“แอนนี่” โผล่แจงไม่ไปถอนชื่อ “ฟิล์ม” จากการเป็นพ่อ “ทีฆายุ” เพราะติดงานอยู่ต่างประเทศ ปัดบ่ายเบี่ยง พร้อมบอกในข้อตกลงก็ไม่ได้มีกำหนดวัน ก่อนซัดฟิล์มทำผิดข้อตกลงเพราะเอาเรื่องถอนชื่อออกมาพูดให้สังคมรับรู้ เจ้าตัวยืนกรานไม่ตรวจDNAอ้างไม่มีพลัง อีกทั้งมันเลยจุดนั้นมาแล้ว ก่อนบอกไม่อยากหาคำตอบให้คนที่อยากรู้เรื่องชาวบ้านแฮปปี้ เพราะสิ่งสำคัญตอนนี้คือการเลี้ยงลูกให้ดี
หลังต่างฝ่ายยอมถอนฟ้องกันจนเหมือนเรื่องราวต่างๆ จะจบไปแล้ว แต่สุดท้ายก็ออกมาซัดกันเละเทะอีกรอบ สำหรับคดีของ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” กับ “แอนนี่ บรู๊ค” ที่ก่อนหน้านี้ฟิล์มได้ออกมาเฉ่งแอนนี่ว่า ไม่ยอมถอนชื่อตนออกจากการเป็นพ่อ “น้องทีฆายุ” ตามคำสั่งศาล จนเรื่องแดงขึ้นมาอีก ล่าสุดแอนนี่ได้ไปออกรายการ “เจาะข่าวเด่น” ของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ทางช่อง3 โดยมีทนายส่วนตัวมาด้วย ซึ่งเทปดังกล่าวได้มีการบันทึกเทปไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
ซึ่งเนื้อหาในรายการที่มีการตัดโปรโมท แอนนี่ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ฟิล์มเป็นคนผิดสัญญา เพราะเอาเรื่องถอนชื่อออกมาพูดให้สังคมรับรู้ ส่วนเรื่องตรวจดีเอ็นเอเจ้าตัวบอกมันเลยจุดนั้นมาแล้ว ทำเอาทางฝั่งของหนุ่มฟิล์มเม้งแตกออกมาซัดกลับว่า พ่อตัวจริงมารับสารภาพแล้ว อยากรู้ว่าเป็นใครให้เอาหน้าไปเทียบกับคนที่เคยเป็นข่าวกับแอนนี่เลย เรียกว่าฉีกหน้ากันเห็นๆ
ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นของวันนี้ (18 มิ.ย.) ทางรายการ “เจาะข่าวเด่น” ได้มีการเผยแพร่เทปดังกล่าว ซึ่งตลอดการสัมภาษณ์แอนนี่ได้ตอบแบบมีหลักการและมีท่าทางสุขุมอย่างที่สุด โดยแอนนี่ยืนยันว่า ฟิล์มเป็นคนผิดสัญญาก่อน เพราะเอาเรื่องถอนชื่อออกมาพูดให้สังคมรับรู้ ส่วนเรื่องตรวจดีเอ็นเอเจ้าตัวเผยไม่ได้มีการตรวจดีเอ็นเอเกิดขึ้น เพราะคดีที่ฟ้องร้องกันได้มีการยอมความกันหมดแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกต่อไป พร้อมอ้างเพราะตนไม่มีพลังที่จะทำ อีกทั้งมันเลยจุดนั้นมานานแล้ว ก่อนบอกไม่อยากหาคำตอบให้คนสะใจหรือคนที่อยากรู้เรื่องชาวบ้าน เพราะสิ่งสำคัญตอนนี้คือการเลี้ยงลูกให้ดี
“ต้องบอกว่าแอนนี่มีเหตุผลที่ต้อบมาชี้แจงในวันนี้ จริงๆ แอนนี่ออกรายการน้อยครั้งมากที่จะออกมาชี้แจงเรื่องนี้ นับครั้งได้เลยค่ะ แต่วันนี้เพราะมีเหตุผลของความไม่เข้าใจ และป็นข้อมูลทีไม่ตรงกันเพราะฉะนั้นวันนี้แอนนี่จึงจำเป็นที่จะต้องชี้แจงจริงๆ”
“จริงๆ แล้วข้อตกลงมันได้ถูกละเมิดมานานแล้ว แต่ไม่ใช่โดยแอนนี่ เพราะนับจากวินาทีที่เราได้เข้าไปไกล่เกลี่ยยอมความ เราเรียกว่าไกล่เกลี่ย คดีนี้ยังไม่ได้เข้าสู่ชั้นศาล เป็นเพียงแค่การตกลงของหลายฝ่ายที่เห็นดีเห็นพร้อมว่า เรามีข้อตกลงอะไรบ้างที่เราพอจะคุยกันได้ แล้วทำให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี”
“แอนนี่จะบอกว่า ณ วันแรกทีเราได้มีการไกล่เกลี่ยกันเกิดขึ้น มันมีข้อตกลงออกมา ขอหนึ่งก็คือ เราจะไม่พูดถึงกันและกันอีก ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม แม้แต่เป็นอักษรย่อก็มิได้ และจะไม่พูดถึงแอนนี่ และน้องทีฆายุอีก และนับจากวินาทีทีได้ทำข้อตกลงแอนนี่ก็ถือว่าสิ่งที่เราได้ตกลงหน้าศาลเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์พอสมควร วินาทีที่ก้าวออกมาจากศาล แอนนี่ไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ยังไม่ทันจะข้ามวันด้วยซ้ำไป”
“ชีวิตแอนพอเปิดประตูเข้าบ้านก็ได้รับข่าว มีการออกมาให้ข่าวและเอ่ยถึงเรา ทั้งที่เราตกลงกันแล้วว่าเราจะไม่พูดถึงกันและกันอีก แต่นี่ยังไม่ทันได้ข้ามวันดีเลย เขาก็มาพูดถึงเราอีก ในทำนองอะไรก็แล้วแต่ที่จะทำให้คนเคลือบแคลงระแวงสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นในชั้นศาล หรืออะไรที่มันใช่หรือไม่ใช่ ศาลไม่ได้ตัดสินทั้งนั้น ว่าอะไรใช่หรือไม่ใช่ หรือว่าอะไรเป็นอะไร มันเป็นเพียงข้อตกลงกันเท่านั้น ซึ่งแอนนี่นับได้เลยว่าออกรายการอะไรพูดถึงใครบ้าง ซึ่งก็ไม่มี ล่าสุดแอนนี่มาออกรายการตีสิบก็มาพูดเรื่องพัฒนาการของน้อง แอนนี่ก็บอกชัดเจนว่าทุกอย่างมันจบลงแล้ว”
“เขาออกมาพูดถึงแอนนี่ตั้งแต่วันแรกที่เราสัญญากันเลยด้วยซ้ำ ขนาดเป็นแบบนั้นแอนนี่ยังไม่ออกมาตอบโต้ ตกลงกันตอนเช้า ตอนเย็นเขาก็ให้ข่าวเลยว่าตอนนี้ศาลตัดสินแล้ว เป็นคำสั่งศาลแล้ว ทุกอย่างพ้นแล้ว จะได้ไปเจอพ่อที่แท้จริงซักที จนเวลาผ่านไปแอนนี่ไปออกตีสิบแล้วก็มีการพูดกันว่าทำไมเราไม่ไปทำอย่างนั้น ไม่ไปทำอย่างนี้ เราก็เลยมองว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้รับการติดต่อหลายครั้งขนาดนั้น”
เราบ่ายเบี่ยงหรือเปล่า?
“ไม่มีค่ะๆ”
ยืนยันการถอนชื่อ “ฟิล์ม” ออกจากการเป็นพ่อน้อง “ทีฆายุ” อยู่ในข้อตกลง ไม่ใช่เป็นคำสั่งศาลเหมือนที่อีกฝ่ายให้ข่าวจนทำให้คนเข้าใจตนผิดว่าเป็นคนผิด
“อยู่ในข้อตกลงค่ะ ไม่ใช่คำสั่งศาลด้วย ศาลไม่ได้ตัดสินอะไรใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นความต้องการของทั้งสองฝ่าย ทางฝ่ายแอนนี่ก็ต้องการเหมือนกัน เพราะล่าสุดแอนนี่ไปทำพาสปอร์ตมา มันมีความยากลำบากในเรื่องของเอกสาร แล้วน้องก็จะเข้าโรงเรียนแล้ว แล้วเราก็มีแพลนจะไปเมืองนอก เพราะฉะนั้นมันจะยุ่งยากวุ่นวายในเรื่องของเอกสารมากๆ เราก็ต้องการตรงนี้เหมือนกัน ฝั่งโน้นเขาก็ต้องการเหมือนกัน มันถึงเห็นพ้องต้องกันจึงเป็นข้อตกลงที่ดี”
“ซึ่งข้อเสนอนี้เป็นการเสนอของทั้งสองฝ่าย แล้วอีกอย่างนึง ข้อตกลงของการถอนชื่อนั้นให้ดำเนินโดยทางลับ ไม่ใช่ออกมาเผยแพร่แบบนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่ามีลับลมคมใน หรือมีข้อน่าสงสัยอะไร ไม่มี คือเราตกลงกันได้แล้วนี่ มันไม่เห็นจะมีอะไรเลย ก็ไปทำกันแล้วที่ผ่านมา มันก็ไม่ได้นานมากเท่าไหร่ เราได้รับการติดต่อมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งในวันนั้นแอนนี่ทำงานอยู่ต่างประเทศ คือจริงๆ มันก็ไม่มีอะไรอยู่แล้วแหละ เราก็มีงานต้องทำ ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ เรานัดกันใหม่ก็ได้ เพราะว่าข้อนี้มันไม่ได้บอกว่าจะต้องเสร็จเมื่อไหร่ แต่ว่าแอนนี่ก็ไม่ได้อยากจะลากให้มันยาว เราก็ค่อยๆ ทำกันไป ใครว่าใครไม่ว่างก็ค่อยๆ แก้ไขกันไปเรื่อยๆ
อาจทำให้ “ฟิล์ม” รู้สึกว่าเรื่องไม่ยอมจบซะที ล่าสุดแอนนี่ก็มาออกรายการทีวี?
“แอนนี่ก็ไม่ได้พูดอะไรนะ ไม่ได้พูดอะไรที่จะไปตอบโต้หรือพาดพิงใดๆ ทั้งสิ้นเลย”
เขาอาจจะคิดว่าเราไปออกกับลูกทำใคนคิดถึงเขาอยู่ดี?
“อ้าว ชีวิตนี้จะให้แอนนี่อยู่แต่ในบ้านเหรอคะ แอนนี่กับลูกไม่ต้องออกไปไหนหรือไง ไม่ต้องทำงานเลยใช่มั้ย แอนนี่กับลูกต้องหลบอยู่ในเงาของอะไรบางอย่างตลอดเวลาอย่างนั้นเหรอ”
ฟิล์มเขาขอความชัดเจนว่าไม่ใช่เป็นพ่อแล้ว?
“ก็ได้ค่ะ ยังไงก็ได้ แอนนี่บอกแล่วว่า ณ จุดนี้มันเลยจุดนั้นมานานมากแล้ว เพราะฉะนั้นในจุดนี้ของแอนนี่ แอนนี่ไม่ได้มองหรือต้องการเรียกร้องอะไรจากใครอีกต่อไป เพราะฉะนั้นถ้าแอนนี่ต้องการเรียกร้องข้อ3 มันจะไม่บังเกิดขึ้นเลยว่า ต่อจากนี้ไปนับจากวินาทีที่ไกล่เกลี่ยกัน ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ห้ามมาฟ้องร้องขอเป็นบิดา ห้ามมาออกข่าวในทำนองที่ว่า ต้องการจะเลี้ยงดูเด็กชายทีฆายุเด็ดขาด นี่คือข้อเสนอของแอนนี่ ที่ตกลงไว้ตามนั้น”
“คุณไม่ต้องกลัวเลย แอนนี่ตัดคุณออกไปตั้งนานแล้ว แล้วแอนนี่ก็ไม่ได้อยากมาวุ่นวายกับชีวิตของอีกฝั่งนึงให้มันมากมายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของแอนนี่คือรอยเท้าเล็กๆ ที่กำลังจะก้าวไปพร้อมๆ แอนนี่ มองไปข้างหลังแอนนี่เจอแม่ มองไปข้างหน้าแอนนี่มีลูก เพราะฉะนั้นแอนนี่อยากให้เรื่องมันจบอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ข้อแรกยังไม่ทันข้ามวันก็ผิดแล้ว แต่แอนนี่ถือว่าไม่เป็นไร อภัยให้ได้ แต่ถ้าข้อต่อไปเขาบอกว่าให้ทำในทางลับ ตอนนี้ก็ไม่ลับแล้ว เขาเอาออกมาพูดทำไม แอนนี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน”
ต่อคำถามที่ว่า “ฟิล์ม” อาจะคิดว่าการที่ไม่ไปเอาชื่อออก เขาอาจจะเป็นแพะตลอดเวลา ไม่จบซักที?
“แล้วเรื่องที่ตกลงกันมันคืออะไรคะ มันไม่มีใครเป็นแพะทั้งนั้น มันไม่มีใครถูก แอนนี่ก็ไม่ได้ถูกนะ แต่แอนนี่ก็ไม่ได้ผิด ใครก็ไม่ได้ถูกใครก็ไม่ได้ผิด ไม่มีใครเป็นแพะทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเนี่ย เอาคำว่าต้องชนะออกไปจากใจเราได้ซักที เหมือนกับแอนนี่ต้องมายอมความ และมาแลกคดีกัน สิ่งที่เป็นสิ่งที่แอนนี่ยอมแล้ว และแอนนี่ก็ขอร้อง เพราะฉะนั้นแอนนี่ยอมเอาคำว่าชนะออกไปจากใจแอนนี่ตั้งนานแล้ว ถ้าเราเอาคำนี้ออกไปจากชีวิตเราจะมีความสุขมากเลยค่ะ แล้วเราจะไม่ต้องมาฟาดฟันฟาดงวงฟาดงากันอีก”
“ข้อตกลงต่อให้ ณ วันนี้มีการทำลายข้อตกลงไปแล้ว 1-2-3 ข้อก็แล้วแต่ไม่ต้องห่วงค่ะ แอนนี่ยังทำตามให้อยู่ เพราะแอนนี่ถือว่าสิ่งที่พูดในศาลศักดิ์สิทธิ์เสมอ”
“ฟิล์ม” พูดมีอารมณ์พอสมควรว่าเราไปสร้างกระแสเดินสายออกทีวี ทำให้เขาถูกจับจ้องตลอดเวลา?
แอนนี่ : “ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็ตีสิบ แล้วถ้าคุณผู้ชมได้ดูตีสิบจะรู้ว่าแอนนี่ไม่ได้พูดอะไรที่พาดพิงเลย หรือจะมีข้อความที่จะส่งสื่อไปถึงไม่มีเลย ใกล้วันเกิดน้องแล้วค่ะ อีกไม่กี่วันเองทางรายการก็ต้องการที่จะเห็นพัฒนาการน้อง แล้วเด็ก 2 ขวบนี่เป็นยังไงนะ เพราะฉะนั้นรายการเขาเชิญเรามา มันก็เหมือนแม่ลูกที่ไปออกรายการ”
“จะให้แอนนี่ซ่อนอยู่ในหลังคาของตัวเองตลอดไปไม่ได้ ณ วันนี้แอนนี่ต้องทำมาหากิน ต้องออกมาเผชิญกับโลกภายนอกแล้ว ต้องเข้มแข็งเพื่อลูกของเราแล้ว เพราะฉะนั้นการที่แอนออกรายการต่างๆ ไม่ใช่การโปรโมทตัวเอง หรือว่าต้องการจะสื่อถึงใครเพราะเราไม่ได้ตอบอยู่แล้ว ขอย้ำว่าเป็นข้อตกลงสัญญา ไม่ใช่ศาลสั่งหรือศาลตัดสินอย่างที่คิดกัน”
ทนาย : “ข้อตกลงคือไม่พูดถึงซึ่งกันและกัน ส่วนเรื่องที่ต้องถอนชื่อก็ชัดจนครับว่าจะต้องไปร่วมกันดำเนินการ แต่ไม่มีกำหนดเวลาครับ ผมกับคุณแอนนี่ได้รับการติดต่อมาหนึ่งครั้ง แต่คุณแอนนี่มีปัญหาว่าไม่สามารถไปดำเนินการได้”
มีการพิสูจน์ดีเอ็นเอมั้ยว่าใช่ไม่ใช่?
แอนนี่ : “เรื่องนี้อย่างที่แอนนี่บอกว่า มันยังไปไม่ถึงไหนเลย แต่แอนนี่มีความรู้สึกว่าให้มันจบลงตรงนี้เถอะ เพียงแค่การคุยกันเท่านั้น”
ทนาย : “จริงๆ ข้อตกลงมันเกิดขึ้นในคดีอาญาที่แอนนี่ไปฟ้องเฮียฮ้อที่ศาลธัญบุรี ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ซึ่งคุณฟิล์มก็ไปฟ้องแอนนี่ในข้อหาหมิ่นประมาทเช่นเดียวกัน ซึ่งจริงๆ แล้วยังไม่เข้าไปถึงการพิสูจน์อะไรทั้งสิ้น มันเป็นการละเมิดมั่งหมิ่นประมาทมั่ง แล้วการตกลงมันก็เกิดขึ้น ว่าแอนนี่ถอนฟ้องเฮียฮ้อ ฟิล์มถอนฟ้องแอนนี่ ก็มาทำข้อตกลงร่วมกัน มันเป็นเรื่องคดีอาญาไม่ต้องไปพิสูจน์อะไรกัน ไม่มีกระบวนการที่จะไปพิสูจน์อะไรแล้ว”
แอนนี่ : “จริงๆ มันมีแค่นี้ มันไม่ได้มีอะไรกำกวม หรือว่าลับลมคมในอย่างที่หลายๆ คนคิด คนอาจจะคิดว่าไปอะไรกันมาแล้วล่ะสิมันถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ จริงๆ แล้วมันไม่ได้มีตรงนั้น แล้วที่มีคำพูดย้ำๆ ซ้ำๆ ว่าศาลตัดสินแล้ว ประหนึ่งว่าเราเป็นคนผิด ซึ่งมันไม่ใช่ แอนนี่จำเป็นต้องชี้แจง”
ตกลงคือไม่ได้ตรวจดีเอ็นเอ?
“ไม่ค่ะ เมื่อก่อนแอนนี่อาจจะอยากต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี แล้วก็ความถูกต้อง แต่ ณ วันนี้ ศักดิ์ศรีกับความถูกต้อง กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็คือลูก ทั้งสองอย่างมันไปด้วยกันไม่ได้ เพราะว่ากระบวนการที่เราอยากจะไปถึงจุดนั้นที่เราอยากพิสูจน์ ทุกสิ่งทุกอย่างเราไปไม่ถึง เพราะว่าเวลาทีเราจะไปศาล เราใช้เวลาค่อนข้างนาน ด้วยพลังในร่างกายของเราที่เราจะต้องเทให้กับลูก พลังเงินที่เราต้องลงทุกวัน และหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่าง 2 ปีที่ผ่านมา ทำไมมันถึงหยุดลงง่ายดาย โดยไปไม่ถึงจุดหมาย”
“เพราะว่า 2 ปีที่ผ่านมาไม่มีใครรู้เลยว่าแอนนี่เจออะไรบ้าง มีอะไรหลายอย่างที่แอนนี่บอกใครไม่ได้ และผ่านอะไรมาบ้าง ทำไมถึงไปไม่ถึง ด้วยกำลังแรง กำลังทรัพย์ และกำลังคนสนับสนุนมันไม่มี และวันนี้แอนนี่อยากจะบอกเลยว่าไม่ว่าจุดสุดท้ายของเรื่องนี้จะจบลงยังไง สิ่งเดียวที่จะเป็นสิ่งสุดท้ายเลยก็คือยังไงแอนนี่ก็จะอยู่กับลูก 2 คน ยังไงทีฆายุก็เป็นลูกของแม่คนนี้ สุดท้ายมันก็เป็นแค่นั้น”
คิดดีแล้วใช่มั้ยว่าการไม่ตรวจดีเอ็นเอเป็นสิงทีดีที่สุดสำหรับลูก?
“มันเลยจุดนั้นมานานมากแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ถ้ามันจะมีคำถามเกิดขึ้นในสังคมอีก หรือใครต้องการที่จะรับรู้หรือไม่สรับรู้อะไรก็ตาม น้องก็โตขึ้นทุกวัน แอนนี่ก็อยากจะให้เป็นเรื่องของอนาคตที่เขาอยากจะตัดสินใจเอง ไม่ใช่ว่าเราไปยัดเยียดในสิ่งที่ผู้ใหญ่จะให้มันเกิดขึ้นหรือให้มันเป็น ชีวิตเป็นของเขา”
“คนอาจจะคาดหวังอยากจะรู้เพราะความสะใจ อยากจะรู้เพื่อรู้เรื่องของชาวบ้าน หรืออยากจะรู้เพื่อมันเป็นเรื่องของดารา แอนนี่ไม่ได้ไปมองและไม่ได้ไปสนใจแล้ว เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าการทำให้คนอื่นแฮปปี้ หรือมีความความสุข เราต้องเลี้ยงดูลูก ทำมาหากิน ทำยังไงให้เขาเป็นคนดี เป็นเด็กดี เป็นผู้ชายที่ดีในสังคม ไม่ใช่ไปตามล่าหาความจริงให้คนอื่น ซึ่งเป็นใครไม่รู้แล้วไม่ได้หุงข้าวให้เรากิน”
เขาโตขึ้นทุกวันแอนนี่เตรียมรับมือยังไงบ้าง?
“แอนนี่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่อนาคตแอนนี่แพลนไว้ให้เขา คำถามทุกคำถามจะมีคำตอบสำหรับเขาทุกอย่าง แต่ไม่ใช่ว่าเด็ก วัย 2 ขวบตอบซะยืดยาว ไม่ใช่เรื่อง ทุกอย่างจะเหมาะสมกับวัยของเขา ทุกคำตอบจะต้องมีที่มาและที่ไป การเลี้ยงลูกของแอนนี่แอนนี่คิดเยอะมาก และคิดนาน”
“ทุกวันคิดแต่เรื่องลูกและเรื่องทำมาหากิน เพราะฉะนั้นจะบอกว่าเรื่องที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคดี เรื่องของศาล เรื่องพิสูจน์มันไม่ได้อยู่ในหัวของเราแล้ว มันไม่ได้อยู่ในชีวิตของเรามานานแล้วด้วย เพราะตอนนี้ความจริงของเราคือเลี้ยงลูกได้ดีมั้ย ทำมาหากินเก็บเงินเก็บทองให้เขาหรือเปล่า น้องจะเข้สโรงเรียนแล้วเรามีเงินให้เขาเข้าโรงเรียนหรือเปล่า เพราะฉะนั้นที่ผ่านมาแอนนี่จะไม่พูดถึงด้วย ตอนนี้เขาพูดได้แล้วมันสุดอยดแล้ว เวลาที่เขาปลอบใจเรา เขารักเรามากด้วย”
มีอะไรจะพูดถึงฟิล์มมั้ย?
“(ถอนหายใจ) เรื่องมันยาวนานมา 2 ปีแล้ว และการต่อสู้มันก็เหนื่อยทั้งสองฝ่าย ในเมื่อเราไม่ได้ต้องการที่จะไปสู้ชั้นศาล หรือขั้นตอนอะไรก็แล้วแต่ เราทั้งสองคน ไม่ใช่แอนนี่คนเดีนว เราทั้งสองคนต้องการที่จะตกลงและยุติเรื่องนี้ เพราฉะนั้นเรื่องนี้มันควรยุติได้แล้ว และแอนนี่เองก็ยอมและถอยและแก้ปัญหาไปด้วยกันกับเขา ตรงนี้มันควรที่จะจบได้แล้ว และก็ควรที่จะยุติได้แล้ว เพราะน้องก็โตขึ้นทุกวันจะมาทะเลาะกันทำไม”
แอนนี่อยากจบ แต่ในเมื่อมีการละเมิดข้อตกลงจะจบมั้ย?
“จบค่ะ แอนนี่บอกแล้วว่าต่อให้มีใครละเมิดก็ตาม ที่ผ่านมาแอนนี่ได้ให้ความเคารพแล้ว แต่ในเมื่อละเมิดก็ไม่เป็นไร เพราะว่าคนที่เป็นผู้ชมเขาจะตัดสินเองได้เอง สมัยนี้คนที่ฟังข่าวไม่ได้เชื่อทุกสิ่งที่พูด แล้ววันนี้ที่แอนนี่พูดคุณไม่ต้องเชื่อแอนนี่ก็ได้ แต่คุณพิจารณาเอาเองว่าอะไรเป็นอะไรแค่นั้นเอง”
ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์
Home
»
ข่าวบันเทิง
»
ฟิล์ม
»
แอนนี่
» “แอนนี่” แจงไม่ไปถอนชื่อ “ฟิล์ม” เพราะไม่ว่าง ยืนกรานไม่ตรวจDNA อ้างไม่มีพลัง อีกทั้งมันเลยจุดนั้นมาแล้ว
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
แสดงความคิดเห็น