เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ดิฉันได้ซื้อตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่มา เนื้อไม้สีน้ำตาลแก่ ลงแล็กสวยงาม
หลังจากที่เคลื่อยย้ายเอาตู้ใบเก่าออกไป ตู้ไม้ใหม่เอี่ยมนี้ก็ตั้งเด่นอยู่ปลายเตียง ดูมันเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องนอนอย่างมาก เพราะว่าดิฉันชอบของอะไรๆ ที่ทำด้วยไม้ แถมยังใส่ของได้เยอะอีกด้วย มีช่องเล็กช่องน้อยเต็มไปหมด
แต่สิ่งที่เริ่มจะแปลกๆ ก็คือถ้าไปยืนใกล้ๆ ตู้ จะได้กลิ่นเหมือนน้ำอบไทยลอยมาเข้าจมูก บางทีก็ได้กลิ่นเหมือนน้ำหอมอะไรสักอย่าง มันเหมือนหอมออกมาจากเนื้อไม้เลยด้วยซ้ำ
ซื้อมาวันแรก หลังจากที่เอาบรรดาเสื้อผ้าชุดสวยทั้งหลายใส่ในตู้เรียบร้อย ดิฉันก็ไปอาบน้ำ ขณะกำลังสระผมอยู่นั้นดิฉันได้ยินเสียงเหมือนใครมาเปิดตู้แล้วปิดเล่น คือมันจะดังกุกกักๆ ซ้ำไปซ้ำมา ดิฉันก็คิดว่าคงเป็นน้องชายมาค้นของรื้อของเล่น
พออาบน้ำเสร็จก็ได้ไปถามน้องชายว่าเมื่อกี้มาค้นของพี่หรือเปล่า ปรากฏว่ามันกำลังช่วยพ่อซ่อมรถอยู่ ส่วนแม่ก็กำลังทำกับข้าวในครัว
ทีแรกคิดว่าเราคงหูฝาดไปเอง ถึงตอนกลางคืนดิฉันนอนคนเดียวอยู่แล้ว แถมยังนอนปิดไฟด้วยเพราะเป็นคนไม่กลัวและไม่เชื่อเรื่องผีเลย ตอนนั้นประมาณตี 2 กว่าๆ ดิฉันนอนไม่หลับ เพราะได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากตู้เสื้อผ้าเป็นระยะๆ
พอเงี่ยหูจะตั้งใจฟังเสียงนั้นก็หายไป พอนอนใหม่กำลังเคลิ้มจะหลับ เอาอีกแล้ว...ได้ยินอีกแล้ว! เสียงกุกกักๆ เหมือนตู้มันเปิดปิดเอง บางทีก็เหมือนเสียงตัวอะไรวิ่งอยู่ในนั้น พอลุกไปเปิดไฟ เปิดตู้ดูก็ไม่เห็นจะมีอะไร ดิฉันเลยปิดไฟกลับมานอนต่อ
ไม่ทันจะหลับ กลิ่นดอกไม้แห้งๆ มาจากไหนไม่รู้ กลิ่นฉุนมาก มีกลิ่นน้ำอบไทยด้วย ชักจะประหลาดแล้ว ทั้งๆ ที่ในห้องก็ไม่ได้มีดอกไม้แห้งหรือน้ำอบอะไรพวกนี้เลย
พอดิฉันเคลิ้มหลับไปสักพักก็ฝันเลยค่ะ ฝันเห็นคน เหมือนเงามากกว่า เดินไปเดินมาอยู่หน้าตู้เต็มไปหมด บางคนก็หยุดมองเรา บางคนก็กำลังคลานไปมารอบๆ เตียง ส่งเสียงคล้ายสวดมนต์พึมพัมๆ
พอตอนเช้าตื่นมาก็เริ่มหวาดๆ ตู้นั่นแล้วล่ะค่ะ แต่ก็ยังไม่คิดอะไรมาก อาจเป็นเพราะเหนื่อยมาทั้งวันเลยฝันบ้าบอคอแตก แถมยังหูแว่วอีก
พอถึงคืนที่สองก็เข้านอนตามปกติ ปิดไฟนอนเหมือนเดิม คราวนี้แปลกมากๆ พอดับไฟปุ๊บ ในความรู้สึกมันเหมือนมีคนมายืนรอบๆ เตียงเต็มไปหมด มองไม่เห็นนะ แต่รู้สึกได้เลยว่าพวกเขากำลังยืนจ้องเราอยู่ แล้วก็มีเสียงสวดมนต์แว่วมาเบาๆ
ดิฉันคว้าผ้าห่มมากอดด้วยความมึนงงและสับสน ก็ไม่เชื่อว่าผีอีกน่ะแหละ ตอนแรกคิดว่าเราคงเหนื่อยเกินไปอีกแล้ว เพราะกลางวันไปรับน้องที่มหาวิทยาลัยมาทั้งวันเลย เราอาจเพลียเกินไปก็ได้เลยทำให้ประสาทไปเอง
ในวินาทีนั้น ดิฉันได้ยินเสียงตู้เสื้อผ้าที่ปลายเตียงเปิดเบาๆ ดัง แอ๊ดดดด...
เราไม่ได้คิดไปเองแน่นอนคราวนี้ ได้ยินเต็มสองหูเลย ตู้เปิดเบาๆ แล้วก็เงียบไป คราวนี้ดิฉันทำอะไรไม่ถูกแล้วได้แต่นอนตัวแข็งทื่อ กลิ่นเหม็นเน่าเหมือนหนูตายมาจากไหนไม่รู้เหม็นไปหมดเลย กลิ่นมันฉุนมากๆ
ดิฉันเริ่มกลัวแล้ว ก็เลยจะลุกขึ้นเอื้อมมือไปเปิดไฟห้องนอน ยังไม่ทันที่จะลุกไปไหนก็มีเสียงไอแหบๆ เหมือนคนไม่สบายหนักมากดังขึ้นที่ปลายเตียง!
พอดีข้างๆ ตัวมีมือถืออยู่ค่ะ มือถือจะมีไฟฉายด้วย ก็เลยกดปุ่มไฟฉาย แล้วฉายไปตรงตู้ที่ปลายเตียง
นาทีนั้น ดิฉันแทบจะช็อกตายกับภาพที่แสงไฟส่องไปเห็นท่ามกลางความมืด ร่างคนกึ่งยืนกึ่งนั่งอยู่ในตู้เสื้อผ้า ลักษณะรูปร่างหน้าตาเขาเหมือนศพทั่วไป ที่เคยเห็นในภาพของมูลนิธิร่วมกตัญญูไม่มีผิด ใบหน้าซีดๆ บวมๆ เหมือนจะขึ้นอืดแล้ว ผิวเป็นสีเขียวคล้ำๆ ในมือเขามัดตราสังด้วย ถือดอกบัวอยู่เลย
เห็นเท่านั้นดิฉันก็ขว้างมือถือไปไหนไม่รู้ค่ะ แหกปากโวยวายตะโกนลั่นบ้าน พ่อ แม่ น้อง ตกใจนึกว่าเราเป็นอะไรรีบวิ่งเข้ามาเปิดไฟ แล้วเขย่าตัวเรากันใหญ่
ตอนนั้นกลัวไปนานเลยค่ะ คือหลอนไปเลย! พอเล่าให้ครอบครัวฟังตอนแรกๆ เขาก็ไม่เชื่อนะ แต่พอบอกให้ลองมานอนดูกลับไม่มีใครกล้ามานอนสักคน! รุ่งเช้าดิฉันรีบไปถามที่ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ที่ซื้อตู้นี้มา เจ้าของร้านและพนักงานเขาบอกไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ประวัติตู้นี่ด้วย เขาแค่สั่งสินค้าไปแล้วมีโรงงานนำมาส่งให้
ตอนบ่ายจึงไปวัดแถวๆ บ้าน ไปให้พระท่านพรมน้ำมนต์ แล้วเอาตู้ใบนี้ถวายวัดซะ!
"เขาแค่มาขอส่วนบุญน่ะโยม" หลวงตาพูดขึ้นมาลอยๆ ขณะกำลังเดินดูรอบๆ ตู้ ดิฉันยังไม่ได้เล่าอะไรเลยนะ ได้ฟังแค่นั้นก็ขนลุกเกรียวไปทั้งแขนเลย
หลวงตาท่านไม่ยอมบอกอะไร แต่ดิฉันก็พอจะเดาออกค่ะ ตู้เสื้อผ้าใบนี้คงจะเคยเป็นโลงศพมาก่อนแน่ๆ แล้วโดนมือดีขโมยเอาไปทำเป็นตู้เสื้อผ้า...แค่คิดก็สยองแล้ว
พอกลับบ้านดิฉันก็ไม่กล้าปิดไฟแล้วนอนคนเดียวอีกเลย คืนนั้นต้องไปนอนกับแม่ค่ะ
ในห้องแม่ก็มีตู้เสื้อผ้าเหมือนกัน เป็นไม้ด้วย! ไม่รู้ว่าตู้นี้จะมีอะไรหรือเปล่า? บรื๋อออ...
แสดงความคิดเห็น