ลัทธิโลกกลวงลวงโลก

ย้อนกลับไปก่อนความเชื่อเรื่องโลกกลวงกับฐานทัพของมนุษย์ต่างดาวและนาซี ดอกเตอร์ไซรัส รีด ทีด ผู้สร้างทฤษฎีที่ไม่มีใครเถียงได้ว่าไม่เป็นจริงซึ่งกล่าวว่า ภายในโลกนี้มีโลกกลวงที่มีพระอาทิตย์ครึ่งดวง และมีผู้คนอาศัยอยู่ เมื่อด้านหนึ่งมืด อีกด้านก็จะสว่าง ไม่เพียงแค่ความเชื่อนี้เท่านั้นที่เกิดขึ้นจากดอกเตอร์ ไซรัส รีด ทีด เพราะภายหลังที่สามารถสร้างทฤษฎีและต่อสู้อย่างข้าง ๆ คู ๆ จนประกาศว่าไม่มีใครพิสูจน์ว่าความคิดของเขาไม่จริง ซึ่งก็ไม่แปลกที่ไม่มีใครทำได้ ในเมื่อเรารู้กันดีว่าภายใต้โลก คือ หินร้อน และชั้นหิน ต่าง ๆ







ปี 1869 เขากล่าวว่า เหตุที่คนที่อาศัยอยู่ภายในไม่สามารถมองเห็นกันในเมื่อในโลกกลวงนี้ใสสว่างตาม ความเชื่อ เขาให้เหตุผลว่า บรรยากาศที่หนาแน่นภายในโลกกลวง (ของเขา) มีปริมาณหนาแน่นมากจนมองไม่เห็นกัน นอกเหนือจากความคิดที่ดูแปลกแยกนี้จะเพิ่มมากขึ้น เขายังได้ทำให้ตัวเองกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์เพี้ยนในสายตาของคนอเมริกัน โดยเสนอทฤษฎี Cellular Cosmogony หรือการกำเนิดจักรวาลกลวง ในแบบของเขา จากนั้นก็ตั้งสมาคมลัทธิที่เชื่อและตั้งตนเป็นเจ้าลัทธิ ชื่อว่า Koreshan Unity

ปี 1894 เขาซื้อที่ดินที่ฟลอริดา ในเมืองเล็ก ๆ ชื่อว่า เอสโตโร เพื่อสร้างเป็นชุมชน และเรียกมันว่า นิวเยรูซาเลม



ตำนานโลกกลวง

หากกล่าวถึงตำนานต่าง ๆ ในโลกที่มีการเล่าสืบทอดกันมานั้นมีมายาวนาน และในหลากหลายท้องถิ่น โดยเชื่อมโยงกับดินแดนลับแลที่อยู่อย่างลึกลับ และมีผู้คนลึกลับอาศัยอยู่

ตำนานชาวอาการ์ทา (Agartha) ผู้คนลึกลับ ที่สร้างอาณาจักรใต้พื้นพิภพ สร้างเมืองหลวง หมู่บ้าน และมีผู้ปกครอง โดยมีเมืองหลวงที่ชื่อ ซัมบาลลา (Shamballa) ด้วยความเชื่อต่างที่ต่างถิ่นจึงมีการเรียกชื่อ เช่น ดินแดนต้องห้าม ดินแดนสว่างแห่งวิญญาณ ดินแดนแห่งเทพเจ้า ชาวฮินดูรู้จักในชื่อของ อาร์ยาวารธา (Aryavartha)ที่ปรากฏในคัมภีร์พระเวท ส่วนชาวจีนเรียกว่า ซิเตียน (Hsi Tien) เป็นดินแดนของพระนางซิหวังหมู่ (Hsi Wang-mu) ซึ่งเป็นเจ้าแม่แห่งสวรรค์ตะวันตก ชาวคีร์กีซ (Kirghiz) ในประเทศคีร์กีซ เรียกว่า จาไนยดาร์ (Janaidar) และประเทศแถบเอเชียต่างรู้จักในชื่อของ ซัมบาลา (Shambhala) คือดินแดนแห่งความสงบสุข

แม้ว่าความเชื่อเหล่านี้จะปราศจากหลักการ ใด ๆ ทางวิทยาศาสตร์ แต่ความเชื่อเกี่ยวกับโลกกลวง ที่ผ่านทางศาสนาหรือความเชื่อตำนานโบราณกลับเป็นแนวคิดที่มีความเชื่อเหนียวแน่นและแรงกล้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนรก สวรรค์ ของศาสนาต่าง ๆ รวมถึงเรื่องราวของชาวอาร์กาทาที่ลึกลับ แต่มักมีเรื่องเล่าที่ใกล้เคียงกัน



พบกับชาวโลกใต้พิภพ

บันทึกหนึ่งที่น่าฉงนเกี่ยวกับเรื่องของการพบเจอกับดินแดนของชาวอาร์กาทาที่อยู่ใต้พิภพ ในหนังสือชื่อ The Smoky God ปี 1908 เขียนโดย วิลลิส จอร์จ อีเมอร์สัน (Willis George Emerson) ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ น่าอัศจรรย์ของ โอลาฟ เจนเซน (Sailor Olaf Jansen) นักแล่นเรือชาวนอร์เวย์ ที่ได้แล่นเรือไปขั้วโลกเหนือ และได้ผ่านเข้าไปในช่องประตูที่ผ่านเข้าสู่อาณาจักรของชาวอาร์กาทาที่แสนวิจิตรอัศจรรย์ โดยเขาเล่าเรื่องราวตลอด 2 ปีของเจนเซน ที่ใช้ชีวิตในอาณาจักรนี้



เล่ากันว่า ผู้คนในอาณาจักรใต้ดินนี้จะอาศัยความอบอุ่นจากพระอาทิตย์ที่อยู่ศูนย์กลาง แต่ละคน จะสูงถึง 12 ฟุต มีความเป็นอยู่ที่เจริญ และมีระบบของการปกครองยิ่งใหญ่ ทว่า อีเมอร์สัน ไม่ได้เรียกที่แห่งนี้ ว่าอาร์การ์ทา แต่เรียกว่าอาณาจักรสวนอีเดน



เขากล่าวชาวอาการ์ทาในอดีตเคยอยู่บนโลกตามปกติ แต่แล้วเกิดการฆ่าล้างแก่งแย่งกัน จนสุดท้าย ชักนำโลกมาถึงจุดสูญสิ้น ทำให้ชาวอาร์การ์ทาต้องนำพาอพยพกันลงไปสร้างอาณาจักรของตนเองใต้พิภพ









อาณาจักรโลกกลวงของไทย ?

สำหรับประเทศไทยของเรา เรื่องราวโลกกลวงโดยส่วนใหญ่จะถ่ายทอดมากับคำสอน ความเชื่อทางศาสนา ซึ่งมักถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็กว่า หากทำชั่วต้องตกนรกที่อยู่ใต้โลก ที่มีแต่ความร้อน เพลิงแห่งการลงทัณฑ์ แต่เราไม่ค่อยได้ยินกันนักที่จะเล่าว่า เรามีอาณาจักร ใต้ดิน ทว่าก็ใช่จะไม่มีเลย คุณเคยได้ยินเรื่องราวของอาณาจักรลับแลต่าง ๆ และตำนานอาณาจักรใต้บาดาลของนาคบ้างหรือไม่ ?



ตำนานเมืองลับแลดูเหมือนจะใกล้เคียงกับเรื่องราวของชาวอาการ์ทามากเรื่องหนึ่ง อย่างที่เราเคย ได้ยินคือ ชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งที่เดินทางจนกระทั่งพลัดหลงเข้าไปในดินแดนสวยงามซึ่งไม่เคยพบในโลก แต่เมืองนี้มีศีลธรรมมาก เมื่อชายคนนี้ได้ทำผิดศีลธรรมจึงถูกขับและส่งกลับมายังโลก



อีกตำนานคือเรื่องราวของอาณาจักรนาคราช ที่ในความเชื่อของประเทศไทย กล่าวกันว่ามีประตูที่เชื่อมโลกทั้ง 2 นี้อยู่ที่ อ.คำชะโนด จ.อุดรธานี ชาวบ้านเชื่อกันว่าข้างใต้ลงไปจะมีอาณาจักรเหล่านาคราช และอำเภอแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าฉงนฉงาย อย่างเรื่องราวของดงคำชะโนดที่ดูลึกลับ อีกทั้งยังมีเรื่องแปลกมากมายเกี่ยวกับดงนี้ เช่น เหตุการณ์ที่มีคนจ้างหนังกลางแปลงมาฉาย แต่แล้วพอรุ่งสางคนเหล่านั้นก็หายไปทันที และลานทุ่งแห่งนั้นกลับกลายเป็นดงคำชะโนดรกชัฏ โดยดงคำชะโนดที่อยู่เหนือน้ำอันเป็นสัญลักษณ์ของคำชะโนด ก็เป็นที่เลื่องลือว่า เป็นประตูเข้าอาณาจักรนาค ที่มีเรื่องอัศจรรย์ที่ไม่มีใครสามารถสร้างสะพานข้ามท้องน้ำได้ จนต้องหาวิธีการสร้างด้วยวิธีอื่น และเล่าลือกลายเป็นภาพยนตร์และตำนานเล่าขานกันมาจนปัจจุบันนี้



คนที่อยู่ใต้พิภพเป็นใคร

เมื่อทำการศึกษาเรื่องราวที่มีการเล่าขานของการอาศัยอยู่ในโลกซ้อนโลกจะพบว่า มีการสันนิษฐานและมีเรื่องเล่ามากมายถึงที่มาของผู้คน ข้อสันนิษฐานต่าง ๆ ไม่ว่าเรื่องของชาวอาการ์ทา คนจากโลกธรรมดาที่ต้องอพยพลี้ภัยเข้าไปสู่ใต้พิภพ แขกจากต่างดาวที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยล้ำยุคมาสร้างโลกใต้โลกและการเพาะเผ่าพันธุ์ ข้อสันนิษฐานเรื่องมนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่ซุกซ่อนตัวด้วยเทคโนโลยีที่แอบซ่อนไว้อย่างดี เป็นต้น



ไม่ว่าเรื่องราวของโลกกลวงจะเป็นจริงได้หรือไม่ในอนาคต แต่สำหรับตอนนี้นับว่าเรื่องของโลกกลวงจะชวนให้จินตนาการถึงความเป็นได้ และความเป็นอยู่ที่คงน่าสนุกไม่น้อย เมื่อต้องอยู่ภายใต้ที่ที่ตัวเองเคยยืน แล้วคุณล่ะจินตนาการนึกถึงโลกกลวงว่าเป็นแบบไหน...?







ที่มา :

____________________

เครดิต :

________________________________



แสดงความคิดเห็น

 
Top