการตีแผ่เรื่องราวของตัวเองผ่านพ็อกเกตบุ๊ก ชื่อ “ฉันนี่แหละ กะเทยเอมมี่” ซึ่งมีกำหนดวางแผงเร็วๆ นี้ โดยงานนี้เอมมี่จะเปิดใจถึงชีวิตสาวประเภทสองอย่างหมดไส้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศัลยกรรมผ่าตัดไอ้จ้อนสุดยอดความใฝ่ฝันของกะเทย รวมไปถึงลงทุนใส่ชุดชั้นในถ่ายแฟชั่น ชนิดเปิดกันจะจะเลยทีเดียว

“พ็อกเกตบุ๊กเสร็จหมดแล้ว ถ่ายปกเรียบร้อย ตอนนี้ให้ผู้ใหญ่สกรีนอยู่ สกรีนไป 3 รอบแล้ว ที่ต้อง 3 รอบเพราะอยากให้ดูว่ามันยังมีอะไรขาดตกบกพร้องมั้ย และไปกระทบคนอื่นหรือเปล่า เรื่องราวในพ็อกเกตบุ๊กมันเป็นอะไรที่ตลกมากกว่ากว่า เป็นเรื่องราวของสาวประเภทสอง เรื่องราวการประกวด เรื่องราวของการศัลยกรรม และเป็นเรื่องราวชีวิตของเราที่ผ่านมา จนกระทั่งทำให้เราเป็นกระแสในตอนนี้ แต่ว่ากระแสอยากจะไม่แรงมาก คือเป็นแค่ช่วงนึงของชีวิตเราเท่านั้นเอง”

“ที่อยากเขียนเพราะเริ่มจากกระแสก่อนเนอะ พอมีกระแสก็มีผู้ใหญ่เสนอออกทุนให้ อยากให้เราลองทำดู พอได้ทำก็รู้สึกภูมิใจมากๆ เลยค่ะ เป็นผู้ใหญ่ท่านนึงละกัน ไม่อยากเอ่ยชื่อ(หัวเราะ) ซึ่งเอมมี่ก็โอเคนะ เพราะมันก็เป็นรายได้ให้เราด้วย รู้สึกว่าก็ดีนะ หลายๆ คนจะไดรู้จักเรามากขึ้น เพราะบางเรื่องเราอาจจะให้สัมภาษณ์คลุมเครือ”

“เรื่องราวที่จะเล่ามีเยอะมาก จนบางทีต้องตัดออกไปเพราะมันเยอะเกิน และเรื่องของความรักของสาวประเภทสองด้วย เพราะจริงๆ แล้วสาวประเภทสองก็มีความรักได้เหมือนกัน เอมมี่เต็มที่ทุกอย่างทั้งเรื่องราวที่เล่าและแฟชั่น ขนาดภาพประกอบในเล่มยังเต็มที่เลย เป็นชุดชั้นในเซ็กซี่มาก ขนาดปอย(ตรีชฎา)ยังบอกว่าแรงกว่าฉันอีก(ยิ้ม) เซ็กซี่ที่สุดที่เอมมี่เคยถ่ายมา และเซ็กซี่ที่สุดที่เคยเห็นสาวประเภทสองถ่ายแบบนี้”

“เนื้อหาในเล่มมันจะเป็นการแฉคนโน้นคนนี้หรือเปล่า จริงๆ เอมมี่ว่ามันก็เป็นเรื่องราวที่เราเคยประสบพบเจอมา แต่มันจะไม่มีแบบแฉคนนั้นคนนี้ แต่อาจจะมีบางมุมที่ยังไม่ได้พูด แต่มันก็ไม่ทำให้ใครเสียหายอยู่แล้วค่ะ เอมมี่เน้นเล่าเรื่องสาวประเภทสองมากกว่านะ เรื่องศัลยกรรมด้วย เรื่องที่เป็นข่าวบางคนอาจจะยังไม่กระจ่างมาก ในพ็อกเกตบุ๊กอาจจะทำให้กระจ่างมากขึ้น โดยเฉพาะตัวตนเรา เอมมี่ว่าสาวประเภทสองน่าจะชอบเล่มนี้ เพราะเอมมี่พูดเรื่องศัลยกรรมเยอะมาก อย่างเคล็ดลับการประกวดนางงาม เรื่องการดูแลสุขภาพก็มี”

ยัน ไม่แฉโน้ตแต่แค่พูดถึงในมุมที่ทุกคนอาจยังไม่รู้
“ส่วนเรื่องเขา(โน้ต)เอมมี่ว่าไม่มีเลยดีกว่า(ยิ้ม) การใช้ภาษาถ้าคนที่ไม่ได้ดูข่าวคงไม่รู้ว่าคือใครด้วยซ้ำ (แต่ข่าวบอกว่ามีแฉโน้ตด้วย?) เอมมี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาตามหัวข้อข่าวก็จะบอกว่าเอมมี่เตรียมแฉ แต่จริงๆ เอมมี่ว่ามันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่ก็มีคนสนใจว่ามันจะเป็นยังไง ก็เดี๋ยวคอยติดตามดูก็แล้วกันค่ะ(ยิ้ม) (บอกว่าไม่ได้แฉ แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่ามีเรื่องราวของโน้ตในพ็อกเกตบุ๊กด้วยใช่มั้ย?)มีเรื่องราวของเขาในนั้นค่ะ แต่ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นโอ้โห...ขนาดนั้น คือมันไม่ได้ไปแฉเขาถึงขนาดนั้น”

“มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เกี่ยวกับความรักที่ผ่านมา ว่าเราไปประสบพบเจอใครมามากกว่า (โน้ตก็เป็นหนึ่งในประสบการณ์ความรักที่ว่าหรือเปล่า?) อุ้ย...ไม่ๆ ค่ะ(หัวเราะ) แต่เขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่ทำให้เราเข้ามาอยู่จุดๆ นี้ได้มากกว่า มันเป็นการโยงที่มาที่ไปว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเราก่อนจะมาจุดนี้อะไรประมาณนี้ค่ะ (กลัวจะมีปัญหากับอั้มมั้ย?) เอมมี่คิดว่าไม่มีแล้วมั้งคะ อย่างที่เรื่องมันไม่ถูกต้องเอมมี่ก็อยากแก้ไขให้มันถูกต้อง อย่างเรื่องเป็นมือที่สาม นี่ก็ไม่ใช่เลย เราก็ไม่ได้คบไม่ได้ไปมาหาสู่อะไรเขา”

“จุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้จักเขา(โน้ต)เพราะเราไปเป็นเพื่อนของเพื่อน คือเพื่อนเอมมี่รู้จักเขาอยู่แล้ว แล้วเขาจะไปเจอกันเอมมี่ก็เลยไปด้วย แล้วก็มีการแนะนำให้รู้จักแค่นั้นเอง ไม่ได้รู้จักกันมานาน ไม่ใช่ (รู้มั้ยว่าโน้ตเป็นแฟนอั้ม?) ไม่รู้เลย วันที่ไปเจอเขาก็เป็นผู้ชายที่ดูดีคนนึง และไม่รู้ว่าเป็นแฟนใคร มารู้อีกทีตอนเป็นข่าวในรายการแฉแต่เช้า เพื่อนยังบอก เอมมี่ยังตกใจเลย ถ้ารู้ก่อนคงไม่ยุ่งนะ ไม่กล้าเสี่ยงๆ”

“ถ้าเป็นมือที่สามคือต้องคบกันเนอะ หรือต้องไปไหนมาไหนด้วยกัน อันนี้ไม่มีเลยๆ แต่เอมมี่ก็ยอมรับว่าไปคอนโดเขามากกว่าหนึ่งครั้ง บอกตรงๆ ตั้งแต่ที่ยังไม่เป็นข่าวเอมมี่ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นคนนั้น(หมายถึงไม่รู้ว่าโน้ตเป็นแฟนกับอั้ม) เพราะตัวจริงกับในหนังสือ เขาไม่เหมือนกันเลย ตัวจรองเขาจะดูเด็กๆ แต่ในข่าวเขาจะดูขรึมๆ (วันนั้นไปทำอะไรที่คอนโดโน้ต ไปเชียร์บอลอย่างที่โน้ตพูดหรือเปล่า?) เอมมี่ไปก่อนที่จะมีการเตะบอลอีกนะ”

“วันนั้นเราไปนั่งคุยกันขำๆ เหมือนสังสรรค์คุยกันมากกว่า แต่ที่เหลือที่คนอื่นไม่เห็นคนเขาก็ตีความหมายเป็นอย่างอื่นไป (แต่ทางโน้ตบอกว่าได้เบอร์เอมมี่จากการซุ่มเลือกจากโทรศัพท์ เหมือนพวกสาวไซด์ไลน์?) ประเด็นนี้เอมมี่ว่ามันขำมากอ่ะ จะเอากะเทยมาเป็นสาวไซด์ไลน์เหรอ(หัวเราะ) เอมมี่อาจจะเหมือนผู้หญิงนะ แต่ก็ไม่ได้เหมือนผู้หญิงมากขนาดนั้น เรียกเราไปจะทำให้เขาโมโหกว่าเก่าหรือเปล่า(หัวเราะ) อันนี้ไม่จริงเลยค่ะ ไอ้คำว่าไซด์ไลน์มันต้องเป็นผู้หญิงนะ อยู่ดีๆ จะเอากะเทยมาทำไซด์ไลน์ มันมีรึเปล่า มันมีด้วยเหรอ(หัวเราะ)”

“เอมมี่ไปคอนโดเขาสองครั้ง ทุกครั้งที่ไปเป็นลักษณะไปนั่งดื่ม นั่งพูดคุยกันมากกว่า ครั้งที่สองก็ไปกับเพื่อนสองคนเหมือนเดิม (โน้ตบอกตอนที่เอมมี่ไปหามีเพื่อนเขาอยู่ด้วย?) เขาก็อยู่คนเดียวนะ เอออันนี้งงมาก(หัวเราะ) (เคยอยู่กันตามลำพังมั้ย?) อาจจะมีที่แบบ..บางทีเพื่อนลืมของไว้ แล้วลงมาเอาของที่รถแป๊บเดียว ไม่ถึงชั่วโมง ไม่ใช่แบบ...ปล่อยให้อยู่สองต่อสองนานๆ ไม่ใช่ (ตอนที่อยู่กับเราสองคนเขามีอาการยังไง เขินบ้างหรือเปล่า?) ไม่นะ ปกติ (เขาเคยจับมือเรามั้ย?) ไม่มีๆ เขาเป็นสุภาพบุรุษมากๆ เลย”

“ซึ่งครั้งที่สองมันก็มีการคุยกันมากขึ้น แต่คบกันเป็นแฟนไม่มีค่ะ (โน้ตมีท่าทียังไง มีแสดงออกว่าชอบเราบ้างมั้ย?) อันนี้ก็ดูยากนะ แต่เอมมี่ว่าไม่หรอก เขาเป็นผู้ชายคงชอบผู้หญิงปกติ (เขารู้มั้ยว่าเราเป็นสาวประเภทสอง?) คิดว่าไม่รู้นะ คิดว่าเขามาทราบตอนหลัง เพราะเราคบกันผิวเผิน แต่จริงๆ ก็คิดว่าเขาน่าจะรู้เพราะเอมมี่ก็ไม่ได้แอ๊บ เพราะเวลาเอมมี่คุยกับผู้ชายก็บอกจะเลยว่าเป็นสาวประเภทสอง มันเกร็งไง ถ้าบอกว่าเป็นผู้หญิงต้องแอ๊บตลอด ไม่ไหว แล้วกับเขาเอมมี่ก็ไม่ได้สนิทถึงขั้นบอกว่าฉันทำมาแล้วนะ มันไม่ใช่”

“เรื่องที่เขาลงมารับมาส่ง คือมันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะที่นั่นหรูมาก ระดับห้าดาวเลยล่ะ ระบบความปลอดภัยก็ต้องควบคุมดีอยู่แล้ว เราจะเดินขึ้นไปเองมันก็คงไม่ใช่ ที่ผ่านมาก็ไปเจอที่คอนโดที่เดียว ที่อื่นไม่เคยไป ไม่บ่อย สองครั้งอย่างที่เคยบอก และไม่ได้ไปถี่ด้วย ที่ไม่ได้ไปอีกเพราะมันเป็นข่าวขึ้นมาก่อน(หัวเราะ) (ถ้าเรื่องไม่แดงขึ้นมาก่อน เอมมี่จะยังสานสัมพันธ์กับโน้ตต่อมั้ย?) ถ้าหมายถึงถึงขั้นคบกันเป็นแฟนคงไม่ใช่ค่ะ คิดว่าคงไม่ได้สานสัมพันธ์หรอกค่ะ ไม่รู้ทำไมคนมองแบบนี้เนอะ แต่เอมมี่ว่าเราไม่สามารถไปห้ามความคิดใครได้ เอาเป็นว่าเรารู้ว่าอะไรเป็นอะไร”

ถ้าไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วมีเหตุผลอะไรที่เราไปหาเขาที่คอนโด?
“คือเอมมี่คุยกับเขาเรื่องไปเที่ยวเมืองนอกกัน คุยกันเรื่องขำๆ ไม่มีอะไร คนที่เขาไม่รู้ก็คงจะคิดว่าเฮ้ย..มันต้องไปทำอะไรแน่ๆ เลย แต่ช่วงที่เราอยู่กันสองคนก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลย หรือว่าจับมือหรืออิ๊เอ๊าะก็ไม่มี(พูดไปเขินไป) ก็เป็นการพูดคุยกันปกติมากกว่า แต่อย่างว่านะอยู่กันสองคนใครจะไปรู้ว่าทำอะไร(หัวเราะมีเลศนัย) ไม่มีๆ ความสัมพันธ์เราคือเป็นคนรู้จักค่ะ ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึ้กซึ้ง การเจอกันสองครั้งมันก็มีความสนิทในระดับนึง แต่ไม่ถึงขั้นคนรู้ใจคุยกัน เออฉันรู้จักคุณนะ คุณรู้จักฉันนะแค่นั้นเอง”

“ฟีดแบคจากทางโน้น(โน้ต-อั้ม)ก็ไม่มีอะไร เอมมี่ว่าเอมมี่ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ บางทีกระแสข่าวมันก็ทำให้เราต้องลุกขึ้นมาตอบโต้ ลุกขึ้นมาสู้บ้าง ถ้าเราไม่ออกมาเราก็จะเป็นอย่างที่ข่าวลง ฉะนั้นก็ต้องตอบโต้บ้าง บางทีมีงานให้ไป มีอีเว้นท์ให้ออกก็ดีนะ เพราะบางทีเราก็ไม่รู้จะไปพูดที่ไหน แล้วพี่ๆ สื่อก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีมาก(ยิ้ม)”

“จริงๆ ตอนนั้นไม่ได้มีการแลกเบอร์อะไรกันเลยด้วยซ้ำ แต่ฝ่ายโน้นเขาก็เป็นคนโทร.มาหาเรา แต่ถ้าจะให้มองอีกมุมนึงคือ ที่เขาบอกว่ามีผู้หญิงไปกันหลายคนถูกมั้ย แล้วเขา(โน้ต)ก็บอกว่าทางเขามีเพื่อนอยู่หลายคน แต่ทำไมเขา(อั้ม)ถึงโทร.หาหนูคนเดียวอ่ะ ถ้าบอกว่ามีผู้หญิงนั่งอยู่หลายคน ทำไมไม่โทร.หาผู้หญิงทุกคนที่นั่งอยู่ในห้อง แต่ทำไมถึงเจาะประเด็นโทร.หาหนูคนเดียว”

“วันนั้นเขาใช้เบอร์เขาโทร.หาหนูเองเลย วันนั้นเขา(อั้ม)ก็ถามว่าเคยมีอะไรกันมั้ย ก็อย่างที่บอกเขาเป็นผู้หญิงก็คงอยากรู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง แต่เราก็บอกว่ามันไม่มีอะไร ซึ่งมันก็เพิ่มความแรงของข่าวขึ้นมาอีก ตรงที่เขาโทร.มาหา ซึ่งเราก็สำคัญสิ เขาถึงโทร.มาหาถูกป่ะ แล้วตอนนั้นเขา(โน้ต)ก็นั่งอยู่ด้วยกัน ก็คุยกัน 3 คน เขาก็บอกไม่มีอะไร เอมมี่ก็บอกว่าไม่มีอะไร ก็พูดตรงกัน (แล้วจริงๆ มีอะไรมั้ย?) (หัวเราะ) ไม่มีอะไรค่ะ”

เผย ชีวิตพลิกหลังมีข่าวขึ้นคอนโดโน้ต งาน-เงินวิ่งชนตู้มต้าม
“ตั้งแต่มีข่าวเรื่องนี้มา มีแต่งานดีๆ เข้ามานะ ยังไม่เจออะไรที่ไม่ดี แต่ก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง เอมมี่ว่าคนไทยลืมง่าย อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ ยังไม่ได้โดนกลั่นแกล้งอะไร แต่จริงๆ เอมมี่ก็ปฏิเสธตลอดนะ ไม่เคยไปบอกว่าฉันเคยมีอะไรกับเธอนะ ไม่เคยพูดแบบนั้น งานอีเว้นท์ แล้วก็พวกผลิตภัณฑ์ครีมต่างๆ เยอะมาก มันก็มีเข้ามาระดับนึง แต่เอมมี่ก็มีธุรกิจของเอมมี่เองอยู่แล้ว ส่วนด้านนี้มันก็เป็นอาชีพที่ดีมาก อาจจะช่วยส่งเสริมอาชีพที่เราทำอยู่ด้วย มันทำให้อะไรๆ ดูง่ายขึ้น”

“ไปไหนมาไหนคนก็รู้จักทั่วหน้าทั่วตา ก็ทำให้ใช้ชีวิตยากขึ้นนะ สาวประเภทสองมันก็จะมีอีนั่นอีนี่ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้แล้ว ก็กลายเป็นคนพูดจาสุภาพเรียบร้อยมากขึ้น หนูรู้สึกว่าต้องเป็นตัวอย่างที่ดีด้วยสิ เมื่อก่อนก็จะโหวกเหวกโวยวาย ก็ตามประสาสาวประเภทสอง ตอนนี้ไปทำที่บ้าน ด่ากับสุนัขอะไรแบบนี้ก็มีบ้าง(ยิ้ม) ตอนนี้ก็มีคนมาขอถ่ายรูปขอลายเซ็นต์ ก็รู้สึกดีค่ะ”

“คำว่าวงการมายา มันมายาจริงๆ นะ คือคำพูดเรามันสามารถแปลไปได้อีกสิบอย่างยี่สิบอย่าง แล้วก็ต้องคอยมานั่งตามแก้ สมชื่อมายา แต่เอมมี่ก็โอเคนะ เราเคยเจอเรื่องที่แย่มาแล้ว ต่อไปเอมมี่คิดว่าเราน่าจะตั้งรับกับมันได้”

สวยชนิดผู้หญิงยังอาย แม้แต่สวยระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง “อั้ม พัชราภา” ยังหึงแฟนถึงขั้นโทรมาถามว่า “เอมมี่” เคยมีอะไรกับแฟนตนเองหรือเปล่า แสดงว่า ของปลอมหมอให้มาอย่างเอมมี่ก็คงจะเด็ดสะเด่าไม่เบา

“กว่าจะครบสูตรแบบนี้ก็ผ่านอะไรมาเยอะค่ะ ตอนเอมมี่อยู่ม.1-6 ยังต้องแต่งตัวเป็นผู้ชายอยู่ ก็เลยยังไม่แสดงออกอะไรมากมายนัก แต่พอจบม.6 ก็ขอตังค์คุณพ่อคุณแม่ไปผ่าเลย หนูผ่าพร้อมกันเลยทั้งหน้าอกและข้างล่าง ตอนนั้นอายุ 18 พอดี ที่ตัดสินใจผ่าพร้อมกัน เพราะเอมมี่ไม่อยากเจ็บตัวหลายครั้ง บางทีเรามีข้างล่าง แต่ข้างบนอ้าวไม่มีอะไรเลย มันก็นะ(หัวเราะ) บางทีมีหน้าอกแต่ข้างล่างเป็นผู้ชาย ก็อ้าว..(หัวเราะ) ก็เลยทำพร้อมกันดีกว่า”

“ก่อนหน้าที่จะผ่าก็กินยาคุมนิดนึง (ต้องกินยาคุมเพื่อปรับฮอร์โมนหรือเปล่า?) เอมมี่เคยแอบกินตอนม.3 นะ แล้วก็หยุดไป เพราะการกินยาคุมมันจะทำให้ตรงฐานนมเรามันโตขึ้น แต่เวลาใส่ชุดมันจะเห็นจนน่าเกลียดเลยเลิกกิน แล้วก็มาเริ่มกินใหม่ตอนจะผ่าตัด กินก่อนประมาณ 2-3 เดือนเอง”

“คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ว่าอะไร เพราะเอมมี่มีน้องชายอยู่แล้วคนนึง แล้วแต่เราละกัน ถ้าเรามีความสุขก็ทำเหอะ ที่บ้านก็รู้มาตลอดแหละ เพราะเราก็คบเพื่อนผู้หญิงมาตลอด ตอนนี้อายุ 24 เอมมี่เคยบวชหน้าไฟ 2 ครั้ง แต่ตอนนั้นเด็กมาก เกิดเป็นผู้ชายอย่างน้อยๆ ก็เคยผ่านการบวชถึง 2 ครั้ง ก็โอเคนะ บวชก่อนที่จะผ่า จริงๆ คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้ขอให้เราบวชให้ ที่บ้านไม่ได้ซีเรียส แต่เรื่องเกณฑ์ทหารด้วยความที่เอมมี่ผ่าแล้ว ก็เลยไม่ได้อยู่แล้ว”

“ก่อนจะผ่าเขาต้องให้ทำเรื่องไปขอคุณพ่อคุณแม่ว่าจะยินยอมหรือเปล่า ผู้ปกครองต้องมาเซ็นต์ พ่อก็มีแอบน้ำตาซึมๆ บ้าง แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี (ถามพ่อมั้ยว่าทำไมถึงน้ำตาซึม?) คือเรามีอยู่ดีๆ แล้วต้องไปตัดออก แต่ก็ไม่เป็นไร เราเลือกแล้ว พ่อก็แฮปปี้ด้วย แต่ทั้งสองท่านก็ไม่ได้ห้าม ตัวหนูก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะผ่า”

“ตอนที่ยาสลบเข้าไปในตัวมันเย็นมาก ตอนนั้นคือคิดว่า เฮ้ย ฉันตื่นมาจะไม่มีแล้วหรอ ตอนนั้นไม่อยากทำแล้ว แต่ไม่ทันอะไรหนูก็หลับไปแล้ว ตื่นมาอีกทีก็มีผ้าพันแน่นไปหมด(ชี้ตรงหน้าอกตรงข้างล่าง) เหมือนกระดูกเราแหลกทั้งตัว ขยับอะไรไม่ได้เลยมันร้าวทั้งตัว ช่วงที่ต้องเปลี่ยนเตียง หมอต้องเอาผ้ามาพันเราทั้งตัวเหมือนศพ แล้วยกขึ้นย้ายเตียง มันเหมือนกระดูกแตกทั้งตัว ทรมานมาก เหมือนตายทั้งเป็นนะ”

“นาทีที่คิดเปลี่ยนใจไม่อยากผ่าแล้วเพราะกลัว แต่ไม่ทันแล้วเพราะเราโดนยาสลบหลับไปเลย เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ต้องหัดเดินใหม่ เพราะหลังจากผ่าแล้วต้องนอนบนเตียง 4 วัน ไม่ได้เดิน ทรมานมากๆ การรักษาตัวยากมาก กลับมาบ้านจะพลิกตัวทีโอ้ย ทรมานมาก เป็นสาวประเภทสองมันยากนะ ยิ่งมาทำแบบนี้มันยิ่งยากกว่าเดิมเป็นสิบเท่า ร้อยเท่าพันเท่าเลย”

“หลังจากออกจากโรงพยาบาลก็มารักษาตัวที่บ้าน แผลที่ผ่าตัดข้างล่างมันส่งกลิ่นแรงมาก เหมือนอะไรเน่าตายในบ้าน จริงๆ นะ เราก็โอ้ยทำไมมันเป็นแบบนี้วะ เมื่อไหร่จะหาย ทำความสะอาดบ่อยๆ มันก็ไม่หายซะที เหมือนแผลข้างในมันเน่า กว่าจะหายมันก็ต้องใช้เวลา แต่มันทรมาน หมอบอกว่า ที่กลิ่นมันเน่าอาจจะเป็นเพราะมีเลือดคั่งข้างใน ซึ่งบางครั้งเราไม่สามารถใช้มือไปช่วยล้างออกได้ การล้างบางทีต้องใช้น้ำเกลือล้าง แต่บางทีมันก็ไม่สะอาด เราต้องทำความสะอาดเองที่บ้าน บางทีก็ให้น้องชายช่วยทำนะ น้องชายกลัวผู้หญิงไปเลย ทำไมผู้หญิงมันเป็นแบบนี้(หัวเราะ)”

“กว่าแผลจะเข้าที่ใช้เวลานานมาก กว่าเส้นประสาทจะเข้าที่ก็เป็นเดือน เดือนนึงนี่ก็ใช้งานกระหน่ำย่ำ เดือนนึงใช้งานแล้ว(หัวเราะ) ใช้งานนี่คือแบบต้องช่วยตัวเอง เพราะมันต้องใช้แท่งแก้วนั่งช่วยตัวเองทุกวัน เพื่อให้รูที่เราทำมาไม่ตีบตัว ถ้าไม่ทำมันอาจจะตันแล้วอาจจะได้ไปผ่าใหม่ บางทีแผลมันประสานตัวกันแล้วมันติดกัน แล้วทำมาเพื่ออะไร ถ้าไม่มีรูตรงนั้น”

“ตอนแรกมีเลือดออกตลอด ต้องใส่ผ้าอนามัยอยู่เดือนนึง มีน้ำไหลตลอด เป็นเหลืองๆ เลือดๆ เดินได้แต่เดินยาก เดินขัดๆ เอ๊ะมันหายไปไหน มันโล่งๆ เวลาเดินมันจะเจ็บเหมือนมีใครมาหยิกตลอดเวลา แต่มันก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามพัฒนาการของร่างกายเรา ตอนที่ทำมาใหม่ๆ เคยไปนั่งมอเตอร์ไซด์เพื่อน เจ็บมาก(ย้ำเสียง) เวลาตกหลุมเจ็บมาก(หัวเราะ) มีอยู่ครั้งนึงแผลยังไม่ดี แล้วเราไปนั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์เพื่อน แล้วแคมมันปริอ่ะ(หัวเราะ) ต้องไปให้หมอเย็บใหม่ ต้องเย็บสด รอบนั้นถือว่าซวยไป”

“ตอนแรกรู้สึกแปลกนะ มันเป็นแบบนี้เหรอ มันรู้สึกอย่างนี้เหรอ ทำไมมันไม่เสียวเลย(หัวเราะ) ตอนแรกเป็น หลังๆ มาก็ปกติ ตอนแรกความเจ็บมันบดบังอารมณ์ทุกอย่างไปเลย ไม่อยากเดินเลยทำไมมันเป็นแบบนี้ แต่พอผ่านมา 4-5 เดือนก็ปกติดี แต่เอมมี่ทำแบบรุ่นใหม่ไม่ใช่รุ่นเก่า เพราะรุ่นใหม่มันจะมีอารมณ์ความรู้สึกด้วย สามารถเสร็จได้ และต้องเป็นผู้ชายที่เราชอบด้วยนะ ไปมีอะไรกับคนที่เราไม่ชอบมันจะมีความรู้ได้ไง อันนี้สำคัญมาก แต่เราก็ต้องบิ้วล์เต็มที่เหมือนกัน(หัวเราะ) แต่ไม่ได้เสร็จเหมือนตอนเรามีอันนั้นเหมือนเดิม แต่รุ่นเก่ามีแต่รู แหย่เข้าไปก็ไม่รู้สึกอะไร เอมมี่โชคดีที่ทำในตอนที่วิวัฒนาการทางการแพทย์มันอัพแล้ว”

“ตอนนี้ปกติดีทุกอย่างแล้ว สมบูรณ์แบบทุกอย่าง แฟนที่ผ่านมาก็แฮปปี้ทุกคน ไม่มีใครมีคอมเม้นท์เลย (มีผลข้างเคียงมั้ย?) รู้สึกว่าตัวเองหงุดหงิดง่าย เพื่อนก็ถามทำไมหล่อนเอ๋อ แปลกมากเลย เป็นโดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะการผ่าตัดมันคือการเอาฮอร์โมนผู้ชายออกไป ปกติคนเราต้องมีฮอร์โมนผู้ชายครึ่งผู้หญิงครึ่ง หรือผู้ชายมากกว่าผู้หญิงน้อยกว่าอยู่แล้ว แต่นี่เอมมี่ไม่มีฮอร์โมนผู้ชายเลย ผู้หญิงก็ไม่มี ต้องฉีดฮอร์โมนเอาตามคลินิก แต่อาการอย่างอื่นไม่มีเลย ป่วยทางใจมากกว่า ต้องการมากๆ(หัวเราะ) ล้อเล่นขำๆ ค่ะ”

“แต่ก็เคยมีเรื่องฮานะ มีครั้งนึงไปดูหนังที่เมเจอร์ฯแล้วปวดฉี่มาก แล้วอั้นไม่อยู่ ห้องน้ำหญิงก็เต็ม ก็แบบจะทำยังไงดีวะ แล้วห้องน้ำผู้ชายไม่มีคน เราก็ถอดกางเกงออกแล้วก็หันตูดเข้าที่ฉี่(ทำท่าให้ดู) ถือว่าโชคดีที่ไม่มีคน ถ้ามีใครเข้ามาเห็นนี่ยุ่งเลยนะ เป็นเรื่อง(หัวเราะ)”

ลั่น เหมือนของจริงจนแฟนดูไม่ออก
“เคยถามผู้ชายที่เคยคบกันนะ คือถ้าอยู่ดีๆ เราไม่ไปบอกเราเป็นกะเทยนะ เขาก็ดูไม่ออกนะ ก็เหมือนเขามีอะไรกับผู้หญิง มันอยู่ที่ความรู้สึกคนเรามากกว่า บางครั้งเพื่อนผู้หญิงอาบน้ำด้วยกัน เพื่อนก็แบบเฮ้ยขอแหย่ดูซิมันเป็นไง(หัวเราะ) ผู้หญิงก็อยากรู้ เขาก็ลองดูอะไรแบบนี้ มันก็แปลกดีเนอะ โลกเรามันมหัศจรรย์จริงๆ (อารมณ์ความรู้สึกรับรู้ได้ปกติ?) รับรู้ได้ๆ แต่จะให้เหมือนผู้หญิงเป๊ะๆ เลยมันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ผู้หญิงคือสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดแล้ว(หัวเราะ)”

“หน้าอกทำไซส์ 34 แต่เหมือน 36 นะ มันกลมๆ ให้คุณหมอเลือกให้เลยว่ารูปร่างอย่างเราต้องไซส์เท่าไหร่ แต่เคยคิดอยากทำใหญ่กว่านี้ แต่ไม่ทำดีกว่ากลัวเจ็บ เพราะเราไม่ได้ทำใต้ผิวหนังแต่เราทำใต้กล้ามเนื้อ ใต้ผิวหนังการรื้อออกมันง่าย แต่ใต้กล้ามเนื้อมันเรื่องใหญ่ มันต้องวางยาสลบเรื่องใหญ่มากๆ (เวลาโดนจับเจ็บมั้ย?) ไม่เจ็บจะเป็น ส.(เสียว)มากกว่า(หัวเราะ) สามารถมีอารมณ์มีความรู้สึกเหมือนผู้หญิงเลย เวลาโดนจับรู้สึกมันมากกว่า(หัวเราะ) อันนี้พูดตรงๆ เลยนะ”

“รูปทรงก็เหมือนของผู้หญิงเลย ผู้หญิงยังทักเลยว่าเหมือนนะ ผู้หญิงจริงๆ ไปทำยังไม่เหมือนอย่างนี้เลย แข็งกว่าเราอีก ของเอมมี่นิ่มเพราะเป็นซิลิโคน จับดูได้ ถ้าเป็นน้ำเกลือเวลาเรากระเด้งมันเหมือนถุงน้ำก็ไม่ไหวนะ หน้าอกรถสิบล้อเหยียบยังไม่แตกนะ แต่ถ้าโดนเข็มจิ้มอาจจะแตก อันนี้คือการทดลองของหมอ เอมมี่ก็เลยมั่นใจซิลิโคนมากกว่า”

“แฟนที่เคยคบก็รู้ทุกคนว่าเราผ่ามา ถ้าคนที่มาจีบเราจริงๆ เอมมี่จะไม่แบบ เป็นผู้หญิงค่ะ(แอ๊บเสียงเป็นผู้หญิง) มันเหนื่อยเปล่าๆ เอมมี่จะบอกทุกคนที่เราคบ แต่บางครั้งเดินผ่านเพื่อนเราที่แอ๊บๆ เพื่อนก็จะบอกฉันแอ๊บๆ อยู่ มันเหนื่อยนะ(หัวเราะ) จะคุยกันก็ไม่ได้ ฉันแอ๊บๆอยู่ เอมมี่เป็นกะเทยดีกว่า แอ๊บเป็นผู้หญิงทำไม่ได้หรอกไม่ไหวมันเหนื่อยนะ เป็นกะเทยนี่แหละค่ะ”

บอก ถึงจะเป็นกะเทยก็มีหัวใจ อยากมีรักแท้อยากมีเซ็กส์เหมือนผู้หญิงทั่วไป
“ตอนนี้ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่มีคนมาจีบนะ แต่ยังไม่อยากมีมากกว่า สาวประเภทสองก็มีหัวใจเหมือนคนอื่นสามารถที่จะมีความรักได้ บางคนก็บอกว่าสาวประเภทสองไม่มีรักแท้หรอก อย่างผู้หญิงกับผู้ชายสามารถแต่งงานกันได้ สามารถมีลูกมีทายาท แต่เราไม่มีไง ผู้ชายคง… เอมมี่ว่ายากมากกว่า อาจจะมีแต่ยาก 99.99 เปอร์เซ็นต์ อีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์เป็นของเราละกัน เอมมี่เคยมีประสบการณ์มาแล้ว ก็เลยคิดว่ามันคงหารักแท้ยากเหลือเกิน (คิดยังไงที่สาวประเภทสองถูกมองฟรีเซ็กส์?) มันแล้วแต่คนมากกว่า เพื่อนเอมมี่บางคนอายุเท่ากันยังไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายเลย แปลกไม่รู้เหมือนกัน พรหมจรรย์ยังไม่ขาด(ยิ้ม)”

“การมีเซ็กส์ถามว่าสำคัญมั้ย เอมมี่คิดว่าสำคัญมาก(ลากสียง) แต่ก็ต้องหาคนที่ถูกใจ เอาฉาบฉวยมากมันก็เปลืองตัว มันสำคัญมากเพราะความรักถ้าไม่มีเซ็กส์เกิดขึ้นมันก็จะไม่สมบูรณ์ การแต่งงานเซ็กส์ต้องไปกันได้ด้วย มันต้องยินยอมทั้งสองฝ่าย ถ้าผู้ชายไม่ยอมหรือคนใดคนนึงไม่ยอมมันก็ไม่มีความรู้สึกอยู่แล้ว การจะมีอะไรกับใครเราดูที่อารมณ์ความรู้สึกมากกว่า ถ้าเกิดเราถูกใจเราก็ให้เลย”

“ทำทุกวันให้มีความสุขมากกว่า อย่ามองถึงอนาคตมาก เพราะบางทีเราอาจจะไปไม่ถึง เพราะฉะนั้นเราทำวันนี้ให้มีความสุขมากที่สุดดีกว่า อยากได้อะไรได้ อยากทำอะไรทำ อย่าไปคิดว่าอีกสิบปีข้างหน้าค่อยทำ เอมมี่ว่าทำวันนี้เลยดีกว่า ส่วนอนาคตในวงการก็แล้วแต่โอกาสที่จะเข้ามา ปีหน้าน่าจะมีภาพยนตร์ ตอนนี้คนก็รู้จักเอมมี่ในระดับนึงแล้วเนอะ แค่นี้ก็ภูมิใจแล้ว แต่ถ้ามีอะไรมากกว่านี้ก็ถือว่าเป็นโชคบันดาลละกัน ทุกวันนี้ถ่ายโฆษณาผิวพรรณเยอะมาก จนคิดว่าอุ้ย ใครจะมาเชื่อว่าเราถ่ายเยอะขนาดนี้(หัวเราะ)”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

แสดงความคิดเห็น

 
Top