คำแปลบทสัมภาษณ์ "Lacerta" ชาวโลกอีกเผ่าพันธุ์นึง ตอนที่ 1
บทนำ
ฉันรับรองว่าเรื่องราวที่ว่ามานี้เป็นเรื่องจริงและไม่ใช่นิยายวิทยาศาสตร์นี่เป็นส่วนนึงของบทสัมภาษณ์ที่ฉันที่ได้คุยกับสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์และเป็นพวกสัตว์เลื้อยคลานในเดือนธันวาคม 1999 สิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้หญิงนี้ได้ติดต่อกับเพื่อนของฉัน(ซึ่งชื่อของเค้าได้เขียนเป็นชื่อย่อว่า E.F.ในบทสัมภาษณ์นี้)
ตั้งแต่หลายเดือนที่ผ่านมา ขอบอกก่อนว่าฉันเป็นคนที่สงสัยในเรื่อง UFOs, เอเลี่ยนและสิ่งอื่นๆที่ดูแปลกประหลาดและฉันคิดว่าสิ่งที่ E.F. บอกฉันนั้นเป็นแค่ความฝันหรือเรื่องนิยายเมื่อเขาคุยกับฉันเกี่ยวกับการติดต่อกันครั้งแรกกับสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ที่ชื่อ "Lacerta" ฉันมีความสงสัยเมื่อฉันได้พบกับสิ่งนี้ในวันที่ 16 ธันวาคมปีที่แล้ว(1999) ในห้องเล็กๆที่อบอุ่นในบ้านที่ห่างไกลของเพื่อนของฉันใกล้กับเมืองในทางตอนใต้ของสวีเดน,ฉันก็ไปพบกับความจริงกับตาของฉันเองว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ เธอบอกและแสดงสิ่งที่ไม่น่าเชื่อหลายอย่างระหว่างการเจอกันครั้งนี้ที่ทำให้ฉันไม่สามารถปฏิเสธความเป็นจริงและความจริงที่เธอได้พูดมา นี่ไม่ใช่เรื่อง UFO ที่เป็นเรื่องโกหกแล้วพยายามบอกว่าเป็นเรื่องจริงแต่ว่ามันเป็นเรื่องจริง,ฉันเชื่อว่าเรื่องที่ว่ามานี้เป็นเรื่องจริงและคุณควรจะอ่านมัน ฉันได้คุยกับเธอเป็นเวลามากกว่า 3 ชั่วโมง,ดังนั้นเรื่องราวที่มาให้อ่านจะแสดงแค่ส่วนที่สั้นของการสัมภาษณ์,เพราะว่าเธอขอร้องหลังจากการสัมภาษณ์ไม่ใช้เผยแพร่ความจริงทุกเรื่องที่เธอได้บอกกับฉัน การเรืยงลำดับคำถามที่เห็นไม่ได้เรียงตามคำถามที่ฉันได้ถาม,ดังนั้นบางทีคุณจะเห็นว่ามันดูสับสนเล็กน้อย มันไม่ง่านที่จะลบส่วนที่สำคัญออกไปเธอขอให้ฉันลบมันออกจากเนื้อความ,ดังนั้นฉันขอโทษที่เรื่องราวมันดูเรียงกันแปลกๆ ฉันเป็นเจ้าของของบทสัมภาษณ์ทั้งหมด(49 หน้าและมีรูปวาดของร่างกายของเธอและอุปกรณ์ของเธอ) และยังมีเทปที่บันทึกการสัมภาษณ์ทั้งหมด,แต่ฉันไม่สามารถเอามาเปิดเผยได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเธอ ฉันได้ส่งบทสัมภาษณ์สั้นๆนี้ ไปยังเพื่อนที่เชื่อถือได้ 4 คนที่ประเทศฟินแลนด์, นอร์เวย์, เยอรมันและ ฝรั่งเศส และฉันหวังว่าพวกเขาจะแปลเป็นภาษาของเขาและในภาษาอื่นๆ และฉันหวังว่ามีคนเป็นจำนวนมากได้อ่านเรื่องนี้และเข้าใจมัน ถ้าคุณได้รับมัน,กรุณาส่งมันไปยังเพื่อนๆของคุณโดย อีเมล์ หรือปรินซ์มันออกมาเพื่อทำสำเนา ฉันขอรับรองมากกว่านี้ว่า, ความสามารถที่ "เหนือธรรมชาติ" หลายๆ อย่างของเผ่าพันธุ์ของเธออย่างเช่น เทเลพาธี[โทรจิต]และเทเลคิเนซิส[เคลื่อนย้ายวัตถุโดยไม่จับต้อง] (รวมถึงการเคลื่อนไหวและการเต้นรำของดินสอของฉันบนโต๊ะโดยไม่มีการสัมผัสและแอปเปิ้ลที่ลอยสูงขึ้นไปประมาณ 40 เซนติเมตรเหนือมือของเธอ) ที่ได้แสดงให้ฉันดูในระหว่าง 3 ชั่วโมงกับ 6 นาทีของการพบกันครั้งนี้และฉันแน่ใจว่าความสามารถเหล่านี้ไม่ใช่กล ข้อความต่อไปนี้ยากที่จะเข้าใจและเชื่อสำหรับบางคนผู้ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์อย่างนี้,แต่ฉันได้ติดต่อกับความคิดของเธอและตอนนี้ฉันแน่ใจว่าทุกๆสิ่งเธอพูดออกมาระหว่างสัมภาษณ์นี้เป็นความจริงแน่นอนเกี่ยวกับโลกของเรา โชคไม่ดี,ถ้าฉันอ่านบทสัมภาษณ์ของสั้นในรูปแบบสั้นๆนี้ซะก่อนที่จะเผยแพร่ออกไป ฉันรู้สึกว่า,ทุกๆสิ่งที่ฉันเขียนนั้นดูไม่น่าเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง,เพราะมันดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์แย่ๆจาก TV หรือโรงหนังและฉันสงสัยว่าจะมีใครสักคนเชื่อเรื่องนี้หรือเปล่า แต่มันเป็นเรื่องจริง,ไม่ว่าคุณจะเชื่อมันหรือไม่ ฉันไม่ได้หวังว่าคุณจะเชื่อเรื่องที่ฉันว่ามาโดยที่ไม่มีหลักฐาน,แต่ฉันไม่สามารถให้หลักฐานแก่คุณได้ กรุณาอ่านบทสัมภาษณ์นี้และคิดให้ดีและคุณอาจจะเห็นความจริงในโลกใบนี้ มันจะมีการพบกันอีกครั้งระหว่างฉันกับเธอ(อีกครั้งในบ้านหลังเดิมในสวีเดน)ในวันที่ 23 เมษายน 2000 และเธอสัญญากับฉันว่าจะให้หลักฐานบางอย่างกับฉันถึงเรื่องที่พวกเธอมีอยู่จริง และในระหว่างนั้นฉันจะรวบรวมคำถามที่จะเอาไปถามเธอ บางทีเธออาจจะให้อนุญาคเผยแพร่ข้อความส่วนที่หายไปและเกี่ยวกับสงครามที่จะมาถึง ไม่ว่าจะเชื่อมันหรือไม่มันก็ไม่ทำให้ความจริงเปลี่ยนไป(แต่ฉันหวังว่าคุณจะเชื่อ) Ole K.- 8 มกราคม 2000
บทสัมภาษณ์(ฉบับย่อ) 16 ธันวาคม 1999
คำถาม: ข้อแรกคุณเป็นใครและคุณเป็นอะไร? คุณมาจากต่างดาวหรือว่าถือกำเนิดบนโลกใบนี้ คำตอบ: ตามที่คุณเห็นด้วยตาของคุณ ฉันไม่ได้เป็นมนุษย์อย่างคุณและด้วยความสัตย์จริงฉันไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม(แม้ว่าร่างกายจะดูเหมือนก็เถอะ,ซึ่งมันก็เป็นผลมาจากการวิวัฒนาการ) ฉันเป็นสิ่งมีชีวิตแบบสัตว์เลื้อยคลานเป็นผู้หญิงพัฒนามาจากเผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานที่เก่าแก่มาก พวกเราเกิดที่โลกนี้และอาศัยอยู่มาเป็นล้านๆปีแล้ว พวกเราถูกอ้างอิงในงานเขียนเกี่ยวกับศาสนาอย่างไบเบิ้ลและของชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆที่รู้ว่ามีพวกเราอยู่และนับถือเฉกเช่นพระเจ้า ตัวอย่างเช่นชาวอียิปต์,ชาวอินคาและชนเผ่าเก่าแก่อีกมาก ความเชื่อของคริสเตียนเข้าใจผิดเกี่ยวกับบทบาทของพวกเราในตอนที่พระเจ้าสร้างคุณดังนั้นพวกเราเลยถูกกล่าวถึงว่าเป็น "งูปีศาจ" ในงานเขียนของคุณ สิ่งนี้มันผิดมาก เผ่าพันธุ์ของคุณนั้นถูกดัดแปลงพันธุกรรมโดยเอเลี่ยนและพวกเรานั้นเป็นแค่ผู้เยี่ยมชมที่เกี่ยวข้องไม่มากก็น้อยในการเร่งกระบวนการวิวัฒนาการ คุณต้องรู้ว่า(นักวิทยาศาสตร์ของคุณบางคนก็คิดในแง่นี้)เผ่าพันธุ์ของคุณนั้นไม่สามารถวิวัฒนาการทางธรรมชาติจนมาถึงขั้นได้นี้ได้โดยใช้เวลาแค่ 2-3 ล้านปีหรอก มันเป็นไปไม่ได้เพราะว่าการวิวัฒนาการทางธรรมชาตินั้นมันเกิดขึ้นช้ามากแต่คุณยังไม่เข้าใจในเรื่องนี้ คุณเกิดจากการสร้างขึ้นมาโดยวิธีพันธุวิศวกรรมแต่ไม่ใช่โดยเราแต่โดยเอเลี่ยน ถ้าคุณถามฉันเรื่องนี้และถ้าฉันเป็นพวกเอเลี่ยนฉันก็คงตอบว่าไม่ใช่ พวกเราเป็นคนพื้นโลก พวกเรามีโคโลนีที่อื่นในระบบสุริยจักรวาลนี้แต่พวกเราเกิดมาบนโลกในนี้ มันเป็นความจริงที่ว่าโลกนี้เป็นของเราและไม่ใช่ของคุณ มันไม่เคยเป็นของคุณ
คำถาม: บอกชื่อของคุณหน่อยได้มั้ย? คำตอบ: มันยากมาก เพราะว่าลิ้นของมนุษย์ไม่สามารถที่จะออกเสียงได้อย่างถูกต้อง(และการออกเสียงชื่อของพวกเราผิดมันถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรมากในหมู่พวกเรา) ภาษาของพวกเรามันแตกต่างจากพวกคุณมาก แต่ชื่อของฉันคือ - ฉันจะพยายามพูดออกมาให้ลื่นที่สุดโดยใช้ตัวอักษรของมนุษย์ - มันคล้าย "Sssshiaassshakkkasskkhhhshhh" ต้องเน้นเสียงตรงตัว "sh" และ "k" มากๆ พวกเราไม่มีชื่อแรกอย่างคุณแต่มีแค่ชื่อเดียวแต่เป็นชื่อที่ไม่ซ้ำใครที่มีวิธีการพูดเฉพาะตัวและจะไม่ตั้งให้กับเด็ก(ผู้ซึ่งมีชื่อเด็กเองอยู่แล้ว)แต่เฉพาะในกระบวนการพิเศษในช่วงผู้ใหญ่ในช่วงที่รู้แจ้ง[enligntment] หรือ ตื่นรู้[awareness] (ตามที่คุณเรียกมัน) ทางจิตวิญญาณหรือทางวิทยาศาสตร์ ฉันจะพอใจถ้าคุณไม่พยายามพูดชื่อจริงของฉันด้วยลิ้นของมนุษย์ กรุณาเรียกฉันว่า "Lacerta" นี่เป็นชื่อที่ฉันใช้เวลาฉันอยู่ท่ามกลางมนุษย์และติดต่อกับพวกเขา
คำถาม: คุณอายุเท่าไหร่? คำตอบ: พวกเราวัดเวลาไม่เหมือนคุณ คุณวัดเวลาในทางดาราศาสตร์ซึ่งเกี่ยวข้องกับโลกและดวงอาทิตย์ เพราะว่าพวกเราปกติอาศัยอยู่ข้างใต้ผิวโลก เวลาของพวกเราจึงขึ้นกับการเปลี่ยนรอบของสนามแม่เหล็กโลกและในการวัดตามนี้ตอนนี้แล้วฉันอายุ 57,653 รอบ ฉันผ่านช่วงเป็นผู้ใหญ่และตื่นรู้[awareness] แล้ว 16,337 รอบ (นี่เป็นค่าที่สำคัญมากสำหรับเรา) ถ้าตามเวลาของมนุษย์แล้วฉันอายุ 28 ปี
คำถาม: หน้าที่ของคุณคืออะไร? คุณมี "งาน" เหมือนที่เรามีหรือเปล่า? คำตอบ: ฉันจะพูดในรูปแบบของคุณ ฉันเป็นนักเรียนที่สนใจมากในเรื่องความประพฤติในสังคมในเผ่าพันธุ์ของคุณ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่และพูดกับคุณ ทำไมฉันถึงเปิดเผยตัวตนของฉันแก่ E.F.[ชื่อเพื่อนของคนสัมภาษณ์] และกับคุณ และทำไมถึงให้ข้อมูลที่เป็นความลับกับคุณและทำไมฉันถึงได้พยายามตอบคำถามทุกข้อ ฉันอยากจะเห็นว่าคุณมีปฏิกิริยายังไงคนอื่นๆ มีปฏิกิริยายังไง มีคนเป็นจำนวนมากของคุณที่โกหกว่ารู้จริงเกี่ยวกับเรา, เกี่ยวกับ UFOs, เกี่ยวกับเอเลี่ยน และอื่นๆ และบางคนก็เชื่อ ฉันสนใจที่จะเห็นว่าเผ่าพันธุ์ของคุณจะตอบสนองยังไงเมื่อคุณตีพิมพ์ความจริง(ที่ฉันบอกคุณ)ออกเผยแพร่ ฉันค่อนข้างแน่ใจทีเดียวว่าทุกคนของพวกคุณต้องปฏิเสธที่จะเชื่อที่ฉันพูดแต่ก็หวังว่าฉันคาดการณ์ผิดเพราะว่าคุณจำเป็นต้องรู้และเข้าใจถ้าคุณต้องการจะรอดในปีถัดๆไป
คำถาม: ฉันได้อ่าน statement (ที่คุณได้มอบให้ E.F.) เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คุณจะให้คำตอบสั้นๆได้ไหมว่า UFOs นั้นเป็นของเอเลี่ยนหรือว่าเป็นของพวกคุณ คำตอบ: UFOs - ตามที่คุณเรียกมันอย่างนั้นนะ - บางลำที่คุณสังเกตเห็นเป็นของเรา แต่โดยมากไม่ใช่ วัตถุบินได้ "ลึกลับ" ในท้องฟ้าโดยมากไม่ใช่สิ่งประดิษฐิ์ทางเทคโนโลยี่แต่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ตีความผิดว่าเป็น UFO นักวิทยาศาสตร์ของคุณยังไม่รู้เรื่องนี้(เหมือนกลุ่มแสงพลาสม่าในชั้นบรรยากาศสูงๆที่เกิดโดยธรรมชาติ) แต่กระนั้น UFO บางลำก็เป็นยานบินจริงๆซึ่งทั้งเป็นของของพวกเผ่าพันธุ์ของคุณ(โดยเฉพาะทหารของคุณ) หรือของเอเลี่ยนหรือของเราเอง(แต่ยานที่ถูกเห็นน้อยมากที่เป็นของเรา,เพราะว่าพวกเรามีความระมัดระวังมากในการเดินทางในอากาศและพวกเรามีวิธีที่จะซ่อนยานพวกเราไว้) ถ้าคุณอ่านรายงานเกี่ยวกับการมองเห็นวัตถุทรงกระบอกเหมือนซีการ์สีเทาสว่างเหมือนโลหะ มีความยาว -มีหลายแบบ - ระหว่าง 20 และ 260 ในหน่วยเมตรของคุณและถ้าวัตถุนั้นมีเสียง humming ที่ลึกมากและมีแสงไฟสีแดงสว่าง 5 จุดบนผิวโลหะของซิการ์ (หนึ่งจุดตรงบนสุด, หนึ่งจุดตรงกลาง, สองจุดที่ปลาย) นั่นก็แสดงว่าเห็นยานของพวกเราและนั่นหมายความว่ามีบางส่วนทำงานผิดพลาดหรือไม่ก็คนของเราไม่ระมัดระวังเพียงพอ พวกเรามีกองบินฝูงเล็กๆที่มีรูปร่างเหมือนจาน แต่ UFOs โดยมากจะเป็นของเอเลี่ยน UFOs รูปร่างสามเหลี่ยมเป็นของกองทหารของพวกคุณแต่พวกเขาใช้เทคโนโลยี่ที่อื่นมาสร้างมัน ถ้าคุณต้องการอยากจะเห็นยานของพวกเราล่ะก็ คุณควรจะมองไปบนท้องฟ้าบริเวณ อาร์กติก, แอนตาร์กติก และส่วนในเอเชีย(โดยเฉพาะตรงที่มีภูเขา)
_____________
คำถาม: คุณมีสัญลักษณ์พิเศษหรืออะไรอย่างอื่นที่พวกคุณใช้ระบุถึงพวกคุณหรือเปล่า? คำตอบ: พวกเรามีสัญลักษณ์หลักๆอยู่สองอย่างเพื่อสื่อถึงพวกเรา สัญลักษณ์แรก(เก่ามาก) เป็นงูสีน้ำเงินมีปีกสีขาวสี่ปีกอยู่บนพื้นหลังสีดำ(สีต่างๆ มีความหมายในทางศาสนาสำหรับเรา) สัญลักษณ์นี้มีใช้อยู่บ้างในบางส่วนในสังคมของเราแต่ในปัจุบันนี้ไม่ค่อยได้ใช้แล้ว - พวกคุณได้ก๊อปปี้เอาไปใช้บ่อยมากในงานเขียนเก่าๆของคุณ สัญลักษณ์อีกอันก็เป็นรูปตัวที่พวกคุณเรียกกันว่า "มังกร" อยู่ข้างในทรงกลมมีดาวเจ็ดดวงอยู่ตรงกลาง สัญลักษณ์นี้ใช้กันมากในปัจจุบัน ถ้าคุณเห็นสัญลักษณ์ที่ว่ามาติดอยู่ที่ยานทรงกระบอกหรือสถานที่ใต้ดินบางแห่งสิ่งนี้หรือสถานที่นี้บ่งบอกว่าเป็นของของเรา(และฉันแนะนำว่าคุณควรจะออกไปห่างๆเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้)
คำถาม: ดาวเจ็ดดาวในสัญลักษณ์ที่สองคุณหมายถึงกลุ่มดาว Pleiades[ดาวลูกไก่] หรือเปล่า? คำตอบ: กลุ่มดาว Pleiades หรือ?ไม่ จริงๆแล้วเจ็ดดาวคือดาวเคราะห์และดวงจันทร์และเป็นสัญลักษณ์หมายถึงเจ็ดโคโลนี่ของเราในระบบสุริยะ ดวงดาวอยู่ข้างหน้าพื้นหลังสีน้ำเงินและ สัญลักษณ์วงกลมที่มีมังกรหมายถึงรูปทรงของโลก ดาวขาวเจ็ดดวงหมายถึง ดวงจันทร์, ดาวอังคาร, ดาวศุกร์ และดวงจันทร์ 4 ดวงของดาวพฤหัสและดาวเสาร์ ที่พวกเราได้ไปตั้งโคโลนี่เอาไว้ในอดีต โคโลนี่สองแห่งไม่ได้ใช้แล้วและถูกทิ้งร้างไว้ ดังนั้น ดาว 5 ดวงจะตรงความหมายมากกว่า
คำถาม: คุณไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป - ซึ่งมันเป็นอะไรที่เป็นประโยชน์มากในการพิสูจน์ว่าพวกคุณมีอยู่จริงและแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง - คุณช่วยอธิบายถึงตัวคุณเองหน่อยได้ไหม? คำตอบ: ฉันรู้ว่ามันมีประโยชน์ที่จะทำให้พิสูจน์ได้ว่าบทสัมภาษณ์นี้เป็นของจริงถ้าคุณมีรูปของฉัน แต่ว่าพวกมนุษย์นั้นเป็นพวกขี้สงสัย(นั่นดีสำหรับพวกเราและสำหรับมนุษย์ต่างดาวที่จะมาทำการลับๆบนโลก) ดังนั้นถึงแม้ว่าคุณมีรูปเยอะแค่ไหนก็ตามพวกคนของคุณก็บอกว่ามันดูไม่น่าเชื่อถืออยู่ดีเค้าก็บอกได้ว่าฉันเป็นมนุษย์ผู้หญิงที่แต่งหน้ามาหรืออะไรประมาณนั้น(นั่นจะทำให้ฉันขุ่นเคืองมาก) คุณต้องเข้าใจนะที่ว่าฉันไม่อนุญาตให้คุณถ่ายรูปฉันหรือว่าอุปกรณ์ต่างๆของฉัน มันมีหลายเหตุผลที่ซึ่งไม่ต้องการที่จะอธิบายกับคุณมากไปกว่านี้แต่เหตุผลนึงก็คือว่าต้องการเก็บเรื่องการมีอยู่ของพวกเรานั้นเป็นความลับเหตุผลอื่นนั้นเป็นไปในทางศาสนามากเกินไป แต่กระนั้นคุณก็ได้รับอนุญาตให้วาดรูปฉันและเครื่องมือของฉันได้ซึ่งฉันจะเอามาให้ดูทีหลัง ฉันจะอธิบายรูปร่างตัวเองให้ฟังแต่ฉันสงสัยว่าคนอื่นของพวกคุณนั้นจะสามารถนึกภาพหน้าตาฉันจริงๆได้จากคำศัพท์พื้นๆหรือไม่เพราะว่าการปฏิเสธโดยอัตโนมัติในเรื่องการมีอยู่ของเผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานและฉลาดกว่าพวกคุณเป็นส่วนนึงของโปรแกรมที่ถูกตั้งในความคิดของคุณเอาละ ฉันจะลองดูนะ
นึกถึงรูปร่างของมนุษย์ผู้หญิงทั่วไปและคุณจินตนาการถึงรูปร่างของฉันได้ดีอยู่แล้วในขั้นแรก เหมือนอย่างคุณ, ฉันมีหัวหนึ่งหัว, สองแขน, สองขา และสองเท้าและสัดส่วนของร่างกายของฉันก็เหมือนของคุณ และฉันเป็นผู้หญิงดังนั้นฉันก็มีหน้าอกด้วย(สัตว์เลื้อยคลานอย่างพวกเราแต่เดิม, พวกเราเริ่มที่จะให้นมแก่เด็กทารกของเราระหว่างกระบวนการวิวัฒนการ - มันเกิดมาประมาณ 30 ล้านปีก่อน - เพราะว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้พวกที่ยังเด็กอยู่อยู่รอดได้ วิวัฒนาการได้ให้สิ่งนี้กับเผ่าพันธุ์เราตั้งแต่สมัยยุคไดโนเสาร์ - มีการพัฒนานิดหน่อยหลังจากนั้น - แล้วก็ยังมีการพัฒนาต่อในช่วงของเรา นั่นหมายความว่าพวกเรายังไม่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างแท้จริง) แต่ว่าทรวงอกของเราไม่ใหญ่เท่ามนุษย์ผู้หญิงและขนาดของหน้าอกของผู้หญิงเผ่าเราจะเท่าๆกันหมด อวัยวะสืบพันธุ์จากที่เห็นภายนอกของทั้งสองเพศจะเล็กกว่าของมนุษย์แต่ว่ามีหน้าที่การทำงานเหมือนกัน(ของขวัญอีกชิ้นที่การวิวัฒนาการมอบให้แก่พวกเรา)
ผิวของฉันโดยหลักจะเป็นสีเขียวเบจ - จะเน้นไปทางเขียวซีดมากกว่า - และพวกเราจะมีจุดสีน้ำตาล(แต่ละจุดขนาดประมาณ 1-2 เซนติเมตร)ขึ้นมาตามตัวและใบหน้าเหมือนๆกัน (รูปแบบจะต่างกันไปสำหรับแต่ละเพศแต่ว่าเพศหญิงจะมีมากกว่าโดยเฉพาะตรงส่วนล่างของร่างกายและตรงใบหน้า) คุณสามารถเห็นจุดพวกนี้สำหรับฉันแล้วจะเห็นเป็นเส้นสองเส้นเหนือขนคิ้วเป็นเส้นขวางตรงหน้าผาก, ที่แก้ม และที่คาง ตาของฉันใหญ่กว่ามนุษย์เล็กน้อย(ด้วยเหตุผลนี้ พวกเราจึงมองได้ดีกว่าในที่มืด) และมีรูม่านตาสีดำใหญ่ที่ซึ่งล้อมรอบด้วยม่านตาสีเขียวสว่าง(ของผู้ชายจะเป็นสีเขียวคล้ำ) รูม่านตาสามารถเปลี่ยนขนาดจากรูปร่างเป็นเส้นสีดำเล็กๆไปเป็นรูปเหมือนไข่ได้[นึกถึงตาแมว] เพราะว่าส่วนเรตินาของเรามีความไวต่อแสงมากและรู้ม่านตาก็ต้องปรับเปลี่ยนต่อสภาพแสง พวกเรามีใบหูกลมๆอยู่ข้างนอกแต่ว่ามันเล็กมากและไม่โค้งเหมือนหูพวกคุณ แต่ว่าพวกเราสามารถได้ยินดีกว่าเพราะว่าหูของพวกเราไวต่อเสียงมากกว่า(พวกเราสามารถได้ยินช่วงคลื่นที่มากกว่า) มีกล้ามเนื้อหรือ "หนังหู[lid]" ซึ่งสามารถปิดหูได้(ยกตัวอย่างเช่นเวลาอยู่ใต้น้ำ) จมูกของพวกเราดูเป็นจุดมากกว่าและตรงระหว่างรูจมูกจะดูเหมือนโค้งตัว V ซึ่งทำให้เหล่าบรรบุรุษของเราสามารถที่จะ "เห็น" อุณหภูมิ พวกเราได้เสียความสามารถตรงส่วนนี้ไปเยอะแต่ว่าพวกเราก็ยังคงรู้สึกถึงอุณหภูมิได้ดีด้วย"อวัยวะ"นี้ ปากของพวกเรามีรูปร่างเหมือนปากคุณ(ปากของผู้หญิงจะกว้างกว่าของผู้ชายเล็กน้อย) แต่สีออกสีน้ำตาลซีดและฟันของพวกเราขาวมากและแข็งแรงและยาวกว่าและคมกว่าฟันของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างคุณเล็กน้อย พวกเราไม่มีสีผมที่แตกต่างกันอย่างคุณ(แต่ว่ามีธรรมเนียมที่จะย้อมสีผมในช่วงอายุที่ต่างกัน)และสีของผมที่แท้จริงแล้ว - เหมือนของฉัน - คือสีน้ำตาลแกมเขียว ผมของพวกเราใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่าของพวกคุณและยาวช้ามาก และก็หัวเป็นส่วนเดียวในร่างกายที่มีผม[ขน] ขึ้น
ร่างกายของเรา,แขนและขามีขนาดและรูปร่างเช่นเดียวกับของพวกคุณ, แต่ว่ามีสีต่างกันออกไป(เขียว-เบจ เหมือนหน้า) และมีสิ่งที่เหมือนเกล็ดอยู่ที่ขาส่วนบน(เหนือหัวเข่า) และแขนส่วนบน(เหนือข้อศอก) นิ้วของพวกเราห้านิ้วเล็กและเรียวกว่านิ้วของมนุษย์เล็กน้อยและผิวตรงฝ่ามือนั้นเรียบ ดังนั้นพวกเราไม่มีเส้นลายมือเหมือนคุณแต่ว่าก็เหมือนผิวตรงต้นขาและต้นแขนคือเป็นผิวที่มีเกล็ดและมีจุดสีน้ำตาล(ทั้งสองเพศมีจุดบนฝ่ามือ) และพวกเราไม่มีลายนิ้วมือเหมือนอย่างคุณ เล็บมือเป็นสีเทาและยาวกว่าของพวกคุณ คุณจะเห็นว่าเล็บของฉันไม่ยาวและปลายเล็บมนกลม นี่เป็นเพราะว่าฉันเป็นผู้หญิง ผู้ชายจะมีเล็บที่คมด้วยความยาวประมาณ 5 หรือ 6 ในหน่วยเซนติเมตรของคุณ จุดที่ว่ามานี้แตกต่างจากร่างกายของคุณมากและส่วนของร่างกายของเราที่เป็นส่วนของสัตว์เลื้อยคลานถ้าคุณสัมผัสส่วนหลังด้านบนผ่านเสื้อของฉันคุณจะรู้สึกถึงสิ่งที่แข็งคล้ายกระดูกเรียงตัวกันเป็นเส้น นี่ไม่ใช่กระดูกสันหลังของฉันแต่เป็นผิวหนังและเนื้อเยื่อที่มีรูปร่างเป็นแผ่นจะเป็นตามแนวกระดูกสันหลังจากหัวถึงสะโพก มันมีเส้นประสาทและเส้นเลือดอยู่เป็นจำนวนมากในโครงสร้างนี้และในแผ่นเหล่านี้(ซึ่งมีขนาดความยาวสองถึงสามเซนติเมตรและไวต่อสัมผัสมาก - นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงมีปัญหาในการนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิง) หน้าที่หลักของแผ่นเล็กๆเหล่านี้(นอกเหนือจากหน้าที่ในเรื่องเกี่ยวกับเพศ)คือปรับอุณหภูมิของร่างกายและถ้าเรานั่งในธรรมชาติหรือในแสงอาทิตย์เทียม แผ่นเหล่านี้จะมีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้นและเส้นเลือดจะขยายใหญ่ขึ้นและดวงอาทิตย์จะสามารถทำให้เลือดของสัตว์เลี้อยคลานอย่างเราร้อนขึ้น(ซึ่งไหลเวียนไปทั่วร่างกายและตามแผ่นเหล่านี้)และทำให้พวกเรารู้สึกดีขึ้น
__________________
แล้วอะไรที่แตกต่างจากพวกคุณอีกล่ะ? โอ้,พวกเราไม่มีสะดือ เพราะว่าพวกเรามีวิธีเกิดต่างจากพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สิ่งที่แตกต่างภายนอกจากพวกคุณอย่างอื่นอีกนั้นมีเล็กน้อยมากและฉันคิดว่าคงจะไม่กล่าวถึงมันทั้งหมดเพราะว่าข้อแตกต่างเหล่านั้นโดยมากจะมองไม่เห็นถ้าพวกเราสวมเสื้ออยู่ ฉันหวังว่าฉันบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับร่างกายเยอะพอแล้ว ฉันอยากจะแนะนำให้คุณวาดภาพฉัน
คำถาม: เสื้อผ้าแบบไหนที่ปกติคุณใส่ ฉันคิดว่าที่คุณใส่อยู่นี้คงไม่ใช่เสื้อผ้าที่คุณใส่โดยปกติ คำตอบ: ไม่หรอกไม่ได้ใส่แบบนี้ ฉันใส่เสื้อที่เหมือนมนุษย์ใส่ทุกวันๆก็เฉพาะเวลาที่ฉันอยู่ท่ามกลางมนุษย์ โดยความสัตย์จริง,มันรู้สึกอัดอัดมากที่ใส่อะไรคับๆอย่างนี้และมันรู้สึกผิดปกติมาก ถ้าพวกเราอยู่ในบ้านของเรา(นี่หมายถึงบ้านที่อยู่ใต้ดินนะ) หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีแสงอาทิตย์เทียมและถ้าพวกเราอยู่ด้วยกันกับคนอื่นที่มีชื่อคล้ายๆกัน พวกเราจะเปลือยกายกัน มันทำให้คุณช็อคไหม? เมื่อพวกเราอยู่ในที่สาธารณะและอยู่ด้วยกันกับพวกเผ่าพันธุ์เดียวกันคนอื่นๆพวกเราจะสวมเสื้อผ้าที่ใหญ่และนุ่มที่ทำจากสิ่งที่บางและเบา ฉันได้บอกไปแล้วว่ามีบางส่วนในร่างกายที่ไวต่อการสัมผัส โดยมากจะอยู่ที่หลังดังนั้นพวกเราจึงไม่รู้สึกสบายเท่าไหร่ถ้าสวมเสื้อผ้าที่คับเพราะว่ามันจะทำให้เราเจ็บ ผู้ชายกับผู้หญิงแต่งกายคล้ายกันแต่ว่าสีจะต่างกันไปในแต่ละเพศ
__________________
คำถาม: คุณบอกว่า "คนอื่นที่มีชื่อคล้ายคุณ" คุณหมายถึงครอบครัวของคุณเหรอ? คำตอบ: ไม่ ไม่ใช่ คุณอาจจะเรียกว่า "ครอบครัว" แต่ด้วยคำนี้คุณหมายความถึงแค่คนที่มียีนเหมือนๆกันเหมือนกับพ่อหรือแม่ที่มียีนคล้ายเด็ก ตามที่ฉันบอกก่อนหน้านี้พวกเรามีชื่อที่เรียกยากและไม่ซ้ำกัน บางส่วนในชื่อนั้นไม่ซ้ำกันเลยและก็ไม่มีคนอื่นที่จะมีเหมือนกันแต่มีส่วนนึงของชื่อ(ตรงกลางชื่อ)ที่จะออกเสียงเพื่อที่จะให้คนอื่นรู้ว่าเราอยู่ใน "ครอบครัว" (ฉันต้องใช้คำนี้เพราะคุณไม่มีศัพท์ที่จะเรียกได้อย่างถูกต้อง)ไหน นี่ยังหมายความอีกว่าไม่ใช่ว่าคนในกลุ่มนี้ทั้งหมดที่จะมีความสัมพันธ์กันทางยีน เพราะว่ากลุ่มนี้จะใหญ่มากและจะมีสมาชิกระหว่าง 40 ถึง 70 คน กลุ่มนี้รวมถึงบุคคลที่มีสายสัมพันธ์กันทางยีนด้วย - ยกเว้นแต่ว่าจะมีใครขอออกจากกลุ่มนี้ - และความสัมพันธ์กับพ่อกับแม่จะแข็งแกร่งเสมอ มันยากสำหรับฉันมากที่จะอธิบายให้คุณฟังเกี่ยวกับระบบสังคมที่เก่าแก่ของเราซึ่งซับซ้อนมากและเราอาจจะใช้เวลาเป็นชั่วโมงเพื่ออธิบายเรื่องนี้บางทีเราอาจจะนัดมาคุยกันวันหลังและฉันจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้
คำถาม: คุณมีหางมีสัตว์เลื้อยคลานทั่วไปไหม? คำตอบ: คุณเห็นหรือเปล่าล่ะ? ไม่มีพวกเราไม่มีหางให้เห็น ถ้าคุณดูที่โครงกระดูกของเรา จะมีเพียงแค่กระดูกกลมๆเล็กๆ อยู่ที่ปลายกระดูกสันหลังที่อยู่หลังกระดูกเชิงกราน นี่เป็นฐานของหางที่มีมาแต่บรรบุรุษที่ไม่ได้ใช้แล้ว แต่มันไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก โอ้,ตัวอ่อนของพวกเรามีหางในระหว่างเดือนแรกของการพัฒนาแต่หางเหล่านี้จะหายไปก่อนที่จะเกิดออกมา หางช่วยในเรื่องของการเดินสองขาสำหรับเผ่าพันธุ์ของเราในช่วงแรกๆ ของการวิวัฒนาการหางจะช่วยในการทรงตัว แต่โครงกระดูกของเราได้เปลี่ยนในระหว่างวิวัฒนาการและกระดูกสันหลังของพวกเราเกือบจะมีรูปทรงเหมือนอย่างพวกคุณ ดังนั้นพวกเราจึงไม่ต้องการหางในการเดินสองขา
__________________
คำถาม: คุณบอกว่าคุณเกิดออกมาในวิธีที่ต่างไปจากพวกเรา คุณวางไข่เหรอ? คำตอบ: ใช่แต่ว่าไม่เหมือนนกหรือว่าสัตว์เลื้อยคลานทั่วๆไปนะ ที่จริงแล้วตัวอ่อนโตในของเหลวที่มีโปรตีนข้างในมดลูกของแม่แต่ว่าจะมีเปลือกสีชอร์กรูปทรงอย่างไข่ล้อบรอบตัวอ่อนและอยู่ในมดลูก ตัวอ่อนอยู่ในเปลือกนี้ไม่ต้องพึ่งแม่และในเปลือกนี้จะมีทุกอย่างที่ตัวอ่อนต้องการในการเจริญเติบโต มันมีสายเหมือนอย่างสายสะดือที่เชื่อมต่อไปยังจุดที่ซ่อนอยู่ข้างหลังแผ่นหลัง เมื่อเด็กจะเกิดออกมาไข่ทั้งใบจะผ่านออกมาทางช่องคลอดที่ถูกปกคลุมด้วยสารโปรตีนบางๆ และเด็กก็จะออกมาจากไข่นุ่มๆนี้ภายในไม่กี่นาที เด็กที่อยู่ข้างในจะใช้เขาที่ติดอยู่ที่นิ้วกลางในการกระเทาะเปลือกไข่ออกมาเพื่อมาหายใจเป็นครั้งแรก เด็กทารกของเราไม่ใหญ่เท่าเด็กทารกของพวกคุณเมื่อคลอดออกมา พวกเขามีความสูงประมาณ 30 - 35 ในหน่วยเซนติเมตรของคุณ ไข่มีขนาดประมาณ 40 เซนติเมตร (นี่เป็นเพราะว่าขนาดของช่องคลอดเล็กกว่าของมนุษย์) แต่ว่าพวกเราก็จะโตสู่ขนาดปกติคือ 1.6 - 1.8 เมตร
คำถาม: คุณมีอุณหภูมิร่างกายเท่าไหร่?คุณบอกว่าชอบที่จะอยู่กลางแดด มันมีผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร คำตอบ: พวกเราไม่ใช่สัตว์เลือดอุ่นและเป็นสัตว์เลื้อยคลานอุณหภูมิร่างกายของเราขึ้นกับอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม ถ้าคุณสัมผัสกับมือของเราจะรู้สึกว่าเย็นว่ามือของคุณ เพราะว่าอุณหภูมิร่างกายโดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30 ถึง 33 องศาเซลเซียส ถ้าพวกเรานั่งกลางแดด(โดยเฉพาะถ้าเปลือยกายและให้แผ่นหลังได้รับแดด) อุณหภูมิร่างกายของเราสามารถสูงขึ้นได้ 8 หรือ 9 องศาภายในหนึ่งนาที การที่อุณหภูมิสูงขึ้นนี้ทำให้ร่างกายเราเกิดการผลิตเอมไซม์และฮอร์โมนขึ้นมาเป็นจำนวนมาก หัวใจและสมองของเราและทุกๆส่วนของร่างกายจะตื่นตัวมากขึ้นและพวกเราจะรู้สึกดีมากๆ พวกมนุษย์อย่างคุณรู้สึกแค่สนุกภายใต้แสงอาทิตย์แต่สำหรับพวกเราแล้วมันเป็นความพอใจอย่างมาก(มันอาจจะเหมือนกับความตื่นเต้นทางเพศของพวกคุณ) พวกเราชอบที่จะว่ายน้ำในน้ำที่อุ่นมากๆหรือในของเหลวที่ทำให้อุณหภูมิในร่างกายเราสูงขึ้น ถ้าพวกเราอยู่ในที่ร่มซักสองสามชั่วโมงอุณหภูมิร่างกายเราจะลดกลับไปที่ 30 - 33 องศาเซลเซียส มันไม่เกิดอันตรายกับเราหรอกแต่ว่าพวกเราจะรู้สึกดีกว่าถ้าอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ พวกเรามีห้องที่มีแสงอาทิตย์เทียมที่อยู่ภายใต้พื้นดินแต่ว่าความรู้สึกมันก็ไม่เหมือนกับอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์จริงๆ
__________________
คำถาม: คุณกินอะไรเป็นอาหาร คำตอบ: โดยปกติแล้วก็จะกินหลายๆอย่างเหมือนอย่างคุณ : เนื้อ, ผลไม้, ผัก, เห็ดราชนิดพิเศษ(จากฟาร์มใต้ดิน) และสิ่งอื่นๆอีก พวกเราสามารถกินและย่อยของบางอย่างที่เป็นพิษสำหรับคุณ จุดที่แตกต่างกันอย่างที่เห็นได้ชัดระหว่างเรากับคุณก็คือเราต้องกินของสดเพราะว่าร่างกายของเราต้องการโปรตีน พวกเราไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถ้ากินแต่ผักอย่างเดียวอย่างพวกคุณเพราะว่าระบบการย่อยอาหารของพวกเรานั้นจะหยุดทำงานและพวกเราอาจจะตายได้ภายในสองสามอาทิตย์หรืออาจจะเป็นเดือนถ้าปราศจากเนื้อสด คนส่วนมากของพวกเราจะกินเนื้อดิบหรือสิ่งอื่นๆที่ดูน่าสะอิดสะเอียนสำหรับคุณ โดยส่วนตัวแล้วฉันชอบเนื้อที่สุกแล้วและผลไม้บนผิวโลกเช่นแอปเปิ้ลหรือส้ม
__________________
คำถาม: คุณช่วยบอกฉันบางสิ่งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติและการวิวัฒนาการของเผ่าพันธุ์ของคุณได้ไหม? เผ่าพันธุ์ของคุณเก่าแก่ขนาดไหนแล้ว? คุณได้วิวัฒน์มาจากสัตว์เลื้อยคลานทั่วๆไปเหมือนกับที่มนุษย์เราวิวัฒน์มาจากลิง? คำตอบ: โอ้ นี่เป็นเรื่องที่ยาวและซับซ้อนมากและมันดูเหมือนว่าคุณจะไม่เชื่อแน่ แต่มันเป็นเรื่องจริง ฉันจะพยายามเล่นมันให้สั้น ประมาณ 65 ล้านปีก่อนบรรพบุรุษที่ยังไม่ก้าวหน้าของพวกเราที่มาจากไดโนเสาร์ได้ตายในช่วงกลียุคครั้งใหญ่ของโลก ด้วยเหตุผลว่าการทำลายล้างนี้ไม่ได้มาจากภัยธรรมชาติ - อุกกาบาตชนโลกอย่างที่นักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณเชื่อมาผิดๆ - แต่เป็นสงครามระหว่างเอเลี่ยนที่เป็นศัตรูกันสองกลุ่มที่เกิดขึ้นในวงโคจรและบรรยากาศชั้นสูงของดวงดาวนี้ ตามที่ความรู้ที่มีจำกัดของพวกเราเกี่ยวกับยุคต้นๆ สงครามโลกครั้งนี้เป็นสงครามระหว่างเอเลี่ยนครั้งแรกบนดาวโลกแต่ว่าก็ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย (และสงครามในอนาคตจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ภายหลัง"สงครามเย็น" - ตามศัพท์ของคุณ -ระหว่างกลุ่มเอเลี่ยนที่เริ่มมาได้ 73 ปีบนโลกใบนี้) สงครามเมื่อ 65 ล้านปีก่อนนั้นคู่สงครามนั้นก็คือเผ่าพันธุ์เอเลี่ยนที่ก้าวหน้าสองเผ่าพันธุ์ซึ่งชื่อนั้นก็ไม่สามารถออกเสียงได้ด้วยลิ้นของคุณ ฉันสามารถที่จะพูดมันแต่ว่ามันอาจจะทำร้ายหูของคุณถ้าฉันพูดมันในแบบต้นฉบับ เผ่าพันธุ์นึงเป็นเผ่ามนุษย์เหมือนเผ่าพันธุ์ของคุณ(แต่เก่าแก่กว่ามาก) และมาจากจักรวาลนี้จากระบบสุริยะในกลุ่มดาวที่ปัจจุบันนี้คุณเรียกว่า "Procyon"[ดาวโปรซิออน เป็นส่วนนึงของกลุ่มดาวสุนัขเล็กและสามเหลี่ยมหน้าหนาว] ส่วนอีกเผ่านึงเรารู้ไม่ค่อยมาก เป็นเผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลาน แต่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรกับเผ่าพันธุ์ของพวกเราเพราะว่าพวกเรานั้นวิวัฒนาการมาจากพวกไดโนเสาร์ โดยปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก(ยกเว้นความสำเร็จในการตัดต่อยีนที่พวกเราทำกันเองซึ่งทำกันมากในภายหลัง) เผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานที่ก้าวหน้านั้นไม่ได้มาจากจักรวาลนี้แต่จาก - เอ่อ ฉันจะอธิบายมันยังไงดีล่ะ นักวิทยาศาสตร์ของคุณไม่ได้รู้เกี่ยวกับธรรมชาติของจักรวาลที่แท้จริงๆ เพราะว่าความคิดที่ปราศจากเหตุผลของคุณนั้นไม่สามารถที่จะเห็นสิ่งที่ง่ายที่สุดและเชื่อในตัวเลขและคณิตศาสตร์ที่ผิดๆ นี่เป็นส่วนนึงที่ถูกโปรแกรมไว้ในยีนของพวกคุณซึ่งฉันพูดให้ฟังทีหลัง คุณใกล้ที่จะห่างไกลจากความเข้าใจในจักรกาลเหมือนอย่างที่คุณเป็นเมื่อ 500 ปีก่อน
ฉันใช้คำพวกนี้คงจะทำให้เข้าใจดีขึ้น : อีกเผ่าพันธุ์นึงไม่ได้มาจากจักรวาลนี้แต่มาจาก "ฟอง[bubble]"อื่น ในโฟม[foam]ของ omniverse[ไม่รู้ว่าจะแปลว่าอะไรรู้แต่ว่า Omni แปลว่าทั้งหมดและ verse มาจากคำว่า universe ที่แปลว่าจักรวาล] คุณอาจจะเรียกว่ามิติอื่นก็ได้ แต่นี่ไม่ใช่ศัพท์ที่อธิบายได้อย่างถูกต้อง(อย่างไรก็ตาม คำว่ามิติมันผิดในความหมายของคุณ) ความจริงแล้วคุณควรจำไว้ว่าเผ่าพันธุ์ที่ก้าวหน้าเผ่าพันธุ์นั้นสามารถที่จะ "เดิน" ระหว่างฟองต่างๆได้โดยใช้ - ตามที่คุณเรียกมัน - เทคโนโลยี่ควอนตัมและบางเวลาก็ใช้วิธีพิเศษโดยใช้จิตของพวกเขา (เผ่าพันธุ์ของพวกเรามีความก้าวหน้าในความสามารถทางจิตมากกว่าเมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์ของคุณแต่พวกเราไม่สามารถที่จะเปลี่ยน matterstring/bubble โดยไม่ใช้เทคโนโลยี่แต่เผ่าพันธุ์อื่นๆบนโลกนี้สามารถทำได้และมันดูเหมือนเวทมนต์เหมือนที่บรรพบุรุษของคุณมี)
__________________
ย้อนกลับไปยังเรื่องราวของเรา: เผ่าพันธุ์แรก(เผ่าที่เหมือนมนุษย์) ได้มายังโลกประมาณ 150 ปีก่อนเผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานและพวกเขาสร้างโคโลนี่บนพื้นโลก พวกเขามีโคโลนี่ที่โหญ่มากบนพื้นที่ที่คุณเรียกว่า "แอนตาร์กติก้า" ในปัจจุบันนี้และอีกที่นึงคือที่ที่คุณเรียกว่า "เอเชีย" ในปัจจุบัน ผู้คนเหล่านี้อาศัยอยู่กับไดโนเสาร์ได้อย่างไม่มีปัญหา เมื่อเผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานที่ก้าวหน้าได้มาถึงกลุ่มของเผ่ามนุษย์ที่มาจากดาว "Procyon" ได้พยายามติดต่ออย่างสันติ แต่ไม่ประสบความสำเร็จและสงครามโลกก็ได้เริ่มขึ้นภายในหนึ่งเดือน คุณต้องเข้าใจว่าทั้งสองเผ่านั้นสนใจในดาวเคราะห์หนุ่มนี้มากไม่แค่ในทางชีวภาพและเผ่าพันธุ์ที่ยังไม่พัฒนา แต่อีกเหตุผลนึงก็คือวัตถุดิบโดยเฉพาะทองแดง เพื่อให้เข้าใจเหตุผลนี้คุณต้องรู้ว่าทองแดงนั้นเป็นโลหะที่สำคัญมากสำหรับเผ่าพันธุ์ที่ก้าวหน้าบางเผ่า(แม้กระทั่งปัจจุบันนี้)เพราะว่ามัน - สามารถรวมตัวกับโลหะที่ไม่เสถียรได้ - สามารถผลิตธาตุที่เสถียรชนิดใหม่ได้ถ้าคุณเหนี่ยวนำให้เกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปริมาณที่เข้มข้นในมุมที่ถูกต้องกับการแผ่สนามรังสีนิวเคลีย์ในปริมาณที่สูงเมื่อสองสิ่งนี้วิ่งมาตัดกันจะทำให้เกิดสนามที่แกว่งไปมา[fluctuating fields] ที่เกิดจากสองสนามตัดกัน การรวมตัวของทองแดงกับธาตุอื่นๆในห้อง[chamber]ของสนามรังสี/แม่เหล็กสามารถผลิตสนามพลังของธรรมชาติที่พิเศษที่มีประโยชน์มากในงานทางเทคโนโลยีหลายๆด้าน(แต่ว่าเรื่องที่เป็นพื้นฐานของเรื่ององค์ประกอบที่สุดซับซ้อนนี้คุณก็ยังไม่สามารถค้นพบเพราะว่าข้อจำกัดของความคิดที่พื้นๆของคุณ) ทั้งสองเผ่าต้องการครอบครองทองแดงในดาวเคราะห์โลกและด้วยเหตุผลนี้พวกเขาได้ทำสงครามที่ไม่ยาวนานกันในอวกาศและในวงโคจร เผ่าพันธุ์ที่มีรูปร่างอย่างมนุษย์ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จในช่วงแรก แต่ในตอนท้ายของสงครามพวกเผ่าสัตว์เลื้อยคลานได้ตัดสินใจใช้อาวุธที่ทรงพลัง - ระเบิดฟิวชั่นชนิดพิเศษซึ่งทำลายสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์แต่ไม่ทำลายวัตถุดิบที่มีค่าและทองแดง ระเบิดถูกยิงมาจากอวกาศและระเบิดตรงจุดที่ปัจจุบันนี้คุณเรียกว่า "อเมริกากลาง" ถ้ามันระเบิดในมหาสมุทรมันจะทำให้เกิดการรวมตัวระหว่างไฮโดรเจนและผลลัพธ์จะร้ายแรงเกินกว่าที่เผ่าสัตว์เลื้อยคลานจะคาดคิด การแผ่รังสีที่อันตราย, การรวมตัวกันของออกซิเจนที่เกิดมากเกินไป, การแพร่กระจาย[fall-out]ของธาตุหนักต่างๆ และ "nuclear winter"[ฤดูหนาวนิวเคลียร์] ที่กินเวลาเกือบๆ 200 ปี นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น เผ่าพันธุ์ที่เหมือนมนุษย์จำนวนมากตายและเผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานได้หมดความสนใจบนดาวดวงนี้ในภายหลังไม่กี่ปีโดย(แม้แต่พวกเรา)ไม่รู้เหตุผล - อาจจะเพราะว่าการแผ่รังสี ดาวเคราะห์โลกกลับเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งและสัตว์บนผิวโลกตายลง อ้อ แล้วผลของฟิวชั่นบอม์บนั้นก่อให้เกิดธาตุในระหว่างการระเบิดและธาตุนึงนั้นก็คือ อิริเดียม[Iridium] ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ของคุณในปัจจุบันนี้ได้พบความเข้มข้นของอิริเดียมบนพื้นโลกเป็นหลักฐานว่ามีดาวเคราะห์น้อยมาชนโลกทำให้ไดโนเสาร์ตาย นั่นไม่เป็นความจริง แต่พวกคุณก็ไม่ได้เรื่องพวกนี้นี่นะ
__________________
เอาล่ะ ไดโนเสาร์เป็นจำนวนมากตาย(ไม่ได้ตายเพราะระเบิดแต่ในสิ่งเลวร้ายที่เกิดมาหลังสงคราม โดยเฉพาะ nuclear winter และ ธาตุหนักที่กระจายออกไป[fall-out]) ไดโนเสาร์และสัตว์เลื้อยคลานเกือบจะทั้งหมดตายลงในอีก 20 ปีถัดไป บางพวก - โดยเฉพาะพวกที่อยู่ในทะเล - สามารถอยู่รอดมาได้อีก 200 - 300 ปีแม้ในโลกที่เปลี่ยนไปแล้วแต่ว่าพวกเหล่านี้ก็ตายหมดเพราะว่าภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป nuclear winter จบลงหลังจากผ่านไป 200 ปีแต่ว่าโลกก็เย็นลงกว่าแต่ก่อน แม้ว่าจะมีช่วงกลียุค,แต่สัตว์บางชนิดก็สามารถรอดมาได้ : ปลา(เช่นพวกฉลาม), นก, สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่คลานสี่เท้าตัวเล็กๆ(บรรพบุรุษของพวกคุณ), สัตว์เลื้อยคลานหลายชนิดอย่างพวกจรเข้...และมีไดโนเสาร์พันธุ์พันธุ์พิเศษที่มีการพัฒนาการตัวเล็กแต่ฉลาดที่อยู่พัฒนาไปพร้อมๆกับสัตว์ตัวโหญ่ที่เหมือนสัตว์เลื้อยคลานกลุ่มสุดท้ายที่คุณเรียกว่า Tyrannosaurus[ไทรันโนซอรัสหรือทีเร็กซ์]
__________________
สัตว์เลื้อยคลานชนิดใหม่นี้เดินด้วยสองขาและดูคล้ายๆ ตัวอิกัวโนดอน[Iguanodon]ของคุณ(มันเกิดขึ้นมาจากตระกูลนี้แหละ)แต่ว่ามันเล็กว่า(สูงประมาณ 1.5 เมตร) ด้วยลักษณะบางอย่างที่เหมือนมนุษย์, โครงสร้างกระดูกที่เปลี่ยนไป, หัวกะโหลกและสมองที่ใหญ่, นิ้วที่มีนิ้วมือซึ่งทำให้สามารถจับสิ่งของได้, การเผาผลาญพลังงานและระบบการย่อยอาหารที่เปลี่ยนไป, ตาที่พัฒนาที่อยู่ตรงกลางหัวเหมือนตาของคุณและ....สำคัญมาก...ด้วยโครงสร้างของสมองที่ใหม่และดีกว่า นี่เป็นบรรบุรุษโดยตรงของเรา มีทฤษฏีว่าการแผ่รังสีจากระเบิดนั้นทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของอวัยวะทำเป็นเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่นี้แต่ว่ามันยังไม่ได้พิสูจน์ แต่กระนั้น ไดโนเสาร์เล็กๆที่รูปร่างคล้ายมนุษย์นั้นได้วิวัฒน์ตัวเองไปเรื่อยๆ ระหว่างเวลาช่วง 30 ล้านปีหลังจากนั้น(ตามที่ฉันได้บอกแต่ต้นแล้วเผ่าพันธุ์เผ่าพันธุ์หนึ่งต้องใช้เวลามากในการวิวัฒนาการมากกว่าที่คุณคิด, ถ้าการวิวัฒนาการไม่ได้มีอะไรมาช่วยให้เร็วขึ้นอย่างพวกคุณ) จากสัตว์มาเป็นสิ่งที่ใช้ความคิด สิ่งนี่มีความฉลาดพอที่จะเอาตัวรอดได้ในช่วงหนึ่งล้านปีต่อมา, เพราะว่าพวกเขาเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนพฤติกรรม, พวกเขาอาศัยอยู่ในถ้ำแทนที่จะออกไปเจออากาศเย็นข้างนอกและพวกเขาเรียนรู้ที่จะใช้หินและกิ่งไม้เป็นเครื่องมือชิ้นแรกๆและใช้ไฟในการทำให้อุ่น - โดยเฉพาะเพื่อที่จะทำให้เลือดอุ่นขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการอยู่รอด ในช่วง 20 ล้านปีถัดไปเผ่าพันธุ์นี้ได้ถูกแบ่งย่อยทางธรรมชาติเป็น 27 กลุ่มย่อย(โชคไม่ดีที่กลุ่มเผ่าสัตว์เลื้อยคลานในสมัยก่อนมีใจโอนเอนไม่มากก็น้อยในการแบ่งพวกเขาเป็นกลุ่มย่อยๆ ระหว่างช่วงวิวัฒนาการ คุณสามารถเห็นได้ชัดว่าจะมีกลุ่มพันธุ์ไดโนเสาร์มากมายเกินความจำเป็นในช่วงแรกๆ)และยังมีสงครามหลายครั้ง(หลักๆจะอยู่ในช่วงแรกๆ)ระหว่างกลุ่มย่อยพวกนี้เพื่อการปกครอง
__________________
ธรรมชาติไม่เคยเป็นมิตรกับเราและจาก 27 กลุ่มย่อย 24 กลุ่มสูญพันธุ์ไปในสงครามในช่วงแรกๆและในการวิวัฒนาการเพราะว่าอวัยวะและความคิดของพวกเขายังไม่พัฒนาพอที่จะอยู่รอดได้และ(เป็นเหตุผลหลัก)พวกเขาไม่สามารถที่จะเปลี่ยนอุณหภูมิของเลือดในทางที่ถูกต้องเมื่อสภาพอากาศเปลี่ยน 50 ล้านปีต่อมาหลังจากสงครามและสิ้นสุดช่วงไดโนเสาร์,เหลือแค่สาม(และตอนนี้มีเทคโนโลยีแล้ว)เผ่าพันธุ์ที่ก้าวหน้าและอยู่ร่วมกันกับสัตว์ชั้นต่ำอื่นๆ โดยวิธีธรรมชาติและเทคโนโลยีในการผสมพันธุ์สามเผ่าพันธุ์ให้เป็นพันธุ์เดียวกันโดยประดิษฐิ์เครื่องผสมพันธุ์ยีน, พวกเราสามารถที่จะ "กำจัด" ยีนที่ทำให้เกิดการแบ่งแยกในโครงสร้างยีนของเรา ตามประวัติศาสตร์และความเชื่อของเรานี่เป็นรูปร่างสุดท้ายของเผ่าพันธุ์เลื้อยคลานของเรา - อย่างที่คุณเห็นในตอนนี้ - ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยวิธีวิศวพันธุกรรม นี่เกิดขึ้นประมาณเมื่อ 10 ล้านปีก่อนและการวิวัฒนาการของพวกเราเกือบจะหยุดอยุ่ ณ จุดนี้(แต่จริงๆแล้วก็ยังมีจุดเปลี่ยนแปลงเล็กๆที่ทำให้พวกเราดูเหมือนมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมากขึ้นระหว่างในปีที่ผ่านมาแต่พวกเราก็ไม่ได้จัดมันอยู่ในกลุ่มย่อย) คุณเห็นหรือยัง พวกเราเป็นเผ่าพันธุ์ที่เก่าแก่มากเมื่อเปรียบเทียบกับพวกคุณซึ่งยังเป็นลิงตัวเล็กๆโดดไปมาระหว่างต้นไม้ในเวลาที่พวกเรากำลังพัฒนาเทคโนโลยี, ไปสร้างโคโลนีที่ดาวเคราะห์ดวงอื่นในระบบสุริยะนี้, สร้างเมืองที่ใหญ่โตบนดาวเคราะห์ดวงนี้(ซึ่งหายไปโดยไร้ร่องรอย) และปรับปรุงยีนของพวกเราในระหว่างที่ยีนของพวกคุณยังเป็นสัตว์อยู่เลย
__________________
10 ล้านปีก่อนสัตว์จำพวกลิงตัวเล็กๆ เริ่มเติบโตขึ้นและพวกมันก็ลงมาจากต้นไม้สู่พื้นดิน(เพราะว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอีกครั้ง-โดยเฉพาะตรงพื้นที่ที่เรียกว่าแอฟริกา) แต่พวกมันก็มีวิวัฒนาการที่ช้ามากซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและถ้าไม่มีอะไรที่ผิดธรรมชาติเกิดขึ้นกับเผ่าพันธุ์ของคุณ พวกเราคงไม่ได้มานั่งอยู่ที่นี่และมาคุยด้วยกันเพราะว่าฉันนั้นควรจะนั่งอยู่ในบ้านที่ทันสมัยอันสะดวกสบายและคุณควรจะอยู่ในถ้ำปกคลุมกายด้วยขนสัตว์และกำลังที่จะค้นหาความลับของไฟ-หรือไม่ก็อยู่ในสวนสัตว์ของพวกเรา แต่มันก็ได้เกิดไปในอีกทางนึงและคุณเชื่อว่าตอนนี้คุณเป็น "สิ่งสุดยอดของการสรรสร้าง" และคุณสามารถนั่งในบ้านทันสมัยและพวกเราต้องหลบซ่อนและอาศัยอยู่ภายใต้ผืนโลกและในพื้นที่ที่ห่างไกล ประมาณ 1.5 ล้านปีก่อน มีกลุ่มเอเลี่ยนอีกกลุ่มนึงมายังโลก(มันน่าประหลาดใจมันเป็นเผ่าพันธุ์แรกที่มาหลังจากเมื่อ 60 ล้านปีก่อนและมันคงจะทำให้คุณประหลาดใจมากกว่านี้ถ้าคุณรู้ว่ามีจำนวนเอเลี่ยนกี่สายพันธุ์ในปัจจุบันนี่ที่มาที่โลก) สิ่งที่เผ่าพันธุ์ที่เหมือนมนุษย์ - ปัจจุบันนี้คุณเรียกพวกเค้าว่า "Ilojiim" - นี้สนใจ ไม่ใช่วัตถุดิบและทองแดงแต่มันคือลิงที่รูปร่างเหมือนมนุษย์ที่ยังไม่พัฒนาที่น่าพิศวงของเรา แม้ว่าพวกเราจะอยู่ในดาวเคราะห์ดวงนี้แล้ว เอเลี่ยนกลุ่มนี้ก็ยังตัดสินใจที่จะ "ช่วย" วิวัฒน์ลิงกลุ่มนี้ให้เร็วขึ้นเล็กน้อยเพื่อที่จะรับใช้พวกเขาในอนาคตเป็นดังเช่นชนเผ่าทาสในสงครามที่จะเกิดขึ้น ชะตากรรมของเผ่าพันธุ์ของคุณไม่สำคัญอะไรกับเราเลยแต่พวกเราไม่ชอบการปรากฏตัวมาของ "Ilojiim" บนดาวของเราและพวกเราก็ไม่ชอบที่มีพวกเราอยู่ในดวงดาวที่เป็น "สวนสัตว์ของกาแลคซี่" ของพวกเค้าแห่งใหม่และดังนั้นพวกคุณที่ถูกสร้างมาถึงรุ่นที่หกและเจ็ดนั้นเพื่อเหตุผลในการทำสงครามกับระหว่างพวกเรากับเอเลี่ยนกลุ่มนั้น คุณสามารถหาอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามครั้งนั้นได้ในบางส่วนของหนังสือที่คุณเรียกว่า "ไบเบิ้ล" ในวิธีการอธิบายที่แปลกๆ เรื่องราวความจริงนั้นมันยาวและซับซ้อนมาก ฉันควรจะเล่าต่อมั้ย?
__________________
คำถาม: ไม่แล้ว ฉันได้ทำโน้ตเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของคุณและมีคำถามบางข้อ คำตอบ: ถามมาเลย คำถาม: คุณเล่าถึงช่วงเวลาที่ไกลมาก คุณบอกว่าบรรบุรุษสมัยโบราณของคุณอยู่ร่วมกับไดโนเสาร์, อยู่รอดจากช่วง - ตามที่คุณเรียก - กลียุคมาได้และมีการวิวัฒนาการมากว่า 40 ล้านปีและวิวัฒนาการก็ได้มาสมบูรณ์เมื่อ 10 ล้านปีก่อน มันดูไม่น่าเชื่อมาก คุณช่วยอธิบายอะไรเพิ่มเติมหน่อยได้มั้ย? คำตอบ: ฉันเข้าใจว่าเรื่องนี้มันฟังดูไม่น่าเชื่อเพราะว่าคุณเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีได้ไม่นานและถูกดัดแปลงพันธุกรรม จุดปลายของเวลาในประวัติศาสตร์ของคุณเป็นเวลาแค่หมื่นกว่าปีและคุณคิดว่ามันถูกต้อง แต่มันไม่ใช่ มันเป็นไปไม่ได้ ความคิดที่ถูกโปรแกรมของคุณไม่สามารถที่จะจัดการเกี่ยวเวลาที่มีช่วงเวลายาวๆได้ วิวัฒนาการของเราใช้เวลาดูแล้วยาวนานมากสำหรับคุณแต่มันเป็นความจริงในวิถีทางของธรรมชาติ จำไว้บรรบุรุษของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมช่วงแรกๆของคุณพัฒนาไปพร้อมกับไดโนเสาร์และพวกเขาก็สามารถรอดจากระเบิดมาได้เหมือนกับเรา พวกมันมีวิวัฒนาการช้ามากในหนึ่งล้านปีถัดไปและพวกมันก็แบ่งออกเป็นหลายเผ่าพันธุ์และหลายรูปร่างบางกลุ่มก็ตัวใหญ่ขึ้น, บางกลุ่มก็เล็กลง นี่เป็นวิวัฒนาการทางร่างกายแต่ทางความคิดและความฉลาดล่ะ? พวกมันก็ยังเป็นสัตว์พื้นๆ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยังวิวัฒน์ต่อไปอีก150 ล้านปีแต่ในช่วง 2-3 ล้านปีสุดท้ายพวกมันถึงจะเริ่มฉลาดและคิดได้ และในช่วงเวลาสั้นๆ สิ่งมีชีวิตที่คล้ายคุณก็เกิดขึ้น จากธรรมชาติหรือ? เป็นเวลา148 ล้านปีสำหรับการวิวัฒนาการของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพื่อเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ, แล้วใช้เวลาอีกแค่ 2 ล้านปีเพื่อพัฒนาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดอย่างคุณงั้นเหรอ? ถามตัวเองซิ: คุณคิดว่าการเร่งการวิวัฒนาการอย่างนี้เป็นเรื่องธรรมชาติงั้นเหรอ? เผ่าพันธุ์ของคุณโง่เขลากว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก พวกเราไม่ได้วิวัฒนาการผิดหรอกพวกคุณต่างหาก
__________________
คำถาม: ฉันเข้าใจ แต่ฉันมีคำถามอื่นอีก คุณบอกว่าความจริงหลายๆอย่างเกี่ยวกับสงครามในสมัยก่อนในช่วง 65 ล้านปีก่อน มันเกิดขึ้นนานมากก่อนที่พวกคุณจะเริ่มคิดได้อีกนะ(นานกว่ามากตามที่ฉันรู้ตามที่คุณเล่ามา) แล้วทำไมคุณถึงรู้หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับ "สงครามครั้งแรก" และเกี่ยวกับการวิวัฒนาการของพวกคุณล่ะ? คำตอบ: นี่เป็นคำถามที่ดีมาก(ดีกว่าที่ผ่านมา) และฉันไม่มีคำอธิบายที่เหมาะสมให้กับคุณ ความรู้ของพวกเราเกี่ยวกับสงครามครั้งแรกทั้งหมดนั้นมาจากสิ่งประดิษฐิ์ในสมัยก่อนที่ถูกพบเมื่อประมาณ 16,000 ปีก่อนโดยนักโบราณคดีของพวกเราบนแผ่นดินที่คุณเรียกว่าอเมริกาเหนือ พวกเขาพบแผ่นกลมๆที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 47 เซนติเมตรในหน่วยของพวกคุณ แผ่นนี้ทำจากวัสดุที่เป็นแม่เหล็กที่แม้แต่พวกเรายังไม่รู้จักและข้างในแผ่นนี้มีแผ่นคริสตัลเล็กๆอยู่ซึ่งบรรจุข้อมูลจำนวนมหาศาลมากในระดับโมเลกุลอยู่ในโครงสร้างของคริสตัล "แผ่นความทรงจำ" นี้ถูกสร้างขึ้นจากเผ่าพันธุ์มนุษย์คนสุดท้ายจากดาว "Procyon" ที่รอดตายมาจากระเบิดเมื่อ 65 ล้านปีที่ผ่านมาแต่ว่ามันยังคงสมบูรณ์เมื่อตอนที่เราพบมัน นักวิทยาศาสตร์ของพวกเราสามารถที่จะถอดรหัสข้อความและข้อมูลได้และเราก็ได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่ออดีตอันไกลพ้นที่นำมาซึ่งการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์เป็นครั้งแรก แผ่นนั้นมีอธิบายถึงเอเลี่ยนทั้งสองกลุ่ม(แต่จะมีเกี่ยวกับพันธุ์ที่คล้ายมนุษย์เยอะกว่า)และเกี่ยวกับเหตุการณ์และอาวุธรวมทั้งระเบิดฟิวชั่น มันยังมีข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์และไดโนเสาร์บนโลก,รวมถึงเผ่าพันธุ์บรรพบุรุษของพวกเรา ความรู้ทั้งหมดนั้นเกี่ยวกับการวิวัฒนาการของพวกเรามาจากโครงกระดูกและจากการถอดรหัสอ่าน DNA ของพวกเราย้อนหลัง คุณเห็นมั้ยว่าเรารู้ความจริงเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์ของเราตั้งแต่ 16,000 ปีก่อน ก่อนหน้านั้นก็มีความคิดทางศาสนามากมายเกี่ยวกับการก่อกำเนิดพวกเรา
__________________
คำถาม: เกิดอะไรขึ้นกับเอเลี่ยนสองเผ่าพันธุ์นั้น คำตอบ: พวกเราไม่รู้จริงๆ เผ่าพันธุ์ที่คล้ายมนุษย์ที่รอดตายนั้นดูเหมือนว่าจะหลังจากระเบิดลงอีก 1 ปีให้หลังและพวกเค้าคนอื่นๆและทั้งของพวกที่เหมือนสัตว์เลื้ยนคลานไม่เคยกลับมายังโลกอีกเลย (ตามที่เรารู้) เกี่ยวกับพวกเอเลี่ยนที่เหมือนสัตว์เลื้อยคลานนั้น,มีความเป็นไปได้ว่าร่างกายของพวกเขามีปัญหาทำให้ไม่สามารถกลับไปได้,เพราะว่าสสารที่จะเคลื่อนย้ายไปมาระหว่าง bubble นั้นมันต้องเคลื่อนที่เร็วมาก ทฤษฏีในตอนนี้คือทั้งสองเผ่าพันธุ์นั้นได้สูญพันธุ์ไปในระหว่างช่วงล้านปีต่อมา
__________________
คำถาม: คุณพูดถึงโครงกระดูกของพวกคุณ มันเป็นไปได้อย่างไรที่นักวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ไม่เคยพบร่องรอยของพวกคุณและของบรรพบุรุษของพวกคุณเลยถ้าเคยมีชีวิตอยู่เป็นเวลาในบนดาวเคราะห์ดวงนี้? พวกเราพบโครงกระดูกเป็นจำนวนมากของไดโนเสาร์ที่ยังไม่พัฒนาแต่ไม่มีอันไหนที่แสดงว่าเป็นของสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาแล้วที่มีหัวกะโหลกและสมองใหญ่และมีมือที่มีนิ้วหัวแม่มือตามที่คุณบรรยายมาก่อนหน้านี้ คำตอบ: ใช่ คุณเจอแล้วแต่ว่านักวิทยาศาสตร์ที่"ยิ่งใหญ่"ของพวกคุณไม่สามารถที่จะต่อโครงกระดูกออกมาได้สมบูรณ์, เพราะว่าพวกเขาต้องการต่อโครงสร้างของสัตว์เลื้อยคลาน,ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ฉลาด คุณอาจจะหัวเราะออกมาถ้าคุณรู้ว่ามีจำนวนโครงกระดูกไดโนเสาร์(โดยเฉพาะอันที่เล็ก)เท่าไหร่ในพิพิธภัณฑ์ของคุณที่ต่อเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยมีมาก่อน,เพราะว่าคุณใช้โครงกระดูกที่ไม่ได้เป็นของตัวเดียวกันมาต่อเข้าด้วยกันและบางครั้งคุณทำกระดูกเทียมสำหรับตรงที่มันหายไป คุณต้องการสร้างไดโนเสาร์ที่เป็นแบบ "สัตว์" นักวิทยาศาสตร์หลายคนตระหนักถึงปัญหานี้แต่พวกเขาก็ไม่ได้บอกให้สาธารณะชนรับรู้,เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถอธิบายมันได้และเขาเชื่อว่านั่นเป็นโครงกระดูกที่ถูกต้องและโครงสร้างนั้นถูกต้องแล้ว กระดูกของพวกเราจำนวนมากถูกนำไปใช้ในการประกอบตัว อิกัวโนดอน[Iguanodon] ตัวอย่างเช่นมือที่มีนิ้วหัวแม่มือ (ไปหาดูตัวอิกัวโนดอนตามพิพิธภัณฑ์แล้วจะเห็นว่าฉันพูดถูก) นักวิทยาศาสตร์ในประเทศที่เรียกว่าสหรัฐอเมริกาได้สร้างโครงกระดูกของพวกเราได้เกือบถูกต้องเมื่อหลายปีที่ผ่านมา,แต่ว่ารัฐบาลท้องถิ่น(ที่รู้เกี่ยวกับพวกเรานิดหน่อย)ริบเอาโครงกระดูกนั้นไป และตามที่พวกเราอาศัยอยู่ในขณะนี้(และอยู่มาเป็นหมื่นปีแล้ว)เกือบจะอยู่ใต้ผิวดินโดยสมบูรณ์,คุณจึงไม่สามารถที่จะค้นหาซากศพหรือโครงกระดูกของพวกเรา
__________________
คำถาม: บางครั้งคุณพูดถึงเมืองใต้ดินและแสงอาทิตย์เทียม คุณหมายถึงบางสิ่งอย่างเช่น "โลกกลวง" งั้นหรือ หรือว่ามันดวงอาทิตย์ดวงที่สองอยู่ภายในโลก? คำตอบ: ไม่ๆ โลกไม่ได้กลวงและไม่มีดวงอาทิตย์ดวงที่สองอยู่ข้างในเรื่องนี้มันน่าขันและทั้งเป็นไปไม่ได้ในทางกายภาพ(แม้ว่าเผ่าพันธุ์ของคุณจะฉลาดพอที่จะไม่เชื่อเรื่องพวกนี้) คุณรู้มั้ยดวงอาทิตย์ต้องมีมวลเท่าไหร่ถึงจะสามารถผลิตพลังงานและแสงออกมาได้เป็นเวลานานโดยอาศัยการฟิวชั่น? คุณคิดจริงๆหรือว่ามันสามารถมีดวงอาทิตย์เล็กๆอีกดวงในดาวเคราะห์? เมื่อฉันพูดถึงบ้านใต้ดิน,ฉันหมายถึงระบบถ้ำที่ใหญ่ ถ้ำที่คุณพบใกล้ๆผิวโลกนั้นเล็กเมื่อเปรียบเทียบกับถ้ำจริงๆและเป็นโพรงที่โหญ่อยู่ลึกลงไปในโลก(ลึกประมาณ 2,000 ถึง 8,000 ในหน่วยเมตรของคุณ,แต่เชื่อมต่อกันด้วยอุโมงค์ที่ซ่อนอยู่มากมายเพื่อไปยังผิวโลกหรือผิวโลกแถวๆถ้ำ) และพวกเราอาศัยอยู่ในเมืองและโคโลนีที่กว้างใหญ่และก้าวล้ำมากข้างในถ้ำเหล่านี้ เมืองหลักๆของพวกเราอยู่ภายใต้อาร์กติก, แอนตาร์กติก, ส่วนในเอเชีย, อเมริกาเหนือและออสเตรเลีย ถ้าฉันพูดถึงแสงอาทิตย์เทียมในเมืองของพวกเราฉันไม่ได้หมายถึงดวงอาทิตย์จริงๆแต่เป็นแสงที่มาแหล่งที่สร้างโดยเทคโนโลยี(รวมถึงแหล่งที่มาจากแรงโน้มถ่วงด้วย)ที่ส่องแสงอยู่ในถ้ำและอุโมงค์ มีบางพื้นที่ในถ้ำและอุโมงค์ที่เป็นที่พิเศษที่มีแสง UV แรงเป็นพิเศษซึ่งจะมีอยู่ทุกเมืองและพวกเราใช้สถานที่นี้ทำให้เลือดของพวกเราร้อนขึ้น ยิ่งกว่านั้นพวกเรามีพื้นที่ที่ใช้รับแสงอาทิตย์บนผิวโลกด้วยในพื้นที่ที่ห่างไกลโดยเฉพาะในอเมริกาและออสเตรเลีย
__________________
คำถาม: พวกเราจะสามารถค้นหาทางเข้าไปสู่โลกของคุณได้ที่ไหนบ้าง? คำตอบ: คุณคิดว่าฉันจะบอกสถานที่เหล่านั้นงั้นเหรอ? ถ้าคุณต้องการรู้ว่าอยู่ตรงไหนบ้างละก็,คุณต้องไปค้นหาด้วยตัวเอง(แต่ฉันแนะนำว่าอยู่ทำอย่างนั้นเลย)เมื่อฉันขึ้นมายังผิวโลกเมื่อสี่วันก่อน,ฉันใช้ทางเข้าอยู่เหนือไปจากที่นี่ประมาณ 300 ในหน่วยกิโลเมตรของคุณ ใกล้ๆ กับทะเลสาปที่ใหญ่,แต่ฉันสงสัยว่าคณสามารถหามันเจอเหรอ(มีทางเข้าออกไม่มากในส่วนนี้ของโลก-ส่วนมากจะอยู่ไกลออกไปทางเหนือและตะวันออก) มีคำแนะนำนิดหน่อย: ถ้าคุณอยู่ในถ้ำที่แคบหรือในอุโมงค์หรือบางสิ่งที่ดูเหมือนปล่องเหมืองและตามทางที่เดินลึกเข้าไปพบว่ากำแพงนั้นเรียบและถ้าคุณรู้สึกว่ามีอากาศอุ่นที่ผิดปกติไหลผ่านออกมาหรือหรือถ้าคุณได้ยินเสียงอากาศไหลผ่านออกมาอย่างแรงให้มองหากำแพงที่และเรียบบางที่ในถ้ำที่มีประตูที่ทำจากโลหะสีเทา ถ้าคุณสามารถเปิดประตูนั้นได้(แต่ฉันสงสัยว่าจะทำได้เหรอ)คุณก็น่าจะอยู่ในห้องเทคนิคที่กลมด้วยระบบระบายอากาศและลิฟต์เพื่อที่จะลงไปลึกกว่านั้น นี่ก็น่าจะเป็นทางเข้าไปสู่โลกของเรา ถ้าคุณถึงจุดนั้น,คุณควรจะรู้ว่าพวกเรารู้ว่าคุณอยู่ตรงนั้น คุณกำลังตกอยู่ในปัญหาใหญ่ถ้าคุณเข้าไปในห้องกลมนั้นแต่คุณควรจะหาสัญลักษณ์ของชาวเลื้อยคลานหนึ่งในสองแบบบนกำแพง ถ้าไม่มีสัญลักษณ์หรือเจอสัญลักษณ์อื่นคุณอาจจะตกอยู่ในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่คุณจะคิดได้,เพราะว่าไม่ใช่ทุกอันจะเป็นของเรา ระบบอุโมงค์แบบใหม่เป็นของเอเลี่ยน(รวมถึงพวกที่เป็นศัตรูด้วย) คำแนะนำของฉันคือถ้าคุณพบว่าตัวเองอยู่ในเครื่องจักรใต้ดินอะไรที่แปลกสำหรับคุณ ให้วิ่งออกห่างให้เร็วที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้
__________________
คำถาม: คุณบอกมาแต่แรกแล้วว่าคุณใช้ชื่อ "Lacerta" เมื่อคุณอยู่ท่ามกลางมนุษย์และคุณมีความสุขที่ได้อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์จริงๆ บนผิวโลกแต่คุณอยู่ท่ามกลางมนุษย์ได้อย่างไร?คุณมองดูไม่เหมือนพวกเรา,ดังนั้นคนอื่นน่าจะเห็นว่าคุณเป็นพวกเผ่าพันธุ์อื่น ทำไมไม่มีใครเห็นและบรรยายว่ามีสิ่งมีชีวิตรูปร่างอย่างนี้ถ้าพวกของคุณอยู่ด้วยกันกับเราบนดาวดวงเดียวกัน คุณช่วยอธิบายเรื่องนี้ให้หน่อยได้ไหม? คำตอบ: เริ่มแรกเลย,เผ่าพันธุ์ของเราถูกเห็นและถูกอธิบายไว้(และบูชา)หลายครั้งในช่วงอดีตของคุณ ยกตัวอย่างเช่นในงานเขียนทางศาสนาอย่างเช่นคัมภีร์ไบเบิ้ล คุณสามารถค้นหาคำอธิบายและแม้แต่รูปวาดง่ายๆของพวกเราที่อยู่ในแถวตอนใต้ของอเมริกาในวัดต่างๆ นักปราชญ์[wise man] ของอินเดียและชาวเอเชียที่อยู่บนภูเขาก็มีคำอธิบายถึงพวกเราหลายๆครั้งในงานเขียนและทั้ง "นักปราชญ์"ในแอฟริกาด้วย ฉันคิดว่าพวกเราถูกอ้างหลายครั้งว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่ใช่มนุษย์(อาจจะนอกจาก "Ilojiim") ในประวัติศาสตร์ของคุณ ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน, ให้ไปอ่านประวัติศาสตร์และคุณจะค้นพบความจริงที่ฉันพูด นักวิทยาศาสตร์ที่ "ยิ่งใหญ่" เรียกความเชื่อที่เชื่อว่ามีพวกเราว่า "พวกที่เชื่อผีสาง" และ "ศาสนา" และวันนี้มนุษย์ที่แสนจะ "ฉลาด" ได้ลืมเรื่องที่พวกเราได้มาปรากฏให้เห็นบนโลกในอดีตหมดแล้ว
__________________
มากไปกว่านั้น พวกเผ่าของเราปัจจุบันนี้บางครั้งก็ถูกพบเห็นโดยมนุษย์ถูกเห็นรูปร่างของเราจริงๆหรือในทางเข้าใกล้ผิวหน้าของโลกหรือในอุโมงค์, แต่โชคดีที่พวกคุณและสื่อของคุณไม่ได้รายงานการพบโดยมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่จริง(นั่นดีสำหรับเราและเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงยอมให้ผู้คนเหล่านี้มองเห็นเราในรูปแบบที่เราเป็นจริงๆ) บางคนในกลุ่มพวกเราได้มีการติดต่อโดยตรงกับนักวิทยาศาสตร์และนักการเมืองของมนุษย์จากบนพื้นผิว,แต่ว่าเป็นความลับสุดยอด - ตามที่พวกคุณเรียกว่าอย่างนั้น - และไม่มีใครรู้เรื่องเหล่านี้(เรื่องที่คุยกันปกติก็จะเป็นเรื่องสงครามที่จะเกิดขึ้นกับมนุษย์ต่างดาวและความช่วยเหลือของพวกเราในสงครามนี้) แต่ยังมีข้ออธิบายอื่นอีก,ที่ว่าทำไมพวกเราถึงสามารถเดินอยู่ท่ามกลางพวกคุณได้และทำไมคุณถึงไม่รู้ เราใช้การจำลองตัวเองให้เหมือนมนุษย์
__________________
ที่พูดมานั้นอาจฟังดูไม่น่าเชื่อแต่ทำให้คุณช็อคแต่คุณได้ถามมาฉันก็จะตอบไป ฉันได้บอกคุณไปแล้วว่าพวกเรานั้นมีความสามารถทางจิตเหนือกว่าพวกคุณและ ที่"เหนือกว่า"นั้นฉันหมายถึงว่าพวกเราสามารถใช้เทเลพาที[โทรจิต]และเทเลคิเนซิส[พลังที่เคลื่อนย้ายสิ่งของโดยไม่จับต้อง] ได้ตั้งแต่เราเกิด (ในความจริง,แม่และลูกที่พึ่งเกิดใหม่จะติดต่อกันทางโทรจิตระหว่างเดือนแรก) โดยไม่ต้องมีการฝึกพิเศษอย่างพวกคุณต้องทำกันเพื่อกระตุ้นส่วนสมองส่วนที่หลับอยู่ โครงสร้างของสมองของพวกเราแตกต่างกันเล็กน้อยกับสมองของคุณส่วน ไฮโปไพซิส[hypophyse] ใหญ่กว่าละทำงานมากกว่าของคุณ- โดยเฉพาะเมื่อพวกเราอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ ความสามารถของเรานี้ดีกว่าพวกคุณแต่ยังด้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพวกเอเลี่ยนบนโลกนี้ที่มาจาก "matterstring/bubble" ฉันไม่ได้มีความสามารถทางด้านนี้ดีนัก,แต่พวกเราทั้งหมดมีความสามารถอย่างนี้เป็นความสามารถพื้นฐานและสามารถใช้ยกตัวอย่างเช่นเพื่อป้องกันตัวหรือโจมตี
__________________
เมื่อพวกเราอยู่บนผิวโลกและพบกับพวกมนุษย์(แม้ว่าจะเป็นกลุ่มใหญ่-มันก็ไม่แตกต่างกัน ความคิดของพวกคุณทั้งหมดก็เหมือนเป็นความคิดเดียว) พวกเราสามารถที่จะ "สัมผัส" ความคิดของเขาและชักนำพวกเขาโดยทางโทรจิตโดยออกคำสั่ง "เห็นพวกเราเป็นเหมือนพวกคุณ" และมนุษย์ที่มีจิตที่อ่อนก็จะยอมรับคำสั่งนี้โดยปราศจากการต่อต้านและพวกเขาจะมองเรา(แม้ว่าจะมีรูปร่างเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน) เหมือนมนุษย์ธรรมดา ฉันได้ทำอย่างนี้มาหลายครั้งแล้วและมนุษย์ที่อ่อนแอก็จะเห็นฉันเป็นมนุษย์ผู้หญิงผมสีน้ำตาลที่สวยงามเพราะว่าฉันได้จินตนาการถึงรูปจำลองนี้เป็นปีและฉันสามารถชักจูงมันใส่ในหัวพวกคุณได้โดยไม่มีปัญหา ฉันต้องใช้เวลาในการฝึกมันหน่อยในช่วงแรกที่จะทำให้มันใช้งานได้,แต่ตอนนี้มันทำงานเกือบจะอัตโนมัติและฉันสามารถเดินท่ามกลางพวกคุณและไม่มีใครรู้เลยว่าฉันเป็นใคร มันมีคำสั่งที่เป็นสวิตซ์อยู่("เห็นฉันอย่างที่ฉันเป็น/เห็นฉันอย่างที่พวกเราต้องการให้คุณเห็น")ในจิตสำนึกของคุณที่ซึ่ง "Ilojiim" เอามาใส่เมื่อตอนสร้างคุณขึ้นมา พวกของคุณและพวกเราใช้สวิตซ์นี้เพื่อทำให้คุณเชื่อว่าคุณเห็นมนุษย์เมื่อคุณมองเรา(เอเลี่ยนเผ่าอื่นๆก็ใช้สวิตซ์นี้ด้วย) มันง่ายเหมือนที่คุณคิด เมื่อมีการพบปะกันระหว่างพวกคุณกับเอเลี่ยนที่เห็นรูปร่างเหมือนกับคุณ,เอเลี่ยนเหล่านี้ใช้สวิตซ์นี้และบางครั้งการพบปะกับเอเลี่ยนที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์จริงๆแล้วก็เป็นการพบปะกับพวกเรา) เมื่อฉันพบ E.F. เป็นครั้งแรกเขามองเห็นฉันเป็นมนุษย์ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งและฉันจำได้ว่าเขาดูตกใจมากและช็อคเมื่อฉันเผยร่างจริงให้เห็น
คำถาม: คุณหมายความว่าคุณสามารถทำให้ฉันเชื่อว่าคนที่ฉันคุยอยู่นี้เป็นมนุษย์ผู้หญิงผมสีน้ำตาลที่หน้าตาสวยแทนที่จะดูเหมือนมนุษย์เลื้อยคลานอย่างคุณ คำตอบ: บางที, แต่ฉันไม่คิดงั้นคุณเป็นกรณีพิเศษ เมื่อบางคนคาดว่าจะเห็นเป็นมนุษย์ผู้หญิงแทนที่จะเห็นฉัน ฉันสามารถทำได้โดยไม่มีปัญหาเนื่องด้วยความคิดของเขา(แม้แต่ผู้คนเป็นกลุ่มใหญ่) เพราะว่าไม่มีใครคาดคิดว่าจะเห็นผู้หญิงชาวเลื้อยคลาน แต่ฉันได้ยอมอนุญาตให้จิตของคุณเห็นฉันแบบที่ฉันเป็นตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันครั้งแรกและฉันไม่ได้เหนี่ยวนำความคิดของคุณเลย,ดังนั้นคุณถึงตะรหนักรู้ว่าฉันไม่ใช่มนุษย์ ถ้าฉันต้องการจะทำตอนนี้มันอาจจะต้องทำให้จิตสับสนก่อนหรือไม่ก็ทำไปที่จิตใต้สำนึกและฉันไม่ต้องการทำให้คุณได้รับอันตราย ตามที่บอกไปแล้วฉันทำสิ่งเหล่านี้ไม่ค่อยดีนัก
คำถาม: ฟังดูน่ากลัว คุณสามารถฆ่าคนโดยใช้ความสามารถนี้ได้มั้ย? คำตอบ: ได้แต่ว่ามันถูกห้ามไม่ให้ใช้ นั่นหมายความว่าไม่ได้ไม่เคยมีใครทำมาก่อน คำถาม: ทั้งสองเพศมีความสามารถอย่างนี้ไหม? คำตอบ: ใช่ คำถาม: แล้วภาพถ่ายล่ะ? คุณจะปรากฏบนภาพถ่ายมั้ย? คำตอบ: นี่เป็นคำถามที่งี่เง่ามาก ฉันปรากฏบนภาพถ่ายอย่างที่เป็นมนุษย์เลื้อยคลานเพราะว่าฉันไม่สามารถส่งกระแสจิตไปแต่งรูปถ่ายได้หรือหลอกกล้องได้แต่หลอกได้แค่ตากล้อง ถ้าเขาหรือหล่อนล้างฟิล์มออกมาและเอารูปไปให้คนอื่นมองพวกเขาก็จะเห็นฉันในแบบที่ฉันเป็นจริงๆ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงถูกห้ามไม่ให้ถูกถ่ายรูปหรือถ่ายวีดีโอและพวกเราต้องหลบเลี่ยงกล้องทุกๆตัวบนผิวโลก(มันเป็นเรื่องยากมากและพวกเราถูกถ่ายวีดีโอหลายครั้งในอดีตโดยที่เราไม่รู้,โดยเฉพาะจากรัฐบาลของคุณและสายลับ)
__________________
คำถาม: แล้วคำสั่งอื่นๆที่พวกคุณสามารถเหนี่ยวนำความคิดของเรา อย่างเช่น "รับใช้เรา" หรือ "เชื่อฟังเรา" ล่ะ มีมั้ย? คำตอบ: นี่ก็เป็นคำถามที่แปลกอีกแล้ว พวกเราไม่ใช่ศัตรูของคุณ(พวกเราส่วนมากไม่ได้เป็น) ดังนั้นทำไมพวกเราต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ?นี่คือคำตอบของคำถามข้อนี้: มันขึ้นกับความแข็งแกร่งของจิตมนุษย์และความแข็งแกร่งของจิตชาวเลื้อยคลานที่เป็นผู้ส่ง ไม่มีสวิตซ์คำว่า "รับใช้พวกเรา" หรือ "รับใช้เรา" ในจิตพวกคุณ ดังนั้นคำสั่งเหล่านี้จะยากในการให้ทำตาม ถ้าจิตมนุษย์และจิตสำนึกอ่อนแอและชาวเลื้อยคลานผู้ส่งจิตมีประสบการณ์ในเรื่องนี้และอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์สองสามชั่วโมงก่อนที่เขาหรือเธอจะพยายามทำมัน, มันก็อาจจะเป็นไปได้ มันเป็นความลับในการสอนเรื่องเหล่านี้ แต่ฉันไม่เคยเรียนเรื่องเหล่านี้มาก่อน ฉันใช้ความสามารถพื้นฐานสำหรับการจำแลงตัวและสำหรับการติดต่อสื่อสารกับพวกของฉันและบางครั้งกับสิ่งอื่นๆ แต่ฉันไม่เคยใช้มันทำอันตรายกับมนุษย์หรือจิตคนอื่น ฉันจะพอใจถ้าเราจะจบประเด็นนี้แค่นี้
__________________
คำถาม: คำถามสุดท้าย:คุณบอกมาแต่แรกว่าคุณสามารถซ่อน UFOs ของคุณ คุณใช้ความสามารถเดียวกันใช่มั้ย? คำตอบ: ใช่แต่ในด้านเทคนิค มีอุปกรณ์ที่ทรงพลังข้างในยานแต่ละลำที่ซึ่งสามารถส่งสัญญาณสังเคราะห์ไปยังความคิดพวกคุณเพื่อให้คุณเชื่อว่าคุณไม่ได้เห็นอะไรเลยนอกจากท้องฟ้าหรือว่าเห็นเป็นยานบินธรรมดาๆอย่างเช่นเครื่องบินแทนที่จะเป็นยานของพวกเรา นี่ไม่ได้ใช้บ่อยนัก เพราะว่าเราเลี่ยงที่จะบินผ่านที่ที่มีมนุษย์อยู่กันเยอะๆ ถ้าคุณสามารถเห็น UFOs ของพวกเรามันก็หมายความว่าเครื่องนั้นมีปัญหาหรือว่าไม่ได้เปิดใช้ด้วยเหตุผลบางประการ ผลกระทบจากการซ่อนตัวไม่ได้ส่งผลถึงกล้างถ่ายรูปด้วย - เป็นการตอบคำถามที่คุณได้ถามไปแล้ว -แต่ทำไมบางคนถึงได้ถ่ายรูปท้องฟ้าที่เขาไม่เห็นอะไรผิดปกติบนนั้น อ้อ แล้วพื้นผิวตรงใกล้อุโมงค์ทางเข้าของเรานั้นก็ถูกซ่อนด้วยอุปกรณ์ตัวเดียวกันและคุณจะเห็นเป็นผนังถ้ำธรรมดาแทนที่จะเห็นเป็นประตู นี่เป็นเหตุผลนึงที่ว่าทำไมฉันถึงบอกว่าฉันสงสัยว่าคุณจะสามารถหาประตูลับที่เชื่อมต่อไปยังโลกของเราเจอหรือเปล่า(แต่มันก็ได้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้วในอดีต)
__________________
คำถาม: กลับไปยังเรื่องราวประวัติศาสตร์ของพวกคุณกับเราอีกครั้ง คุณพูดถึง "Illojiim" ว่าเป็นผู้ที่สร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเราขึ้นมา แล้วพวกเขามาจากที่ไหนและมองดูเหมือนอะไร? อะไรเกิดขึ้นกันแน่เมื่อพวกเขามาถึง? พวกเขาเป็น "พระเจ้า" ของพวกเรางั้นหรือ? คำตอบ: "Illojiim" มาจากจักรวาลนี้ จากระบบสุริยะที่คุณเรียกว่า "Aldebaran" พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์คล้ายมนุษย์ที่สูงมาก มีผมสีบรอนด์และมีผิวสีขาวมาก(พวกเขาพยายามหลีกเลี่ยงแสงอาทิตย์,เพราะว่ามันทำร้ายผิวหนังและตาของพวกเขา นี่ฟังดูไม่น่าเชื่อสำหรับพวกที่ชอบแสงอาทิตย์อย่างพวกเรา) ในตอนแรกพวกเขาดูเหมือนฉลาดและรักสันติและพวกเราพยายามที่จะติดต่อสื่อสารอย่างเป็นมิตรหลายครั้ง แต่ท้ายสุดแล้วพวกเขาก็แสดงจุดประสงค์และแผนการณ์ที่แท้จริงออกมา: พวกเขาต้องการวิวัฒน์ลิงเอปเป็นพันธุ์ใหม่และพวกเราเป็นองค์ที่รบกวนเขาในดวงดาวสวนสัตว์แห่งใหม่ของเขา ในตอนแรกพวกเขาจับลิงที่เป็นบรรพบุรุษของคุณประมาณ 10,000 หรือ 20,000 ตัวไปและพวกเขาไปจากดาวเคราะห์นี้ประมาณร้อยกว่าปี เมื่อพวกเขากลับมาพวกเขานำพวกบรรพบุรุษของพวกคุณ(ตอนนี้เหมือนมนุษย์มากขึ้น) กลับมา แล้วพวกเขาก็ออกจากโลกไปอีกครั้งคราวนี้หายไปพันกว่าปีและสิ่งมีชีวิตที่เกือบเป็นมนุษย์นี้ก็อยู่ร่วมกับพวกเราได้อย่างไม่มีปัญหา(พวกเขากลับยานและเทคโนโลยีของพวกเรา) พวก "Illojiim" สอนความคิดพวกเขาและพัฒนาสมองให้ดีขึ้นและโครงสร้างทางร่างกายและตอนนี้พวกเขาสามารถใช้เครื่องมือและไฟได้ "Illojiim" ได้กลับมาได้มาอีกเจ็ดครั้ง ในช่วงระหว่างเวลา 23,000 ปี และเร่งกระบวนการวิวัฒนาการของพวกคุณ คุณต้องเข้าใจนะว่าคุณไม่ได้เป็นอารยธรรมมนุษย์อารยธรรมแรกบนดาวดวงนี้ มนุษย์ที่ก้าวหน้ากลุ่มแรก(ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันกับสิ่งมีชีวิตที่เกือบเป็นมนุษย์ที่พัฒนาน้อยกว่า, เพราะว่า "Illojiim" ได้ทดลองในหลายช่วงเวลาและสถานะของการวิวัฒนาการ) ด้วยเทคโนโลยีและคำพูดก็เริ่มมีมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่เมื่อประมาณ 700,000 ปีก่อนบนดาวดวงนี้(นักวิทยาศาสตร์ของคุณไม่เข้าใจสิ่งนี้,เพราะว่าพวกเขาเจอแต่กระดูกของพวกที่ยังไม่ใช่มนุษย์และภาพวาดพื้นๆบนผนังถ้ำที่วาดมนุษย์ที่พัฒนาแล้วและสิ่งที่บินได้) มนุษย์ที่ก้าวหน้านี้ก็อยู่ร่วมกับเรา,แต่พวกเขาก็พยายามหลบเลี่ยงไม่ติดต่อกับพวกเรา,เพราะว่าครู "Illojiim" ได้เตือนพวกเขาด้วยจุดประสงค์ที่จะให้เข้าใจผิดว่าพวกเราเป็นปีศาจและพวกเราพูดโกหกกับพวกเขา[พวกมนุษย์]
__________________
เอาล่ะ,หลังจากผ่านไปซักสองสามศตวรรษพวกเอเลี่ยนก็ได้ตัดสินใจที่จะทำลายสิ่งสร้างครั้งแรกทิ้งหมดและพวกเขาเร่งการวิวัฒนาการในครั้งที่สองและครั้งต่อไปอีกเรื่อยๆ เป็นเรื่องจริงที่ว่าอารยธรรรมมนุษย์ที่ทันสมัยของคุณนั้นไม่ได้มีมาเป็นครั้งแรกบนดาวเคราะห์โลกนี้แต่เป็นครั้งที่เจ็ด สิ่งก่อสร้างของพวกแรกนั้นสูญหายไปหมดแต่อารยธรรมของมนุษย์ครั้งที่ห้านั้นยังอยู่หนึ่งอย่าง,ซึ่งก็คือสิ่งก่อสร้างรูปทรงสามเหลี่ยมที่ยิ่งโหญ่ที่คุณเรียกว่า "ปิรามิดของชาวอียิปต์" ซึ่งมีมาประมาณ 75,000 ปีก่อน(ชาวอียิปต์ของพวกคุณสร้างปิรามิดที่ใหญ่โตบนพื้นทรายและพยายามที่จะสร้างสิ่งก่อสร้างที่รูปร่างคล้ายๆกันแต่ไม่สำเร็จ) และอารยธรรมของมนุษย์ครั้งที่หกยังเหลืออยู่หนึ่งอย่างซึ่งเป็นเมืองซึ่งเป็นซากปรักหักพัง ปัจจุบันนี้คุณสามารถหาได้ตามใต้ท้องทะเลตรงแถวพื้นที่ที่เรียกว่า Bimini ซึ่งมีมาเมื่อ 16,000 ปีก่อน การสร้างครั้งสุดท้ายก็คือครั้งที่เจ็ด - ก็คือพวกคุณ - ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 8,500 ปีก่อน และที่เป็นการสร้างครั้งเดียวที่คุณจำได้และที่งานเขียนทางศาสนาคุณอ้างไว้ คุณไว้ใจการศึกษาทางโบราณคดีและ paleonthological[เกี่ยวกับพวกศึกษาไดโนเสาร์] กับสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นในสมัยก่อนซิ่งมันผิดและเป็นอดีตที่สั้นไป, แต่นั่นเป็นวิธีที่คุณศึกษาเกี่ยวกับอารยธรรมทั้งหกก่อนหน้านี้ และคุณพบหลักฐานของการสูญหาย, คุณปฏิเสธและแปลความจริงผิดไป นี่เป็นส่วนนึงของโปรแกรมที่ตั้งไว้ในความคิดของคุณและบางส่วนก็เพราะโง่จริงๆ ฉันจะบอกคุณในสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากสร้างพวกคุณแล้ว, เพราะว่ามนุษย์ทั้งหกรุ่นก่อนหน้านั้นตายไปหมดและดังนั้นพวกเขาจึงไม่เกี่ยวกับคุณ
มีสงครามที่ยาวนานระหว่างพวกเราและ "Illojiim" และระหว่างพวก "Illojiim" ด้วยเพราะว่าพวกเขาหลายคนมีความเห็นว่าการสร้างมนุษย์หลายต่อหลายรุ่นบนดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล การต่อสู้ครั้งสุดท้ายในสงครามครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อราวๆ 5,000 ปีก่อนในวงโคจรของโลกและบนโลก พวกเอเลี่ยนใช้อาวุธคลื่นเสียงที่มีอำนาจมากทำลายเมืองใต้ดินของเราแต่ในอีกทางหนึ่งพวกเราก็สามารถทำลายสิ่งก่อสร้างของพวกเขาที่อยู่บนโลกได้หลายที่และสามารถทำลายฐานที่อยู่บนอวกาศได้ มนุษย์ในรุ่นของคุณนั้นตกใจมากเมื่อพวกเข้าสังเกตเห็นการต่อสู้ของพวกเราและพวกเขาบันทึกไว้ในรูปแบบเทพนิยายในทางศาสนา(ความคิดของพวกเขาไม่สามารถที่จะเข้าใจว่าอะไรได้เกิดขึ้น) "Illojiim" - ผู้ซึ่งถือว่าเป็น "พระเจ้า" สำหรับมนุษย์รุ่นที่หกและเจ็ด - บอกพวกเขาว่านี่เป็นสงครามระหว่างความดีกับความชั่วร้ายและพวกเขาเป็นฝ่ายดีและพวกเราเป็นฝ่ายผู้ร้าย นี่ขึ้นกับมุมมองของแต่ละฝ่าย มันเคยเป็นดาวเคราะห์ของเรามาก่อนที่พวกเขาจะมาและก่อนที่พวกเขาจะเริ่มโครงการวิวัฒนาการพวกมนุษย์ ในความเห็นของฉันแล้ว มันเป็นสิทธิ์ของเราที่จะต่อสู้เพื่อดวงดาวของเรา แล้วเป็นเวลาที่แน่นอนว่า 4,943 ปีก่อน - ตามเวลาของพวกคุณ - Elohim ได้ทิ้งดาวเคราะห์นี้ไปอีกครั้งด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครรู้(นี่เป็นเวลาที่สำคัณสำหรับเรามากเพราะว่านักประวัติศาสตร์ของพวกเราหลายคนเรียกว่าชัยชนะ) ความจริงเราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่มาวันนึงพวก "Ilojiim" ก็ได้จากไป, พวกเขาได้หายไปโดยไร้ร่องรอยรวมถึงยานของพวกเขาด้วยและพวกเราพบว่าสิ่งก่อสร้างบนพื้นโลกของพวกเขาถูกทำลายโดยพวกเขาเอง พวกมนุษย์เป็นตัวของตัวเองและอารยธรรมของพวกคุณก็ได้ถูกพัฒนาขึ้นมา พวกเราหลายคนได้ติดต่อกับพวกชนเผ่าบางแห่ง(ส่วนมากทางตอนใต้) ของเผ่าพันธุ์ของคุณในศตวรรษต่อมาและพวกเราสามารถทำให้พวกบางคนเชื่อว่าพวกเราไม่ใช่ "ปีศาจ" พวกเอเลี่ยนต้องการให้พวกเขาเชื่ออย่างนั้น ระหว่างช่วงเวลา 4,900 ปีจนถึงปัจจุบันมีพวกเอเลี่ยนหลายเผ่าพันธุ์เดินทางมายังโลก(พวกเขาบางกลุ่มใช้เทคนิคและโปรแกรมเก่าๆของความคิดของคุณและ "เล่น" บทบาทเป็นพระเจ้าของคุณ) แต่พวก "Ilojiim" ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย พวกเขาทิ้งดาวเคราะห์นี้ไปเป็นเวลาพันๆปีแล้ว, ดังนั้นพวกเราก็คาดหวังว่าซักวันหนึ่งในอนาคตพวกเขาจะกลับมาในอนาคตเพื่อมาปิดโปรเจคหรือบางทีอาจมาทำลายล้างมนุษย์รุ่นที่เจ็ด, แต่พวกเราก็ไม่รู้จริงๆว่าอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา(นี่เป็นคำตอบของคำถามนี้ในเชิงลึกมาก)
__________________
อารยธรรมของคุณในตอนนี้ยังไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับที่มาของพวกคุณจริงๆ, เกี่ยวกับอดีตของคุณจริงๆ, เกี่ยวกับโลกและจักรวาลของพวกคุณจริงๆ และคุณรู้น้อยมากเกี่ยวกับเราและอดีตของเรา และคุณไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่จะมาถึงในอนาคตอันใกล้ ตราบเท่าที่คุณยังไม่เข้าใจและเชื่อคำพูดของฉัน - ฉันพูดความจริงกับคุณเพราะว่าพวกเราไม่ใช่ศัตรู - มันมีสิ่งที่เป็นอันตรายต่อเผ่าพันธุ์ของคุณอยู่ ศัตรูของคุณอยู่ที่นี่แล้วและคุณไม่เข้าใจ เปิดตาของคุณหรือไม่คุณก็จะตกอยู่ในปัญหาใหญ่หลวงในเร็วๆนี้ ถ้าคุณไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันได้บอกคุณไป คุณควรจะเชื่อมันและจำมันไว้
__________________
คำถาม: ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันไม่เชื่อคุณล่ะ? คำตอบ: ฉันมีความรู้สึกว่าคุณไม่เชื่อฉัน, นอกเสียจากความจริงที่ว่าฉันนั่งอยู่ตรงนี้ข้างหน้าคุณ ทุกๆ สิ่งที่ฉันบอกคุณไปในสองชั่วโมงก่อนเป็นความจริงแท้สำหรับโลกของเรา
__________________
คำถาม: มีจำนวนเอเลี่ยนกี่เผ่าที่อยู่บนโลกเรา ณ ขณะนี้? คำตอบ: เท่าที่เราจำได้ 14 เผ่า 11 เผ่า มาจากจักรวาลนี้, 2 เผ่ามาจาก "bubble" อื่น และอีก 1 เผ่าที่ก้าวหน้ามากๆมาจาก plain ที่แตกต่างกันมาก อย่าถามชื่อเลย, เพราะเกือบทั้งหมดนั้นไม่สามารถออกเสียงเป็นแบบคุณได้, มีแปดกลุ่มที่ไม่สามารถออกเสียงได้แม้แต่เราก็ตาม มีอยู่หลายเผ่า - โดยเฉพาะที่ก้าวหน้ามากๆ - แค่ศึกษาพวกคุณเหมือนคุณเป็นสัตว์และพวกเขาไม่เป็นอันตรายกับคุณและสำหรับพวกเราด้วยและพวกเราทำงานร่วมกันกับบางคนของเค้า, แต่มีอยู่สามกลุ่มที่มีเจตนาร้าย, รวมถึงกลุ่มนึงที่ติดต่อกับรัฐบาลของพวกคุณและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีในเรื่องทองแดงและสิ่งสำคัญอื่นๆและจะหักหลังพวกคุณ ตอนนี้มี "สงครามเย็น" ระหว่างกลุ่มที่คิดร้ายกับคุณสองกลุ่มซึ่งเกิดขึ้นเป็นเวลา 73 ปีแล้วและกลุ่มที่สามดูเหมือนจะเป็น "ผู้ชนะ" ในการต่อสู้ที่ไม่มีประโยชน์นี้ พวกเราคาดการณ์ว่าจะมีสงครามที่ "ร้อนแรง"ระหว่างพวกเขากับคุณในอนาคตอันใกล้นี้(อาจจะใน 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า) และพวกเราเป็นกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น ในเวลาไม่นานมานี้มีข่าวลือว่ามีกลุ่มใหม่อีกกลุ่มเข้ามา,กลุ่มที่ 15 ที่มายังโลกเมื่อ 3 หรือ 4 ปีก่อน, แต่พวกเรายังไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของพวกเขาและจนกระทั่งบัดนี้พวกเราก็ยังไม่สามารถติดต่อกับพวกเขาได้ บางทีข่าวลืออาจจะผิดก็ได้
__________________
คำถาม: อะไรที่เอเลี่ยนกลุ่มที่คิดร้ายกับเราต้องการ? คำตอบ: วัตถุดิบหลายๆ อย่างรวมทั้งทองแดงเพื่อเอาไปใช้ในเทคโนโลยีของพวกเขา, น้ำของคุณ(หรือถ้าจะพูดให้ชัดกว่านี้ก็คือต้องการไฮโดรเจนในน้ำของคุณ, ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานในกระบวนการฟิวชั่น)และธาตุเคมีในอากาศ นอกจากนี้มีสองกลุ่มที่สนใจในร่างกายของคุณ, เนื้อเยื่อและเลือดของมนุษย์,เพราะว่าโครงสร้างทางพันธุกรรมของพวกเขานั้นมีปัญหาเนื่องจากการวิวัฒนาการที่แย่และจากรังสี(เท่าที่เรารู้) และพวกเขาต้องการส่วนพันธุกรรมที่ยังคงสภาพเดิมจากพวกคุณและจากสัตว์เพื่อมาซ่อมพันธุกรรมของพวกเขา,แต่ว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะซ่อมส่วนที่เสียหายได้หรอกเพราะว่า DNA ของพวกเขาและของคุณ มันเข้ากันไม่ได้(DNA ของเผ่าพันธุ์เราไม่สามารถเข้ากับของพวกเขาได้แน่นอน,ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนใจเรามากนัก) และพวกเขาพยายามที่จะสร้างพันธุ์ผสมระหว่างพวกคุณกับพวกเขาโดยใช้การผสมเทียม พวกเราคิดว่าสงครามที่กำลังจะมาถึงจะเป็นสงครามระหว่างเอเลี่ยนสามกลุ่มหรือกับคุณและและหนึ่งในนั้นหรือทั้งหมดทำสงครามเพื่อวัตถุดิบ, ไฮโดรเจน, อากาศและ DNA
__________________
คำถาม: ที่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกนั้นถึง "ลักพาตัว" เราไป คำตอบ: บางส่วน,โดยเฉพาะเมื่อเอเลี่ยนได้ตัวอย่างไข่และสเปริมไปจากคุณ บางเวลาผู้ที่ลักไปนั้นก็เป็นเผ่าพันธุ์อื่นที่ก้าวหน้ามากและพวกเขาต้องการแค่ศึกษาร่างกายและจิตใจของคุณ(ซึ่งบางกลุ่มนั้นสนใจมากเพราะว่าร่างกายที่เป็นของแข็งของคุณ) เหมือนกับว่าพวกคุณเป็นสัตว์เดรัจฉาน ตามที่ฉันได้บอกไปแล้วเอเลี่ยนสามเผ่านั้นไม่หวังดีกับคุณและนั่นหมายความว่าพวกเขาจะไม่สนใจชะตากรรมหรือชีวิตของคุณ และผู้คนผู้ซึ่ง "ถูกลักพาตัว" ไปโดยพวกเขาแล้วจะรอดชีวิตกลับมายาก ถ้าบางคนสามารถรายงานถึงการลักพาตัวได้,มันหมายความว่าในความเห็นของฉันเขาหรือเธอไม่ได้พบกับกลุ่มที่ไม่หวังดีหรือเขาหรือเธอเป็นมนุษย์ที่โชคดีมากๆ ที่รอดมาได้ เอเลี่ยนกลุ่มที่ก้าวหน้าและเป็น"มิตร"ก็เอาตัวอย่างไข่และสเปริมไปด้วย,แต่เพื่อเหตุผลอื่น
__________________
คำถาม: คุณบอกว่ามีเอเลี่ยนอยู่ 14 กลุ่มที่อยู่บนโลกนี้ แต่ทำไมคนที่เห็นเอเลี่ยนจึงบอกว่ามีหลายแบบและมีรูปร่างแปลกประหลาดมาก คำตอบ: ฉันคิกว่าฉันได้ตอบปัญหานี้ไปแล้วนะ ตามที่ฉันบอกว่า เอเลี่ยนจำนวนมากมีความสามารถทางจิตมากกว่าคุณหรือว่าฉัน(มีเอเลี่ยนแค่หนึ่งกลุ่มที่ไม่มีความสามารถนี้) พวกเขาปรากฏตัวในความคิดและความทรงจำของพวกคุณตามแต่ว่าพวกเขาอยากให้เห็น "ภาพ" อย่างไรโดยที่ไม่ต้องปรากฏร่างกายจริงๆให้เห็น คุณจะจำพวกเขาได้ว่าพวกเขาเป็นเหมือนมนุษย์เราหรือเป็น grey รูปร่างเตี้ยๆ หรือแม้แต่สัตว์ที่รูปร่างแปลกประหลาดเพระว่าพวกเขาต้องการให้คุณจำพวกเขาอย่างนั้นหรือบางทีพวกเขาต้องการให้คุณลืมบางสิ่งเกี่ยวกับการพบกับพวกเขา ตัวอย่างอื่น: คุณสามารถจำได้ว่าคุณอยู่ในโรงพยาบาลปกติของมนุษย์และมีหมอกำลังตรวจร่างกายคุณและคุณก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นในสิ่งที่คุณเจอ(อาจจะจนกระทั่งคุณพบว่านั่นไม่ใช่โรงพยาบาลแถวถนนที่คุณคิดว่าใช่) แต่ความจริงแล้วคุณกำลังถูกตรวจสอบโดยเอเลี่ยนในห้องแลป ในกรณีนี้คุณไม่สามารถเชื่อความคิดของคุณได้เลย พวกเขาปรากฏในรูปร่างต่างๆ เพื่อทำให้คุณสับสนและทำให้พยานผู้ที่จำเหตุการณ์ได้ - หรือคนที่เชื่อว่าสามารถจำได้ - ดูเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นและเท่าที่เรารู้,พวกเขาทำสำเร็จ เชื่อฉันเถอะว่ามีเอเลี่ยนอยู่ 14 กลุ่มบนโลกใบนี้และมีเอเลี่ยนแค่ 8 กลุ่มที่ลักพามนุษย์อยู่ในตอนนี้(เท่าที่เรารู้อีกแล้ว) เพิ่มเติมไม่ทุกๆคนของพวกที่บอกว่า "ถูกลักพาตัว" ถูกลักพาไปจริง และเอเลี่ยนบางกลุ่มในรายงานของพวกเขานั้นเป็นแค่ภาพจินตนาการหรือไม่ก็คำโกหก
คำถาม: พวกเราจะป้องกันไม่ให้พวกเขาชักจูงความคิดเราได้อย่างไร? คำตอบ: ฉันไม่รู้ ฉันสงสัยว่าคุณจะทำได้หรือ,เพราะว่าความคิดของพวกคุณนั้นเหมือนสมุดที่เปิดออกเพื่อที่ให้อ่านและเขียนได้ซึ่งทำได้โดยเผ่าพันธุ์อื่นๆ โดยเกือบจะทุกๆเผ่าพันธุ์ที่ฉันรู้มา นี่เป็นความผิดบางส่วนของ "Ilojiim", เพราะว่าพวกเขาได้สร้างหรือสร้างผิด(บางส่วนตั้งใจ) ความคิดของคุณและจิตสำนึกของคุณโดยไม่มีกระบวนการป้องกัน ถ้าคุณรู้ตัว่ามีบางคนกำลังแทรกแซงความคิดของคุณ,คุณสามารถทำได้แค่ตั้งสมาธิไปยังความคิดที่น่าสงสัยและพยายามวิเคราะห์ทุกๆความคิดและความจำของคุณ เป็นการสำคัญมากที่: อย่าหลับตาของคุณ(นี่อาจจะเป็นการนำให้คลื่นสมองจากที่อื่นเข้ามาง่ายขึ้น) และอย่านั่งหรือนอนลงเพื่อพักถ้าคุณตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาระหว่างนาทีแรกๆ, คุณอาจจะกรองความคิดและคลื่นสมองอื่นในสมองของคุณและผู้ที่พยายามแทรกแซงจะยกเลิกไปเองในไม่ช้าถ้าเขาหรือเธอไม่ประสบความสำเร็จเพราะว่ามันจะเป็นการทำร้ายสมองของพวกเขาหรือเธอซะเอง นี่เป็นเรื่องที่ยากและลำบากมากและมันสามารถทำร้ายคุณได้, ดังนั้นอย่าพยายามจะต่อต้านแต่มันเป็นแค่ความเป็นไปได้ที่คุณทำได้ อย่างไรก็ตาม,คุณทำอย่างนี้ได้กับพวกที่อ่อนแอกว่าเท่านั้น,ไม่สามารถทำกับพวกที่แข็งแรงกว่าได้
__________________
คำถาม: คำพูดนี้คุณหมายความว่าอะไร "1 เผ่าที่ก้าวหน้ามากๆมาจาก plain ที่แตกต่างกันมาก"? คำตอบ: ก่อนที่ฉันจะอธิบายเรื่องนี้,คุณต้องสามารถที่จะเข้าใจเรื่องจักรวาลให้ดีกว่านี้ก่อนและนี่อาจจะเป็นการเสียเวลาเปล่าๆไปหลายสัปดาห์ที่จะสอนเรื่องนี้กับคุณ(รวมถึงต้องเอาอคติของคุณออกไปก่อน)และการสอนของฉันไม่ได้หมายความว่าสอนด้วยคำพูดอย่างเดียว ฉันได้อธิบายสิ่งนี้ด้วยคำว่า "plain" หรือว่า "ระดับ[level]" ของคุณ เพราะว่าคุณไม่มีศัพย์ที่เหมาะสมและคำว่ามิติ[dimention] ความหมายมันก็ไม่ใช่(มันรวมถึงคำว่า "bubble" ด้วย) เพราะคำว่ามิติมันไม่สามารถมีอยู่ถ้าปราศจาก plain ถ้าคุณเป็นเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ใน plain อื่นหรืออยู่เหนือ plain และถ้าคุณสามารถที่จะเข้าไปยัง plain อื่นได้โดยไม่ใช้เทคโนโลยีร่างกายของคุณนั้นจะไม่ได้ประกอบด้วยสสารที่คุณรู้จัก, แล้วคุณก็จะเป็นสิ่งที่มีกำลังมากที่สุดที่คุณสามารถจินตนาการได้ นี่เป็นพวกเผ่าพันธุ์ที่ก้าวหน้ามากที่ฉันเคยได้กล่าวถึงแล้วซึ่งได้พัฒนาตัวเองข้างนอกที่นี่และพวกเขาได้วิวัฒนาการมาแล้วมากกว่าหนึ่งพันล้านปี พวกเขาสามารถทำลายพวกคุณและพวกเราทั้งหมดและทุกสิ่งเพียงแค่คิด พวกเราได้ติดต่อกับพวกเขาแค่ 3 ครั้งในประวัติศาสตร์ของเรา,เพราะว่าความสนใจของพวกเขาในดวงดาวนี้ไม่เหมือนพวกอื่นๆ พวกเขาจึงถูกระบุว่าไม่อันตรายกับพวกคุณและพวกเรา
__________________
คำถาม: อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อสงครามเริ่มต้นขึ้น? คำตอบ: เรื่องนี้มันตอบยาก มันขึ้นกับเผ่าพันธุ์ที่เป็นศัตรูและแผนการณ์ของพวกเขา "สงคราม" นั้นไม่ใช่เรื่องพื้นๆอย่างที่มนุษย์หมายความไว้[ในความหมายก็คือไม่ใช่แค่เอาอาวุธมาประหัตประหารกัน],"สงคราม"สามารถสู้กันได้หลายระดับ อย่างนึงที่เป็นไปได้คือพวกเขาจะ"ทำลาย"ระบบสังคมของคุณโดยไปมีอิทธิพลกับผู้นำทางการเมือง, วิธีอื่นก็คือใช้ระบบอาวุธที่ก้าวหน้าที่ซึ่งสามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิดหรือภัยพิบัติอื่นๆ(รวมถึงภัยทางน้ำด้วย) ที่ดูเหมือนเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติ สนามพลังพิเศษจากการรวมตัวของทองแดงที่ฉันได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้สามารถส่งผลต่อสภาพอากาศโลกได้ ฉันคิดว่าพวกเขาจะไม่โจมตีดาวดางนี้โดยตรงจนกว่าอารยธรรมมนุษย์จะอ่อนแอลง, เพราะว่าพวกเขาเห็นว่าพวกคุณมีความเป็นไปได้ที่จะทำลายยานของพวกเขา(แต่ก็ไม่มาก) ความความเห็นของฉันพวกเราก็ไม่แน่ใจนักว่าจะมีสงครามเกิดขึ้นในปีถัดๆไป ฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้ไปมากกว่านี้แล้ว
__________________
คำถาม: นี่เป็นการสิ้นสุดการสัมภาษณ์คุณต้องการจะพูดอะไรเป็นประโยคหรือข้อความสุดท้ายมั้ย คำตอบ: เปิดตาของคุณและมองดู อย่าเชื่อเพียงแค่ในประวัติศาสตร์ผิดๆของคุณหรือนักวิทยาศาสตร์ของคุณหรือนักการเมืองของคุณ พวกเขาบางคนรู้ความจริงเกี่ยวกับหลายๆ สิ่ง,แต่พวกเขาไม่ได้ประกาศสู่สาธารณะเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนและตื่นตระหนก ฉันคิดว่าเผ่าพันธุ์ของพวกคุณก็ไม่ได้แย่เหมือนอย่างที่พวกของฉันคิดและรู้สึกสงสารที่ได้แต่เฝ้ามองจุดจบของพวกคุณ มีหลายๆสิ่งที่ฉันได้บอกไป ออกไปยังโลกด้วยตาที่เปิดกว้างและคุณจะเห็น-หรืออาจจะไม่ เผ่าพันธุ์ของคุณยังโง่อยู่ คำถาม: คุณคิดว่าจะมีใครเชื่อว่าที่คุยกันนี้เป็นเรื่องจริงไหม? คำตอบ: ไม่หรอก แต่มันเป็นการทดลองที่น่าสนใจในเรื่องการศึกษาทางสังคมของฉัน พวกเราจะพบกันอีกครั้งและคุณช่วยบอกฉันหน่อยว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากตีพิมพ์เรื่องนี้ออกไป นี่อาจจะเป็นความหวังของพวกคุณ
__________________
Link : http://www.bibliotecapleyades.net/vi...a_alien_52.htm
ที่มา :http://board.palungjit.com
____________________
เครดิต : zipper
________________________________
แสดงความคิดเห็น