“แหม่ม” น้ำตาไหลพรากตามหาแม่ชื่อ “ตุ๊ก” ที่ทอดทิ้งเธอไปตั้งแต่ยังเด็ก เผยเหตุเกิดอาการแปลกแยกและเป็นหนักหวั่นฆ่าตัวตาย จนต้องเข้ารับการบำบัดจากจิตแพทย์ เชื่อการได้เจอแม่จะทำให้หายจากอาการดังกล่าว ไม่กลัวคนแอบอ้างเชื่อความรักทำให้สัมผัสได้ใครเป็นแม่ที่แท้จริง วอนแม่ให้กล้าออกมาคุยกัน ยันไม่โกรธที่ทิ้งตนไป





เคยออกรายการประกาศตามหาแม่ที่แท้จริงมาแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งตัวเองยังไม่ใส่ใจสักเท่าไหร่ แต่พอดาราสาว “แหม่ม วิชุดา พินดัม” เกิดอาการนอนไม่หลับ เหงาแทบขาดใจ ชอบปิดไฟอยู่เงียบๆ คนเดียว และเริ่มทำอะไรไม่รู้ตัว เลยวิ่งโร่เข้าพบจิตแพทย์ และได้รับการบำบัดจากดร.พงษ์ระพี บูรณสมภพ ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อรักษ์ จึงทำให้ทราบว่า เป็นอาการของโรคความรู้สึกแปลกแยกจากตัวเองและผู้อื่น ซึ่งเมื่อสาวลึกไปถึงสาเหตุพบว่า สิ่งที่ “แหม่ม วิชุดา” ต้องการคือต้องการพบคุณแม่ที่แท้จริง ที่ทิ้งเธอไปตั้งแต่ยังเด็ก

ทั้งนี้ “แหม่ม วิชุดา” ได้เผยทั้งน้ำตาขณะมาอัดรายการ “บางกอกสเตชั่น” ที่สตูดิโอมนตรี ย่านลาดพร้าว 101 เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (5 พ.ย.) ว่า ตนต้องเข้าพบจิตแพทย์สัปดาห์ละ 2 วัน วันละ 3 ชั่วโมง โดยเข้ารับการบำบัดมานาน 3 เดือนแล้ว และอยากพบแม่ที่แท้จริงเพื่อจะได้หายจากอาการดังกล่าว

“ที่ออกมาตามหาแม่เพราะมันใช้ชีวิตยากค่ะ เราไม่รู้ว่าวันไหนเราจะทำอะไรที่น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ และเราไม่อยากฆ่าตัวตาย แต่เราตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเราถึงอยู่ไม่ไหว ทำไมเราถึงใช้ชีวิตไม่ได้ ทำไมเราถึงเป็นอะไรแบบนี้ ทำไมเราถึงต้องเหงา คือใครๆ ก็เหงา เวลาบอกใครทุกคนก็บอกเป็นเหมือนกัน แต่เรารู้สึกว่าอาการเหงาของเราเป็นอาการที่เหงาแทบขาดใจ”

“แหม่มมารู้ตัวเองว่าต้องการคุณแม่ ตอนที่เข้ารับการบำบัดได้เดือนแรก ตอนแรกเราไม่รู้ว่าเป็นอะไร เราต้องการอะไร เราไม่รู้ทำไมเราถึงป่วยไม่ปกติ แต่ไม่มีใครรู้ อย่างที่ทราบว่าเรามีหน้าที่ทางสังคม เราเป็นนักแสดง เวลาเป็นอะไรก็แล้วแต่ที่ไม่สบายใจ มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องแสดงให้ทุกคนเห็น แล้วแหม่มเป็นนักแสดงตั้งแต่เด็กๆ ความเอนเตอร์เทนมันจะติดมา ซึ่งเราจะเจ็บปวด ท้อ หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่พอถึงเวลาแสดงเราต้องทำได้ ดังนั้นอะไรที่เราเป็นต่างๆ ก็เก็บไว้คนเดียวที่บ้าน ทีนี้การใช้ชีวิตกับสังคมมันใช้ได้ เพราะเรารู้ว่าเวลาออกมาเจอคนปุ๊บ เรายิ้มทำอะไรก็ได้ แต่เมื่อกลับไปอยู่คนเดียวปุ๊บมันแย่ มันทรมาน”

“ตอนแรกแหม่มก็ไม่รู้ตัวเองนะว่าต้องบำบัด ก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มทรมาน เริ่มหนัก เริ่มทำอะไรไม่รู้ตัวเวลาอยู่คนเดียว ที่ทำอะไรไม่รู้ตัวคือทานยาเยอะๆ มากๆ จนตาย แต่ไม่ได้ฆ่าตัวตาย คือเป็นยานอนหลับทั่วไป ไม่ใช่ยาฆ่าตัวตาย หรือยาเบื่อหนู (หัวเราะ) เวลากินทีก็ 2-3 แผง แต่ตอนกินเราไม่รู้ตัว ไม่ใช่ว่าสั่งมาแล้วจะกินให้อิ่ม ไม่ใช่อย่างนั้น เราแค่รู้สึกอยากนอน มันทรมานแต่นอนไม่ได้ 3 วัน 5 วัน พอวันที่ 5 ปุ๊บก็น็อกไป 2 วันตื่นมาอีกทีก็ปวดหัว นอนไม่หลับ ง่วงแต่นอนไม่หลับ”

“คือร่างกายไม่ไหวแล้ว แต่สมองไม่สั่งให้หลับ เป็นอยู่อย่างนี้ 3 เดือนไม่ไหวมันทรมาน มันแย่ ตอนแรกเราก็คิดว่าตัวเองเป็นอะไรสักอย่างแต่ไม่น่ากลัวมาก แล้วมันมีอาการอีกบางอย่างที่แหม่มจำไม่ได้ว่าแหม่มเป็น แหม่มล็อกไว้ไม่จำ มันมีหลายอย่างที่แหม่มไม่ได้เล่าให้ฟัง ซึ่งพอคุยกับดร.แล้ว เขารู้ว่าอาการแบบนี้คืออะไร แล้วเขาก็เป็นคนบอกเราว่าอันตราย แหม่มใช้ชีวิตต่อแบบนี้ไม่ได้ แหม่มต้องหาว่าต้องการอะไรและเป็นอะไร”

“ที่ผ่านมาแหม่มไม่เคยบอกใครว่าแหม่มเป็นอะไร ไม่มีใครรู้เลย มีเพื่อนคนเดียวที่สนิทมา 10 กว่าปี เป็นเพื่อนนอกวงการ และเป็นคนพามาหาดร. นานๆ เราถึงจะคุยกันเวลาแย่ๆ เขาก็จะอยู่ข้างๆ เราตลอด เราไม่ได้คุยกันทุกวัน แต่พอรู้สึกแย่ๆ โคม่าๆ เราก็จะเล่าให้เขาฟัง เขาก็จะรับได้เวลาเราอ่อนแอ เพราะเวลาเราอยู่กับคนอื่นทั่วไปอ่อนแอไม่ได้ เหมือนเราคอยให้คำปรึกษาทุกคน เราเก่ง คนมองว่าแหม่มเข้มแข็ง แต่พอวันที่เราอ่อนแอ ทุกคนงง ทุกคนหนี แต่ไม่ได้หนีเพราะเกลียด แต่หนีเพราะจะช่วยแหม่มยังไง ในเมื่อเวลาเขาอ่อนแอแหม่มช่วยเขา แล้วเพื่อนจะหนีไปทีละคนเวลาแหม่มเป็นอะไร เขาไม่รู้จะช่วยแหม่มยังไง มันเลยกลายเป็นเหลือเราอยู่คนเดียวเวลาอ่อนแอ หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าไม่ต้องมีใครมารู้ละกันเวลาแหม่มเป็นอะไร แหม่มก็ไม่เคยพูดอะไรให้ใครฟังเลย ส่วนพี่นก (จิรศักดิ์ โย้จิ้ว-อดีตแฟนหนุ่ม) ไม่ค่อยได้คุยกันแล้วค่ะ ก็เลิกกันแล้วก็ไม่ได้คุย”

เมื่อถามถึงหลักฐานและข้อมูลเกี่ยวกับแม่ที่แท้จริงที่จะใช้ตามหา ดาราสาวบอกไม่ทราบอะไรเลย นอกจากรู้แค่ว่าแม่ชื่อ “ตุ๊ก”

“มันเป็นข้อมูลที่เลื่อนลอย เวลาใครมาพูดเรื่องนี้ให้ฟังก็จริงบ้างอะไรบ้าง แหม่มไม่มีรูปภาพแม่ ไม่มีอะไรสักอย่างเลย รู้แต่ว่าชื่อ ตุ๊ก เราไม่มีข้อมูลก็ไม่รู้จะไปขออะไรที่สถานทูต แหม่มว่าคนที่ใกล้ชิด คนที่รู้เรื่อง คนที่รู้จักแม่รู้จักแหม่มจะรู้ว่า....จริงๆ แหม่มว่าแม่รออยู่ เขารู้และติดตามมาตลอดว่าแหม่มอยู่ตรงนี้ เพียงแต่เขาไม่กล้าเข้ามา ด้วยข้อมูลบางอย่างของคนรอบข้างที่ไม่อยากให้เราเจอกัน แต่แหม่มเชื่อว่าเขารู้ว่าแหม่มอยู่ตรงนี้”

“แหม่มก็ไม่รู้จะให้ใครช่วยแหม่มยังไง ตรงนี้แหม่มลำบากใจ ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้บ้าง แหม่มรู้อย่างเดียวว่าแม่แหม่มชื่อ ตุ๊ก แหม่มไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร หน้าตาเป็นยังไง เกิดที่ไหน อายุเท่าไหร่ ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ แหม่มก็เลยไม่รู้จะพูดอะไรได้มากไปกว่านี้ อย่างที่บอกมันมืดแปดด้าน ถ้าเรารู้ข้อมูลมากกว่านี้ เราคงสืบทางอื่นบ้าง แต่ตอนนี้สืบทางไหนไม่ได้เลย เพราะไม่มีข้อมูลอะไรเลย ก็คงทำได้แค่นี้”

“แต่แม่ที่เลี้ยงแหม่มมารู้จักกับแม่แน่นอนค่ะ แหม่มก็เคยถามเขาแต่เขาไม่บอก เขาไม่พูด ที่แหม่มตามหาแม่จริงๆ ครั้งนี้ เขาก็ทราบค่ะ เขาก็เสียใจ ส่วนจะน้อยใจหรือเปล่า คือถ้าเขาน้อยใจก็แปลว่าเขาไม่รักแหม่ม ขอโทษนะคะถ้าเกิดแหม่มจะพูดคำตอบที่ออกมาจากความรู้สึกของแหม่ม ขอโทษถ้ามันไม่ถูกใจใคร เพราะแหม่มเข้าใจว่าอะไรแบบนี้มันเข้าใจยาก แต่แหม่มเชื่อว่าถ้าแหม่มเป็นเขา แหม่มจะไม่โกรธ แหม่มจะไม่เสียใจจะไม่น้อยใจ แหม่มจะให้ทำในสิ่งที่อยากทำ เพราะแหม่มบอกเสมอว่าจะไม่ทอดทิ้งเขา จะดูแลทุกอย่าง แต่ขอแหม่มทำในสิ่งที่แหม่มอยากทำแค่นั้นเอง”

“แหม่มคงกลับไป และเริ่มต้นพูดคุยกับเขาว่าแหม่มเป็นอะไร คือมันผ่านจุดที่เราทำหรือไม่ทำมาแล้ว ก็คงไปเริ่มต้นพูด ถ้าเขาถามแหม่มยินดีตอบ เพราะไม่มีอะไรปิดบัง เพียงแต่แหม่มไม่รู้จะไปเริ่มต้นพูดให้เขาฟังแบบไหน ที่ผ่านมาแหม่มต้องรักษาน้ำใจของพ่อแม่ที่เลี้ยงแหม่มมา แต่ตอนนี้แหม่มจะทำทุกอย่างเพื่อตามหาแม่ที่แท้จริง คือบางทีเราก็มานั่งคิดว่า 33 ปีละก็เป็นผู้ใหญ่พอสมควรแล้ว บอกตรงๆ ว่าในชีวิตเท่าที่จำได้ไม่เคยทำอะไรเพื่อตัวเองเลย นี่เป็นการลุกขึ้นมาทำเพื่อตัวเองครั้งแรก”

“แล้วคิดว่าถ้าเขารักเราจริงๆ (เสียงสั่น) สิ่งที่เราทำไม่ได้ขอความช่วยเหลือ หรือไปขอร้องให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ (เริ่มร้องไห้) ถ้าเขารักเราจริงๆ เขาต้องเข้าใจเราบ้าง เขาต้องเห็นใจเรา เขาต้องรู้ว่าวันนี้เราเป็นอะไร ทำไมเราถึงมายืนอยู่ตรงนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่แหม่มต้องมานั่งเล่าเรื่องของตัวเองทุกสิ่งทุกอย่าง ให้ทุกคนที่รู้จักแหม่มบ้าง เคยร่วมงานกันบ้าง เคยเจอกันบ้างฟัง เพราะเราไม่ได้สนิทกัน แหม่มไม่รู้ว่าใครจะเข้าใจแหม่มบ้าง บางคนอาจจะไม่เข้าใจแหม่มเลย บางคนอาจจะเห็นใจ คือทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง”

“แหม่มเสี่ยงกับการที่มายืนอยู่ตรงนี้ แต่แหม่มรู้สึกว่ามันคุ้ม ถ้าแหม่มไม่ทำในสิ่งที่แหม่มรู้สึกว่ารอคอยมานาน ใครจะเข้าใจแหม่มก็ขอบคุณ ใครจะไม่เข้าใจแหม่มก็เข้าใจเขา ใครไม่ได้เจอกับตัวไม่มีวันรู้ว่าความเจ็บปวด ความเหงา ที่แหม่มได้รับ ที่แหม่มเป็นอยู่มาตลอด มันเจ็บปวดจนแทบตายแค่ไหน แล้วแหม่มก็เชื่อว่ามีคนอีกหลายคนที่เป็นเหมือนแหม่มแต่ไม่กล้าพูด หรือพูดไปแล้วไม่มีใครเข้าใจ แล้วแหม่มอยากบอกให้คนเหล่านั้นรู้ว่า ถ้าใครเป็นแบบแหม่มอย่าปล่อยให้ตัวเองดิ่ง จนถึงจุดที่เราควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วทำอะไรที่อันตรายหรือน่ากลัวถึงชีวิตลงไป แหม่มเชื่อว่ามีหลายคนที่ฆ่าตัวตายแบบไม่รู้ตัว แล้วสุดท้ายเขาก็ตายไปโดยที่ไม่ได้อะไรเลย”

เมื่อสอบถามต่อว่า กลัวคนมาแอบอ้างว่าเป็นแม่ หรือการตามหาครั้งนี้อาจไม่ประสบความสำเร็จบ้างหรือไม่ ดาราสาวกล่าวว่า

“คือที่ผ่านมาแหม่มไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เวลามีใครมาบอกแหม่มว่าเป็นพ่อแม่ แหม่มก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เราก็จะงงๆ แต่ตอนนี้แหม่มรู้ว่านี่คือเป้าหมายของแหม่ม ใครอยากแอบอ้างไม่เป็นไร เขาก็มีเหตุผลของเขาที่แอบอ้างไม่ว่ากัน แต่แหม่มเชื่อว่าถ้าแหม่มได้เจอหรือได้คุย แหม่มจะรู้ว่าใช่หรือไม่ใช่ ไม่มีใครหลอกแหม่มได้เรามั่นใจ เพราะความรู้สึกที่แหม่มมีกับแม่มันใกล้กันมาก”

“แหม่มมั่นใจว่าจะรู้ มันสัมผัสได้ถึงความรักความผูกพันที่เรามีให้กัน แหม่มเชื่อว่าแม่รักแหม่ม แล้วทุกวันนี้แหม่มก็ยังเชื่ออยู่ ต่อให้ใครบอกแหม่มว่า ป่านนี้เขามีครอบครัวใหม่ไปแล้ว (ร้องไห้) เท่าที่ทราบนะคะ เขามีสามีใหม่มีลูกใหม่ แต่ไม่เป็นไร มันคนละคน เขาต้องรักลูกใหม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ และความรักที่เขามีต่อแหม่มก็ยังร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม เพราะเราไม่ได้แบ่งความรักจากคนสองคน เราไม่สามารถแบ่งความรักไปให้คนสองคนได้ เรามีเท่าไหร่ก็ให้คนนั้นเท่านั้น แหม่มเชื่อว่าแม่ยังรักแหม่ม แล้วแหม่มก็เชื่อว่าแม่อยากเจอแหม่ม แต่ด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เขาไม่กล้ามาเจอแหม่ม แหม่มก็รู้มาบ้าง แต่แหม่มอาจบอกอะไรตรงนี้มากไม่ได้”

“ก็อยากบอกว่าไม่ต้องกลัวใครทั้งนั้น วันนี้แหม่มออกมาพูดแล้วว่าแหม่มอยากเจอ แหม่มรักและพร้อมที่จะเจอ แหม่มไม่ได้อยากได้อะไรจากแม่ นอกจากขอให้แม่มาหาแหม่ม ขอให้แม่กอดแหม่ม ขอให้แม่บอกแหม่มว่า แม่ทำไมถึงต้องทิ้งแหม่มแค่นั้นเอง แล้วแหม่มจะบอกแม่ว่า แหม่มไม่โกรธแม่ แหม่มไม่เคยโกรธแม่เลย แหม่มเข้าใจ แหม่มพอจะรู้ว่าทำไมแม่ถึงต้องฝากแหม่มไว้กับคนอื่น เพียงแต่ขอคอนเฟิร์มความรู้สึกจริงๆ ว่า มันจริงอย่างที่เราได้ยินมาหรือที่เราได้บำบัดมา อย่างน้อยมันจบ เราดำเนินชีวิตต่อ ต่างคนต่างใช้ชีวิตต่อได้”

“ถามว่าการออกตามหาแม่ครั้งนี้กลัวจะผิดหวังไหม ครั้งนี้ไม่กลัวเหมือนที่ผ่านมานะคะ เพราะครั้งนี้มีความรู้สึกว่า เราไปฟื้นฟูความรู้สึกตัวเองกับการผิดหวังมาหลายๆ ครั้งแล้ว ครั้งนี้เหมือนเราได้ทำทั้งสองมือของเราอย่างเต็มที่ ถ้าเจอก็ดี ถ้าไม่เจอก็ไม่เป็นไร แล้วแหม่มก็เชื่อว่า ถ้าแหม่มเจอแม่แล้ว ปมทุกอย่างจะคลี่คลาย เราเชื่อเพราะทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เกิดจากความคิดของเรา ไม่อย่างนั้นเราจะเข้าคลาสบำบัดให้มันได้ทฤษฎีทำไม คือทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากข้อมูลที่เชื่อถือได้ แล้วมันก็เป็นไปได้ เป็นสิ่งที่ควรจะทำ ยังไงก็หาย”

“แต่ถ้าแหม่มไม่หายไม่หา แหม่มมีชีวิตครอบครัวไม่ได้ แหม่มจะไม่กล้ารักใคร แหม่มมีแฟนกี่คนจะไม่เข้าใจ เพราะกลัวการถูกทอดทิ้ง มันจะไม่สามารถรักใครได้อีกเลย แล้วก็มีชีวิตไม่ได้ เราจะเป็นผู้หญิงแก่ๆ ที่รักใครไม่เป็น”

“ถ้าแหม่มเจอแม่จริงๆ แล้ว จะทำยังไงกับชีวิตต่อไป ก็ปกติเลยค่ะ อย่างที่บอกว่าคนเรามันแบ่งพาร์ทการใช้ชีวิตได้ ทุกวันนี้แหม่มมีชีวิตกับพ่อแม่ที่เลี้ยงแหม่มมา ก็ดูแลเขาอย่างดีทุกอย่าง ถ้าแหม่มได้เจอพ่อแม่จริงๆ ก็ไม่เชื่อว่าแหม่มจะไปแล้ว มันไม่มีทาง มันไม่เกี่ยวกัน แล้วแหม่มก็ไม่เชื่อว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงมาจะโกรธถ้าเขารักแหม่ม แหม่มเชื่อว่าเขาจะยินดีกับความสุขที่แหม่มได้รับ”

“แหม่มก็อยากฝากบอกแม่ผ่านทางนี้นะคะว่า แหม่มรู้ว่าแม่รักแหม่ม แหม่มรู้ว่าตอนที่แม่ท้องแหม่ม แม่เจออะไรบ้าง แหม่มรู้ทุกอย่าง แหม่มเข้าคลาสแล้วรู้หมดเลย แหม่มเข้าใจแม่และไม่เคยโกรธ ไม่เคยมีครั้งไหนที่โกรธ ต่อให้แกล้งโกรธเท่าไหร่ก็รู้ว่าตัวเองไม่โกรธ แหม่มเข้าใจทุกอย่าง แต่แหม่มแค่อยากให้แม่กล้าที่จะออกมาบอกแหม่มว่า แม่คือแม่แหม่ม ช่วยให้แหม่มมีชีวิตต่อไปให้ได้แค่นั้นเอง แหม่มรู้ว่าแม่อยากเจอแหม่ม แหม่มเชื่อ ออกมาเถอะ ออกมาหาแหม่มมาคุยกัน”

แสดงความคิดเห็น

 
Top