ภาพ หลุด แอลลี่ พิมบงกช จันทร์แก้ว รองมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 นัวเนียผู้ชาย ด้านแฟนคลับออกโรงป้อง ขณะที่แม่ของแอลลี่ โพสต์ขอโทษ
กลายเป็นมหากาพย์ดราม่ากันเลยทีเดียว เมื่อสมาชิกเว็บไซต์พันทิปล็อกอิน “สมาชิกหมายเลข 1277222″ ได้ตั้งกระทู้หัวข้อ “ช็อก ! ภาพหลุดสาวลูกครึ่งหน้าคล้ายแอลลี่ (รอง1 MUT) นัวผู้ชาย”(29 พฤษภาคม 2557)โดยในกระทู้ดังกล่าว ได้ระบุข้อความประมาณว่า ฝ้าย เวฬุรีย์ ดิษยบุตร มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ และ น้ำเพชร สุณัณณิภาร์ กฤษณสุวรรณ ถูกแฉจนโดนกระแสต้านมาแล้ว คราวนี้จึงขอนำรูปของน้องแอลลี่ รองอันดับ 1 มาแฉบ้าง !! ว่าจริง ๆ แล้ว น้องแอลลี่ก็ไม่ได้เป็นกุลสตรี กิริยาเรียบร้อย อย่างที่ใครเข้าใจ
นอก จากนี้ ในกระทู้ยังได้โพสต์ภาพของแอลลี่ที่ถ่ายคู่กับผู้ชาย มีทั้งภาพโอบ ภาพหอม และภาพจุ๊บปาก พร้อมกับภาพที่คล้ายกับว่าอยู่ในผับ ทั้ง ๆ ที่แอลลี่เคยบอกว่าไม่ชอบเที่ยวกลางคืน ส่วนชาวเน็ตที่ได้อ่านกระทู้ดังกล่าว ก็เข้ามาตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าของกระทู้พยายามจะโจมตีแอลลี่ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรเกี่ยวกับกองประกวด และการที่มีแฟนก็ไม่ใช่เรื่องผิด เนื่องจากนางงามในหลาย ๆ ประเทศก็มีแฟนและบางคนแฟนก็ได้มาให้กำลังใจถึงขอบเวทีเลยทีเดียว ส่วน ภาพที่ถ่ายกับผู้ชายก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดชนิดที่ต้องเรียกว่า “นัวเนีย” แต่อย่างใด สำหรับประเด็นเที่ยวกลางคืน ภาพดังกล่าวก็ไม่ได้บอกว่าไปเที่ยวผับ หรือคนที่บอกว่าไม่ชอบไปเที่ยวกลางคืน ก็ไม่ได้แปลว่าไม่เคยไปเสียหน่อย
พร้อมกันนี้ ยังยกประเด็นของ ฝ้าย เวฬุรีย์ มาถกเถียงกันอย่างมากมาย ทั้งนำภาพที่้้ฝ้ายคู่กับแฟนหนุ่ม และบางภาพก็มีโอบ มีกอดคอเช่นกัน แถมภาพที่ยังเที่ยวผับตอนกลางคืนแบบชัดเจน รวมถึงภาพที่เป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ที่เป็นภาพสาวฝ้ายคล้ายกำลังจะดูดมอระกู่ด้วย แต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมรับ บอกว่าเล่นเกมกับเพื่อนแล้วกำลังเป่าลูกโป่ง ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว คนที่เคยสูบมอระกู่จะรู้ดีว่า ลูกโป่งที่สาวฝ้ายอ้างว่ากำลังเป่านั้น จริง ๆ แล้วคือควันที่ได้มาจากการดูดมอระกู่ต่างหาก !
ต่อจากนั้น ทั้งฝ่ายเจ้าของกระทู้และฝ่ายแฟนคลับแอลลี่ก็ถกเถียงกันไปมา จนกระทั่งคุณแม่ของแอลลี่ โพสต์เฟซบุ๊กชื่อ Tina Cindy ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าว โดยยอม รับว่าแอลลี่กับหนุ่มคนนั้นคบหาดูใจกันจริง และอยู่ในสายตาของพ่อแม่ตลอด ส่วนเรื่องภาพจูบ ภาพกอด วัฒนธรรมของฝรั่งถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติ และคิดว่าเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่น แต่ทั้งนี้ก็ขอโทษทุกคนที่เลี้ยงดูลูกให้ซึมซับวัฒนธรรมจากตะวันตกมากเกินไป ดังข้อความต่อไปนี้..
“สวัสดีค่ะ ดิฉันแม่ของแอลลี่ พิมบงกช จันทร์แก้ว นะ คะ ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ ชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นที่แฟน ๆ นางงามอาจจะสงสัยเกี่ยวกับข่าวและภาพของแอลลี่ที่ถูกเผยแพร่ออกมาในตอนนี้ พอดีได้รับคำแนะนำจากคุณกบว่าถ้ามีอะไรอยากจะพูดก็ยินดีให้ใช้พื้นที่ใน บอร์ดนี้ เพื่อจะได้ทำให้เกิดความชัดเจนและคลายข้อสงสัยต่าง ๆ ค่ะ ก็เลยขอถือโอกาสนี้ทำความเข้าใจตามนี้นะคะ
ตามที่มีภาพแอลลี่กับเพื่อนชายคนหนึ่งออกมาในลักษณะเหมือนกับคู่รัก นั่นคือภาพระหว่างที่น้องอยู่อเมริกา ในช่วงประมาณปี 2012 ค่ะ เด็กผู้ชายในภาพชื่อฟิแล่ม เป็นเพื่อนบ้านในแถบ Eagle Rock ใน LA ที่ครอบครัวอาศัยอยู่ค่ะ คือก็รู้จักเห็นหน้าค่าตากันมานาน ถ้าเป็นคนไทยก็เหมือนคนหมู่บ้านเดียวกันตำบลเดียวกัน ที่จะรู้จักหน้าค่าตากัน เคยพูดจาปราศรัยทักทายกันบ้าง
ทั้งสองคนมาเริ่มสนิทกันตอนที่แอลลี่ย้ายโรงเรียนจาก Private School ไปเรียน Public School ตอนอยู่เกรด 11 ค่ะ เนื่องจากครอบครัวมีปัญหาการเงินในช่วงนั้น แอลลี่เลยอยากช่วย ด้วยการบอกเองเลยว่าไม่มีปัญหาหากต้องไปเรียนโรงเรียนรัฐที่เรียนฟรี ไม่ต้องเสียค่าเทอมแพง ๆ แบบโรงเรียนเอกชน ทำให้ดิฉันย้ายทั้งแอลลี่และแอชลี่ย์น้องสาว ไปเรียนโรงเรียน Eagle Rock ตอนปี 2011 ค่ะ
เด็กละแวกนั้นก็จะเรียนโรงเรียนนี้เป็นส่วนใหญ่ รวมถึงฟิลแล่มด้วย ซึ่งจะอายุมากกว่าแอลลี่ 1 ปี และเรียนเกรด 12 ในตอนนั้น จากที่ได้คุยกันทีหลัง ฟิแล่มบอกว่าแอบมอง ๆ แอลลี่มานานแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสได้พูดคุยมากขึ้นตอนมาเรียนโรงเรียนเดียวกัน และพอฟิแล่มเรียนจบ ก็ชวนแอลลี่มาเป็นคู่ในงานพรอมค่ะ
จากจุดนั้นทำให้ทั้งสองคนสนิทกันมากขึ้น และฟิแล่มก็ได้มาทำความรู้จักกับทางครอบครัวดิฉัน ดิฉันเห็นว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กดี ไม่เที่ยวเตร่ ขยันทำงาน เลยชวนมาทำงานพิเศษที่ร้านอาหารของดิฉันด้วย ระหว่างทีฟิแล่มเข้าเรียนที่ Pasadena City College แล้ว และแอลลี่เรียนอยู่เกรด 12
ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กสองคนนี้อยู่ในสายตามาโดยตลอด บางครั้งดิฉันก็จะให้แอลลี่ชวน ฟิแล่มมาเที่ยวที่บ้าน มาทำอาหารกินกัน เล่นเกมกัน เพราะเด็กสองคนนี้นิสัยคล้าย ๆ กัน คือชอบอยู่บ้าน ไม่ค่อยชอบออกไปเที่ยวไหน รูปคู่ที่เหมือนอยู่บ้านกันเท่าที่เห็นและจำได้ก็เป็นรูปที่ถ่ายระหว่างอยู่ ที่บ้านดิฉันค่ะ ซึ่งมีคุณยาย น้องสาว พี่สาว (ลูกพี่ลูกน้องที่มาเรียนอเมริกาในช่วงนั้น) เพื่อนคนอื่น ๆ หรือดิฉันอยู่ด้วยเสมอ
คือสนิทกันจนเหมือนกับคนในครอบครัวเลย เพราะทั้งคุณยายของแอลลี่ และตัวดิฉันเอง ไม่มีลูกชายทั้งคู่ คือมีลูกสาวสองคนเหมือนกัน ทำให้เอ็นดูฟิแล่มเหมือนลูกหลาน รวมถึงเพื่อนของแอลลี่ที่สนิท ๆ ด้วย คนที่สนิทที่สุดชื่อมาลิค เป็นเด็กผู้ชายผิวดำ ที่มาเชียร์แอลลี่ตอนประกวดด้วยค่ะ
เพื่อนสนิทของแอลลี่ก็จะเรียกคุณยายว่า “คุณยาย” ตามที่แอลลี่และน้องเรียก และเรียกดิฉันว่า mom เหมือนกัน ซึ่งเป็นธรรมเนียมแบบไทย ๆ ที่เราจะเห็นเพื่อนของลูกเหมือนลูกเหมือนหลานของตัวเอง
อย่างที่บอกว่าความสัมพันธ์ของเด็กทั้งสองคนอยู่ในสายตามาตลอดค่ะ เวลาฟิแล่มจะชวนแอลลี่ไปเดท ก็จะต้องมารับที่บ้านและมีเคอร์ฟิวกำหนดว่าจะต้องพามาส่งตอนกี่โมง และส่วนใหญ่ก็จะไปกันในหมู่เพื่อน ๆ มากกว่าไปกันสองต่อสอง มีไปสวนสนุกบ้าง ไปเที่ยวทะเลบ้าง ไปเที่ยวภูเขาบ้าง ไปกินอาหารบ้าง ไปปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ บ้าง แล้วแต่โอกาสค่ะ
หรือเวลาครอบครัวมีปาร์ตี้อะไร ฟิแล่มจะเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทที่ถูกชวนมาร่วมงานด้วยเสมอ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีไม่ได้มีปัญหาอะไรให้ต้องหนักใจค่ะ ไม่มีการไปเที่ยวกลางคืน ไม่มีการไปค้างคืน อย่างที่บางคนอาจจะสงสัยจากภาพ เพราะที่อเมริกาค่อนข้างเข้มงวดค่ะ อายุไม่ถึงเข้าผับเข้าบาร์ไม่ได้แน่ และอีกอย่างคือแอลลี่ไม่ชอบเที่ยวแบบนั้นค่ะ และไม่เคยดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ด้วย
ตอนแอลลี่จบเกรด 12 ก็ชวนฟิแล่มไปงานพรอมด้วยเหมือนกัน หลังจากนั้นน้องเข้าเรียนที่ PCC ที่เดียวกัน และก็ได้ทำงานพิเศษที่ร้านขายเสื้อผ้าที่เดียวกันค่ะ ความสัมพันธ์ก็เป็นไปแบบช่วยเหลือดูแลกันไป จนกระทั่งถึงตอนที่คอรบครัวตัดสินใจจะพาแอลลี่มาไทยในช่วงกลางปีที่แล้ว เพื่อเตรียมตัวเข้ากระกวด Miss Universe Thailand 2014 ค่ะ และน้องก็รู้ดีว่าจะต้องเสียสละอะไรบ้าง เพื่อจะให้ได้มาซึ่งความฝันที่ตั้งไว้ตั้งแต่เด็ก
ตอนนั้นดิฉันได้คุยกับทั้งสองคนแล้วว่าแอลลี่จะต้องย้ายมาไทย และยังไม่รู้ว่าจะอยู่นานแค่ไหน จะชั่วคราวหรือถาวรก็ยังบอกไม่ได้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่อาจจะไม่มีโอกาสได้พัฒนาไปไกลกว่านี้ ก็ขอให้เผื่อใจเอาไว้ และคงสถานภาพเพื่อนสนิทที่มีต่อกัน ไว้เหมือนเดิม เพราะอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ใครจะรู้ว่าพอห่างกันไป แต่ละฝ่ายอาจจะได้เจอคนใหม่ ๆ อาจจะมีโอกาสคบคนใหม่ ๆ แทน เพราะฉะนั้นขอให้คงสถานภาพการเป็นเพื่อนกันเอาไว้ก่อนดีที่สุด ถ้าจะกลับมาคบกันอีกในอนาคตก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต
ทั้งคู่ก็รับรู้และไม่ได้มีปัญหาอะไรกับจุดนี้ค่ะ เพราะยังไงก็เป็นเพื่อนที่สนิทกันและมีความรู้สึกดี ๆ ให้กันมาตลอด และแอลลี่ก็ย้ายมาเมืองไทยในช่วงประมาณเดือนสิงหาคม 2013 ค่ะ ก็มาเต็มที่และเอาจริงกับการเตรียมพร้อมด้านต่าง ๆ สำหรับการเข้าประกวดอย่างเต็มตัว ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ก็เหลือแค่เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม มีคุยไลน์กันบ้างอะไรบ้าง ตามประสาเพื่อนค่ะ
ส่วนเรื่องภาพที่ถูกเผยแพร่ออกมานั้น ดิฉันไม่เคยเห็นในเฟซบุ๊กหรือไอจีของแอลลี่นะคะ เพราะน้องไม่ค่อยชอบเล่นพวกโซเชียลเท่าไหร่ และไม่เคยอัพภาพพวกนี้ด้วย แต่จะเป็นฟิแล่มที่เป็นคนลงรูปไว้ในเฟซบุ๊คหรือไอจีของตัวเองค่ะ ซึ่งดิฉันก็เป็น friend กับฟิแล่มทั้งในเฟซบุ๊คและไอจีด้วย และเท่าที่จำได้ก็น่าจะเคยเห็นรูปพวกนั้นตอนที่โพสต์ค่ะ แต่ยอมรับตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเข้าใจว่าก็เป็นไปตามประสาวัยรุ่นที่คบกัน
ถ้าถามในเรื่องของความเหมาะสม ก็ยอมารับว่าอาจจะเป็นภาพที่ไม่เหมาะสมนัก โดยเฉพาะกับวัฒนธรรมไทยที่ค่อนข้างถือเรื่องนี้มากกว่า โดยเฉพาะกับเด็กผู้หญิง อีกอย่างคือทางสังคมแล้วเด็กไทยจะโตช้ากว่าเด็กฝรั่ง เด็กฝรั่งพออายุ 18 เค้าก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะคบใครหรือมีแฟนได้ ส่วนเด็กไทยถ้ายังไม่บรรลุนิติภาวะตอนอายุ 20 ก็อาจจะยังไม่อยากให้มีแฟนกัน หรือมีภาพที่แสดงความใกล้ชิดอะไรแบบนั้น
ตรงนี้ดิฉันก็คงต้องขอโทษแทนน้องด้วยค่ะ ที่ดิฉันอาจจะไม่เข้มงวดเท่าที่ควร และไม่ได้เตือนเมื่อเห็นภาพเหล่านี้ตั้งแต่แรก ยอมรับว่าดิฉันอาจจะปล่อยให้ตัวเองคุ้นชินกับวัฒนธรรมตะวันตกมากเกินไป จนไมได้คิดว่าเรื่องแบบนี้อาจจะทำให้คนไทยรู้สึกไม่ดีได้ ขอยอมรับผิดและขอโทษจากใจจริงค่ะ
อาจจะเขียนยาวไปหน่อยนะคะ แต่อยากให้ทุกคนได้ร่วมรับรู้ถึงรายละเอียดทั้งหมดค่ะ เพื่อจะได้ได้พิจารณาดูว่าภาพที่ออกมามีความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมแค่ ไหนอย่างไร และยินดีน้อมรับคำตำหนิทั้งหมดค่ะ
สุดท้ายดิฉันและครอบครัวขอขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจ มันมีค่ามากสำหรับครอบครัวเรา
ขอบคุณจากใจ
ปนัดดา จันทร์แก้ว”
แสดงความคิดเห็น