เอเอฟพี - รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันต่อพลเมืองว่า อมนุษย์ในตำนานอย่างซอมบี้และนางเงือกนั้นไม่มีอยู่จริง โดยแถลงผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการว่า “ไม่มีหลักฐานการพบมนุษย์ครึ่งปลามาก่อน”



สำนักงานบริการด้านมหาสมุทรแห่งสหรัฐฯ (เอ็นโอเอส) ออกถ้อยแถลงผ่านเว็บไซต์ว่า “นางเงือก ซึ่งหมายถึงมนุษย์ครึ่งปลาที่อาศัยอยู่ในทะเล เป็นเพียงสัตว์ทะเลในตำนานเท่านั้น”



หน่วยงานดังกล่าวซึ่งมีหน้าที่ตอบสนองภัยธรรมชาติต่างๆ ได้รับจดหมายจากประชาชนจำนวนมากที่เขียนมาสอบถามการมีอยู่ของมนุษย์ครึ่งปลา หลังจากที่ แอนิมอล แพลเน็ต เผยแพร่สารคดีชุด “Mermaids : The Body Found” ไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา



สารคดีชุดนี้ “ให้ภาพที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับการมีอยู่ของนางเงือก รูปร่างหน้าตาของพวกเขา และเหตุผลที่พวกเขาหลีกเร้นจากสายตามนุษย์มาจนทุกวันนี้” จดหมายข่าวของดิสคัฟเวอรี แชลนัล ซึ่งเป็นต้นสังกัดของช่องแอนิมอล แพลเน็ตระบุ



ในทางตรงกันข้าม ประกาศของรัฐบาลสหรัฐฯ กลับมิได้แสดงหลักฐานที่ชัดเจนใดๆเพื่อหักล้างความเชื่อเรื่องนางเงือก



ถ้อยแถลงจาก เอ็นโอเอส ถูกประกาศออกมา หลังจากที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันภัยพิบัติ (ซีดีซี) ได้แถลงไปก่อนหน้านี้ว่า ไม่พบหลักฐานยืนยันว่าซอมบี้มีจริงหรือไม่



ซีดีซียังออกคู่มือแนะนำประชาชนให้อย่าหลงเชื่อ “ตำนานซอมบี้” ซึ่งทางศูนย์ชี้ว่าเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อแบบขำๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ฟังด้วยสารที่ตระเตรียมมาเป็นอย่างดี



การรณรงค์ที่ว่านี้ยังก่อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบมนุษย์กินคนในทวีปอเมริกาเหนือ เช่น กรณีชายเปลือยชาวไมอามี วัย 31 ปี กัดกินใบหน้าชายจรจัด เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดกระแสถกเถียงในโลกทวิตเตอร์ว่าภัยคุกคามจากซอมบี้นั้นเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน



ซีดีซียังรีบออกมาปฏิเสธหลังมีข่าวลือแพร่สะพัดว่ามีศพลุกขึ้นจากหลุมเพื่อกัดกินคนที่มีชีวิตอยู่



“ซีดีซีไม่ทราบว่ามีไวรัสหรือความผิดปกติอันใดที่จะทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาได้” โฆษกของรัฐบาลคนหนึ่งส่งถ้อยแถลงไปยังหนังสือพิมพ์ฮัฟฟิงตันโพสต์



แม้นางเงือกในตำนานจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนโยนกว่าซอมบี้มากมาย แต่ เอ็นโอเอส กลับจัดพวกมันอยู่ในกลุ่มอมนุษย์ที่มีนิสัยดุร้าย



“สัตว์ครึ่งมนุษย์ที่เรียกว่า คิเมรา นั้นมีอยู่แต่ในตำนานเทพเจ้า และนอกจากนางเงือกแล้ว ยังมี เซนทอร์ ซึ่งเป็นครึ่งคนครึ่งม้าที่ชาญฉลาด, ซาไทร์ ครึ่งคนครึ่งแพะ และมิโนทอร์ ครึ่งคนครึ่งวัว”



















ที่มา : http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9550000081707

____________________


เครดิต :


________________________________


แสดงความคิดเห็น

 
Top