พระราชวังฤดูหนาวที่ตกแต่งในสไตล์บารอค ด้วยลวดลายที่อ่อนช้อยสวยงามตัดทองแต้มแต่งด้วยโดมระย้าดูเลิศหรู ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งที่ที่เจ้าของงานสร้างชื่อว่า ฟรานเชสโก ราสเทรลลี่ พระราชวังฤดูหนาวแห่งนี้ถูกตกแต่งในสไตล์บารอค ใช้ลวดลายที่อ่อนช้อยสวยงามตัดทองแต้มแต่งด้วยโดมระย้าดูเลิศหรู ประดับด้วยปูนปั้นฝีมือบรมครูและงานแกะสลักระดับเทพ ถือเป็นสุดยอดสถาปัยอีกชิ้นที่ราสเทรลลี่รังสรรค์ได้อย่างวิจิตร
พระราชวังฤดูหนาวเป็นอาคารขนาดใหญ่ 3 ชั้น ประกอบไปด้วยอาคาร 5 หลัง เชื่อมต่อกัน ออกแบบโดยสถาปนิกหลายคน แต่กลับมีความงดงามที่เข้ากันได้อย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย ตัวอาคารโดดเด่นด้วยสีฟ้าตัดขอบประตูและหน้าต่างด้วยสีขาว หากเป็นสาวๆ คงบอกว่าน่ารักมาก เฮอร์มิเทจถูกสร้างมาเพื่อเป็นพระราชวังที่ประทับของพระนางอลิซาเบธ ก่อสร้างเสร็จเมื่อปี 1762 แต่โชคร้ายพระนางอลิซาเบธกลับชิงเสียไปก่อนหน้างานเร็จสิ้นทำให้ พระราชวังแห่งนี้กลายเป็นที่ประทับของพระนางแคเธอรีนมหาราชินีแทน อีกสองปีต่อมาจากพระราชวังที่เลื่องชื่อเริ่มกลายเป็นที่เก็บของหายาก เมื่อพระนางทรงเก็บรวมรวบงานศิลปวัตถุต่างๆ จากหลายๆ ที่เข้ามาภายในราชวัง พระนางต้องการสะสมจึงได้สั่งให้ช่างทำห้องสะสมเล็กๆ ไว้เก็บข้าวของมีค่า จากเล็กๆ กลายไปเรื่องใหญ่ของสะสมยิ่งเก็บก็ยิ่งเยอะขึ้น สิ่งของเหล่านั้นถูกขยับขยายออกไปในห้องต่างๆ ในพระราชวัง
ในห้องโถงใหญ่กลายเป็นที่เก็บเครื่องศาสตราวุธทั้งหลาย มีภาพเหมือนของสงคราม ทหารหาญที่รบได้ชัยชนะ ซึ่งใช้เวลาวาดยาวนานถึง 10 ปีและหากท่านทหารท่านใดเสียชีวิตในระหว่างการสู้รบก็จะมีกรอบรูปว่างเว้นไว้ จารึกเพียงแต่ชื่อ และอีกโถงหนึ่งที่ใหญ่พอกัน คือโถงของเซนต์จอร์จ เป็นชื่อของนักบุญท่านหนึ่งที่อุปถัมภ์ประจำประเทศรัสเซียประดับลายเพดานและลายพื้นเป็นลายเดียวกัน เอาไว้ใช้รับแขกผู้มาเยือนมีไว้สำหรับงานจัดเลี้ยงต่างๆ และยังเป็นห้องที่ไม่สามารถนินทากันได้อีกด้วย เพราะการวางผังห้องของที่นี่นั้นทำให้ฟังคนคุยกันเสียงได้ชัดเจน
จากส่วนของห้องโถงก็จะมีส่วนที่สามารถเดินเชื่อมต่อกันได้จาก สมอลล์ เฮอร์มิเทจไปยัง โอล์ด เฮอร์มิเทจ ด้วยพื้นไม้ปาร์เกร์วาดลาย และมีแจกันมาลาไคต์ใบใหญ่ตั้งอยู่ อีกห้องเป็นห้องโชว์งานสถาปัยต์ในยุคเรอนองซองส์ ตู้โชว์ภาพวาดเก่าแก่จากอิตาลี กระดองเต่าแกะลายเป็นบานประตู ข้างในพระราชวังแห่งนี้ยังมีโรงละคนส่วนพระองค์ที่มีระเบียงโคลนนิ่งลายจากนครวาติกัน
แต่ปัจจุบันที่แห่งนี้กลายเป็นแหล่งสมบัติที่ล้ำค่ามากที่สุดในโลกมากกว่า 2.7 ล้านชิ้น ร่วมถึงผลงานของศิลปินที่โด่งดังสุดๆ ไม่ว่าจะเป็น Leonardo Da Vinci, Picasso, Raphael, Rubens, Rembrandt, Botticelli, Michelangelo, Velazquez, Goya และงานที่คนไทยรู้จักกันดีก้านข้าวโพดทองคำประดับด้วยเพชรปักในถ้วยน้ำเจียรจากก้อนหินคริสตัน หรือมงกุฎขนาดเล็กของซาร์ทาด้วยทองคำ เงิน เพชร ทับทิม ไพลิน ทั้งหมดถูกรวมไว้ที่แห่งนี้หมดแล้ว
ที่มาข้อมูล : www.e-magazine.info
แสดงความคิดเห็น