เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 ม.ค.ที่ห้องพิจารณาคดี 803 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลขึ้นนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ ด.940/2546 ที่นายสมบัติ อุทัยสาง อายุ 79 ปี อดีต รมช.มหาดไทย
เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ภคพร สันทาลุนัย อายุ 39 ปี ลูกจ้างประจำสำนักงานผังเมืองและโยธาธิการจังหวัดตราด เป็นจำเลย ในความผิดฐานกรรโชกทรัพย์, รีดเอาทรัพย์, แจ้งความเท็จและหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 338, 172,174 มาตรา 326 และ 328 พร้อมขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจากการกระทำละเมิด 50 ล้านบาท
คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า ระหว่างวันที่ 10 พ.ย. 45 - 14 ม.ค. 46 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยได้ขู่เข็ญโจทก์ว่า จะเปิดเผยเรื่องที่โจทก์กับจำเลยร่วมประเวณีกันที่โรงแรมประดิพัทธ์ ย่านสะพานควาย แก่ภรรยาและคนอื่นๆ รวมทั้งสื่อมวลชนทุกแขนง หากโจทก์ไม่จ่ายเงินตามที่เรียกร้อง
ซึ่งภายหลังทราบว่าจำเลยเตรียมกระดาษทิชชูเช็ดเอาคราบอสุจิที่ตกค้างอยู่ภายในอวัยวะเพศไปเก็บแช่ไว้ในตู้เย็นเพื่อเป็นหลักฐานว่า ได้ร่วมประเวณีกับโจทก์ เพื่อต่อรองเรียกร้องเงิน 1 ล้านบาท การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2548 ให้จำคุกจำเลย 4 ปี ฐานรีดเอาทรัพย์ ฐานแจ้งความเท็จจำคุก 2 ปี ฐานหมิ่นประมาทฯ จำคุก 1 ปี รวมโทษจำคุก 3 ข้อหาเป็นเวลา 7 ปีและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 10 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องในข้อหารีดทรัพย์และหมิ่นประมาทแต่คงจำคุกในข้อหาแจ้งความเท็จเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา โจทก์ยื่นฎีกาขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทและรีดทรัพย์
ขณะที่จำเลยยื่นฎีกาขอให้ศาลยกฟ้องและให้รอการลงโทษศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วจึงสั่งจำคุกจำเลยฐานหมิ่นประมาทเพิ่มอีกหนึ่งกระทงเป็นเวลา 1 ปี ตาม ป.อาญา ม.328เมื่อบวกโทษฐานแจ้งความเท็จที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 2 ปี
รวมโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลา 3 ปี และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแค่โจทก์ 1 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันถัดฟ้องและให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาย่อขนาด 3 คูณ 5 นิ้ว ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเดลินิวส์ แนวหน้า และเดอะเนชั่น เป็นเวลา 10 วันติดต่อกัน โดยชำระค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและค่าทนายความของโจทก์ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังถูกศาลสั่งจำคุก 3 ปี น.ส.ภคพร ซึ่งมานั่งฟังคำพิพากษา ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงคุมตัวจำเลยส่งไปคุมขังยังทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป
ด้านนางรัศมี ไวยเนตร ทนายความของ น.ส.ภคพร เปิดเผยว่า ตนและลูกความยอมรับในคำพิพากษาศาลฎีกา แต่ไม่เห็นพ้องด้วย โดยตนรับผิดชอบคดีนี้มาตั้งแต่เมื่อครั้งได้รับมอบหมายจากสภาทนายความและได้สอบข้อเท็จจริงทั้งหมด เห็นว่า น.ส.ภคพร ถูกล่วงละเมิดทางเพศจริง
รวมถึงคดีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ น.ส.ภคพรก็เป็นฝ่ายถูกกระทำด้วยจากนี้จะหาหนทางทุกอย่างเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่น.ส.ภคพร รวมถึงการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษว่าจะสามารถกระทำได้หรือไม่ปัจจุบัน น.ส.ภคพร ยังคงเป็นลูกจ้างประจำที่สำนักงานผังเมืองและโยธาธิการจังหวัดตราดเช่นเดิมโดยมีภาระต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ที่ป่วยด้วย
แสดงความคิดเห็น