เส้นทางชีวิตของซุปตาร์เขียนโชคชะตาด้วยหัวใจของ'ณเดชน์'© สนับสนุนโดย Kom Chad Luek เส้นทางชีวิตของซุปตาร์เขียนโชคชะตาด้วยหัวใจของ'ณเดชน์'
เปิดฉากมาอย่างสวยงามสำหรับละครเรื่อง "ตามรักคืนใจ" ที่ตอนนี้ทำเอาหลายคนติดไปทั่วบ้านทั่วเมือง โดยการโคจรมาพบกันครั้งแรกของพระเอกหนุ่มซูเปอร์สตาร์ ณเดชน์ คูกิมิยะ และนางเอกสาวมาแรง "มิว" นิษฐา จิรยั่งยืน วันนี้หน้าบันเทิง หนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" เลยขอคว้าตัวพระเอกของเรื่อง ณเดชน์ มานั่งพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด ก่อนที่จะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์
ตามรักคืนใจ
00ละครเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง
เรื่องนี้ก็เป็นอีกบทบาทหนึ่ง ที่ต้องดูขรึม ดุ ในเรื่องผมรับบทเป็น "สีหนาท" แต่ชาวบ้านที่ไร่เขาจะเรียกว่า "นายสิงห์" เป็นเจ้าของไร่บัวขาว เป็นชายหนุ่มวัยกลางคน มีนิสัยค่อยข้างที่จะชัดเจน เด็ดเดี่ยว ตรงๆ เพราะว่าหนึ่งคือ ด้วยความที่เป็นเจ้าของไร่ ผ่านปัญหาอะไรหลายๆอย่าง แถมจะต้องดูแลคนเป็นร้อยเป็นพันชีวิตมาแล้ว ภาระหน้าที่ ที่ต้องแบกรับอยู่ เขาจะต้องอยู่ด้วยความเป็นนาย ทุกคนจะกลัวนายสิงห์ ดุ ด่า หรือไล่ออกอยู่ตลอดเวลา ขึ้นว่าชื่อนายสิงห์ ดุก็ดุเหมือนสิงห์ แต่ว่าจริงๆ นายสิงห์ก็เป็นคนน่ารักๆ คนหนึ่ง ที่เวลาเขาอยู่กับน้องสาวเขา อยู่กับป้าไข่ อยู่กับคนที่เขารู้สึกสบายใจด้วย ครอบครัว เขาจะเป็นตัวของตัวเองขึ้นมา จะเป็นคนที่มีอารมณ์ขี้เล่น ตลกเฮฮา เป็นหนุ่มบ้านนอก ไม่ใช่แบบที่จะมาเป็นผู้ดี แต่ก็มีวุฒิภาวะที่โตหน่อย สำหรับแฟนๆ ละครที่ติดตามอยู่นั้นก็ห้ามพลาดนะ เรื่องนี้สนุกมาก ด้วยสถานที่ที่ไปถ่ายทำกันมีแต่ที่สวยๆทั้งนั้น
00บทบทบาทที่คนดูไม่ค่อยชินตา
หลายๆ คนมองว่า ผมส่วนมากจะรับบทใสๆ สะอาดตา ผิวขาวๆ แต่เรื่องนี้เราเพิ่มเอฟเฟกท์เรื่องผิวแทน ติดหนวด เราเองก็ไม่คุ้นชินกับอะไรแบบนี้ด้วย ผมว่าผมก็ดีใจนะ เพราะมันชัดเจนมากขึ้น แล้ววิธีการเล่นเข้าถึงตัวละครตัวนี้มันต้องมีความเป็นผู้ใหญ่ ที่มีความคิด จะทำอะไรก็ต้องไตร่ตรองก่อนด้วย แต่เป็นคนที่ค่อนข้างมีมิติ ถามว่าผมชอบมั้ยกับตัวละครตัวนี้ คือเรื่องราวของนายสิงห์มันมีการพัฒนา ความสัมพันธ์กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง จากค่อยๆ ไม่อะไร แต่นานๆ มันค่อยๆ เกิดเป็นความรัก และมันจะมีช่วงให้เอาใจช่วยความรักของเขาทั้งคู่ ซึ่งในบทหนูนาที่ มิว เล่นไว้ได้ดีมาก ทั้งวิธีการร้องไห้ น้ำเสียง
00การทำงานกับ มิว นิษฐา ครั้งแรก
กับมิวนี่เราเข้ากันได้เร็วมาก เขาเป็นคนที่เปิ่นๆ ฮา ๆ อยู่ในสังคมกองถ่าย เข้ากับทีมงานได้เป็นอย่างดี ภายนอกเขาอาจจะดูเป็นผู้หญิงมากๆ แต่จริงๆ มิวสามารถอยู่ร่วมกับกลุ่มชายหนุ่มได้สบายๆเลย เพราะเขาค่อนข้างลุย และแมนๆ หน่อย ซึ่งจริงๆ เขาจะโตกว่าเรา จนเราสามารถเรียกเขา เจ้มิว ได้ แต่ความรู้สึกเวลาอินในคาแรคเตอร์ เขาเองก็ทำให้เราเชื่อว่าเขาคือหนูนาได้อย่างไม่ขัดกับความรู้สึกนะ ซึ่งมันทำให้เราทำงานกันง่ายมากขึ้น
เล่ห์ลับสลับร่าง
00พูดตลอดว่านี่คือละครที่ยาก
มันยากจริงๆ นะ แต่ตอนนี้การถ่ายทำ มันเพิ่งเริ่มต้น แต่เมื่อไหร่ที่การถ่ายทำมาถึงตอนที่ผมกับญาญ่า (อุรัสยา) เราสลับร่างกัน นั่นแหละสิ่งที่ผมกังวลมาก เพราะการเข้าถึงอารมณ์ตัวละครที่เป็นของตัวเอง อันนี้ไม่ซับซ้อน เราเข้าใจมันได้ แต่หากเราต้องทำความเข้าใจ และเข้าถึงจิตวิญญาณของอีกฝ่ายที่เข้ามาอยู่ในร่างเรา เราต้องแสดงออกมาแบบไหน อารมณ์ไหนให้คนดูเชื่อเรา นั่นแหละคือการบ้านที่หนักหน่วงมาก ทุกวันนี้ก็ต้องมานั่งดูวิธีการเดิน การนั่ง จริตต่างๆ ของญาญ่าว่าเขาเป็นแบบไหน ทำอย่างไร จนตอนนี้ ผมรู้สึกตัวเองได้เลยนะ ว่าตัวเองก็เริ่มติดจริตแบบนั้นมาบ้าง หลายคนมีโอกาสได้เจอได้คุย ก็บอกตรงกันว่า ยังไงก็อินได้นะ แต่ต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้ (หัวเราะ) วันดีคืนดีก็นั่งพับเพียบบ้าง กรีดนิ้วบ้าง และผ่อนคลายตัวเองให้ได้ แล้วทำให้รู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กที่สุด เพราะเวลาญาญ่าเขามาอยู่ในร่างผม พอชนนิดชนหน่อยก็จะร้อง เจ็บเนื้อเจ็บตัว สำหรับเรื่องการถ่ายทำ คงหลังจากผมสึกแล้ว ในส่วนญาญ่าน่าจะได้เริ่มถ่ายทำก่อน ส่วนของผมก็ต้องรอให้มีคิ้ว มีผมขึ้นก่อน ตอนนี้เลยมีเวลาเตรียมตัว หนึ่งเลยคือฟิตหุ่น ยิงปืนเพิ่ม
15 วัน ใต้ร่มกาสาวพัสตร์
00เป็นอย่างไรบ้างกับการบวชครั้งนี้
คือหลังจากที่ผมบวช ความรู้สึกของผม คือผมได้ทำความรู้จักกับตัวเอง 15 วัน ในแต่ละวัน ผมได้เรียนรู้พระธรรม และอะไรหลายๆ อย่าง ข้อคิด แนวทางการนำมาปรับใช้กับการดำเนินชีวิต เรียกได้ว่ามันเป็นช่วงเวลาของชีวิต ที่มันสงบสุขที่สุดแล้ว เพราะมันไม่มีอะไรนอกจากตัวเราเอง และพระพุทธเจ้า พอสึกออกมา เราก็ต้องมาบริหารในสิ่งที่เราได้รับมาใน 15 วัน กับความเป็นโลก ให้มันมาอยู่ตรงกลางร่วมกัน จะดึงทางธรรมมาทั้งหมดก็ไม่ได้ เหมือนเป็นการเติมปัญญาให้กับตัวเองด้วย อีกอย่างผมถูกปลูกฝั่งจากครอบครัวว่าอะไรที่เป็นบุญ เป็นกุศลมาตลอดอยู่แล้ว ซึ่งชีวิตผมไม่แน่นอนอาจจะอยากใกล้ชิดกับพระธรรมให้มากขึ้นกว่านี้ก็ได้ แต่อาจจะเป็นการถือศีลต่างๆ
ชีวิตในวงการบันเทิง
00ก้าวแรกที่ได้เดินบนเส้นทางมายา จากวันแรกจนมาถึงวันนี้
ผมเข้าวงการมาตั้งแต่ตอนอายุ 17 ปี จนตอนนี้ 24 ปี ทุกอย่างมันเร็วมา กับทุกวัน หลายๆ คน อาจจะมองว่า ชีวิตผมมันต้องยากมากขึ้นแน่นอน แต่ผมมองว่าตอนนี้มันไม่ยากอย่างที่คิดนะ ถ้ามองให้เป็นเรื่องที่ดี วงการนี้ก็สอนอะไรให้เราหลายๆ อย่างนะ เพราะถ้าเราทำในสิ่งที่ดี มันก็จะดี วงการนี้เราต้องตื่น และมีสติในการใช้ชีวิต ทำให้เหมือนกับว่า เรามีนาฬิกาปลุก เตือนเราอยู่ตลอดเวลา ว่าอย่าทำแบบนั้นนะ มันไม่ดี หรือเตือนเราว่าแบบนั้นมันดีแล้วนะ ทำต่อไปได้ ที่ผ่านมาวงการนี้ มันให้หลายๆอย่างกับครอบครัวผมมาก และเราเองก็ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้ต่อไปด้วย
00ที่ผ่านมามีอะไรที่ฉุดให้เรารู้สึกท้อบ้างหรือไม่
ผมกล้าพูดเลยนะ ว่าไม่มีเลยสักนิด เพราะผมถูกปลูกฝังเกี่ยวกับการคิดในทางที่ดีอยู่เสมอ เป็นคนคิดบวก และไม่เก็บอะไรมาใส่ใจเลย ผมจะค่อนข้างเป็นคนเส้นตื้น บ้าบอ ไปซะด้วยซ้ำ กับเรื่องข่าว เรื่องกระแสอะไร จะมาใหม่ หรือการเปรียบเทียบต่างๆ ที่เกิดขึ้น สำหรับผมมองว่า ถ้าเราอยู่ให้เป็น เราก็จะผ่านไปได้ มันขึ้นอยู่กับตัวตนของเราเท่านั้นคนเดียว ต่อเมื่อวันหนึ่งหากเรารู้สึกว่า งานเราเริ่มลดน้อยลง ผมก็จะมองว่ามันเป็นเรื่องของวัฏจักรของวงการบันเทิง มีเข้ามาต้องมีออกไป ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอก
ชีวิตมีเป้าหมาย
00 ความคืบหน้าเรียนปริญญาโท
คือตอนนี้ผมกำลังเรืยนปริญญาโท หลักสูตรนิเทศศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรังสิต กำลังจะปิดเทอม 1 แล้ว คือสึกออกมาจากวัดปุ๊ป ก็สอบเลยทันที ตอนนี้สำหรับผมวางแผนเอาไว้เกี่ยวกับเรื่องเรียนนะ เรารู้ว่าปริญญาโทมีลิมิตคือ 5 ปี แต่ใครๆ ก็อยากเรียกให้จจบไวๆ ถูกมั้ย สำหรับผม 1 ปีครึ่ง ก็คงจะยากหน่อย ผมว่าไม่ไหวแน่ๆ คือเรียนไม่หนักนะ แต่งานเยอะ แล้วต้องมานั่งคิดรูปเล่มอีกว่าเราจะทำอะไรดี หลายคนถามว่าจะจบพร้อมกับญาญ่าด้วย
00มองเห็นตัวเองในอีก 10 ปีข้างหน้าแล้วหรือยัง
โห้... 10 ปี ข้างหน้า ตอนนั้นผมคงแต่งงานไปแล้วแน่ๆ ผมว่าสมัยนี้ ถ้าเราแต่งงานช้าแล้วมีลูก เราจะไม่ทันเขานะ เพราะเด็กสมัยนี้โตเร็วมาก สิ่งเร้ามันเยอะ การดูแลก็ต้องดูกันดีๆ เพราะเทคโนโลยีสมัยนี้มันไปเร็วมากๆ กว่ารุ่นผมที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบง่ายๆ ดังนั้นผมมองว่าช่วงวัยประมาณไม่เกิน 30 ปี เหมาะที่สุดกับการสร้างครอบครัว ของผมก็เหลืออีกประมาณ 5 ปี ก็น่าจะเริ่มได้แล้ว (หัวเราะ) 5 ปีนี่แป็บเดียวเองนะ แต่ถามว่าผมอยากจะลูกตั้งแต่ตอน 30 เลยมั้ย บอกก่อนว่ายัง แต่อาจจะแต่งงานใช้ชีวิคคู่ก่อน แล้วค่อยดูความพร้อมอีกทีก่อน ว่าเราพร้อมที่จะดูแลอีกหนึ่งชีวิตหรือยัง
สถานะหัวใจซุป'ตาร์
00 ครั้งก่อนเปรียบเทียบความสัมพันธ์กับ ญาญ่า ว่าเหมือน "น้ำต้มไก่" แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
คือคนอีสานมักจะมีคำพูดที่ว่า "ใจเย็นเหมือนน้ำต้มไก่" คือการต้มไก่ คือมันต้องใช้เวลา ต้องเคี่ยวมันนานๆ จะมารีบกินมันไม่ได้ คือผมมองว่า ผมอยากให้เราเป็นอย่างนี้กันไปก่อน ยังไม่ต้องรีบร้อนอะไร จนตอนนี้หลายคนอาจจะถามก็ได้ว่า จนป่านนี้ไอ้น้ำต้มไก่ของผมไม่ข้นไปแล้วหรือยังไง ผมบอกเลยว่า ตอนนี้ยังไม่เดือดเลยนะ (หัวเราะ) รอไปก่อนนะใจเย็นๆ แล้วกัน
00ทุกวันนี้กับญาญ่า เรียกได้ว่ามีความสุขดีใช่มั้ย
คือทุกวันนี้ ผมกับญาญ่าเราเป็นแบบนี้ เจอกันแบบนี้ เราก็โอเคมากเลยนะ เรามีโอกาสไปเที่ยว พบปะ ทานข้าว เล่นกีฬาด้วยกัน เรียกว่าเราก็มีความสุขที่ได้ทำอะไรหลายๆ อย่างร่วมกันนะ และเราทราบว่าหลายๆ คนก็มีความสุขไปกับเราด้วย
00คนดู แฟนคลับ อยากให้คู่ ณเดชน์-ญาญ่า สร้างความสุขแบบนี้ไปอย่างยืนยาว
เราเองก็อยากให้มันยืนยาวนะ ผมกับญ่า เราก็ใกล้ชิดกันแล้วมันสร้างความสุขให้หลายๆ คน ผมกับญ่าเราก็มีความสุขด้วย และต้องขอบคุณกับทุกๆคนด้วย ที่คอยสนับสนุนคู่เรา คอยให้กำลังใจพวกเรา แค่นี้ผมกับญ่าก็อุ่นใจแล้ว สำหรับผมกับญ่าถือว่าเราโชคดีนะที่ได้มีแฟนๆ ที่ดีๆ เข้ามาให้ความรัก และชื่นชอบในความเป็นกัลยาณมิตรของพวกเรา กับความยืนยาวอันนี้ เราไม่ได้วางแผนนอะไรไว้นะ แต่อะไรที่เป็นตอนนี้สำหรับเราก็โอเคที่สุดแล้ว
"นี่แหละ ซูเปอร์สตาร์ ที่ชื่อว่า ณเดชน์"
.......................................
เขาคนนี้คือ ณเดชน์ คูกิมิยะ
เกิดวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2534
การศึกษา กำลังศึกษาระดับ ปริญญาโท หลักสูตรนิเทศศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรังสิต
ผลงานที่ผ่านมา เงารักลวงใจ ซีรีส์ชุด 4 หัวใจแห่งขุนเขาเ เรื่องดวงใจอัคนี เกมร้ายเกมรัก แรงปรารถนา ซีรีส์ชุดไรซิง ซัน เรื่องรอยฝันตะวันเดือด ลมซ่อนรัก
ผลงานปัจจุบัน ละครเรื่อง ตามรักคืนใจ
.......................................
(หมายเหตุ เส้นทางชีวิตของซุปตาร์เขียนโชคชะตาด้วยหัวใจของ'ณเดชน์' : บันเทิงวันเสาร์ เรื่อง... มงคล บุญคุ้ม ภาพ... จุลดิศ อ่อนละมุน)