ศาลพระโขนง สั่งจำคุก “กิ๊ฟท์ซ่า” คดีเมาแล้วขับ-ไม่มีใบขับขี่ เป็นระยะเวลา 1 เดือน พร้อมปรับสามพันห้าร้อยบาท โดยโทษจำคุกนั้นให้รอลงอาญาไว้ก่อน ด้านนักร้องสาวปากสั่น น้ำตาคลอ ยกมือไหว้ขอโทษ เผยเตรียมถือศีลจนถึงวันคล้ายวันเกิด





จากกรณีที่หนึ่งในนักร้องสาววง “เกิร์ลลี่เบอร์รี่” อย่าง “กิ๊ฟท์ซ่า ปิยา พงศ์กุลภา” ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน จับข้อหาเมาแล้วขับเมื่อช่วงดึกของคืนวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นเจ้าตัวได้บ่ายเบี่ยงที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแถมยังอ้างจะให้ผู้ใหญ่มาเคลียร์กระทั่งกลายเป็นข่าวดังไปทั่วนั้น

ล่าสุด หลังจากที่เจ้าตัวต้องถูกต้นสังกัดบริษัท อาร์เอสฯ สั่งพักงานเป็นเวลานาน 3-6 เดือน ซึ่งในช่วงสาย ที่ผ่านมา ของวันนี้ (12 ก.ย.) นักร้องสาวก็ได้เดินทางไปรายงานตัวยังศาลจังหวัดพระโขนง ซึ่งทางศาลก็ได้มีคำตัดสินในข้อหาเมาแล้วขับ และ ไม่มีใบขับขี่ออกมาแล้ว โดยให้จำคุกนักร้องสาว 2 เดือน ในความผิดฐานเมาแล้วขับ ปรับ 6,000 บาท แต่รับสารภาพจึงลดโทษให้ เหลือ จำคุก 1 เดือน ปรับ 3,000 และความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ ปรับ 1,000 บาท แต่รับสารภาพจึงลดปรับแค่ 500 บาท สรุปกิ๊ฟท์ซ่าโดนสั่งจำคุก 1 เดือน ปรับ 3,500 บาท ส่วนโทษจำคุกนั้นให้รอลงอาญา 2 ปี และจะมีการคุมประพฤติ 1 ปี ต้องไปรายงานตัว 4 ครั้ง และให้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม 12 ชั่วโมง

ซึ่งภายหลังจากที่ศาลพิพากษาเสร็จสิ้น “กิ๊ฟท์ซ่า” ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่ไปรอทำข่าว ซึ่งตลอดการให้สัมภาษณ์เจ้าตัวถึงกับปากสั่น น้ำตาคลอเลยทีเดียว

“ก่อนอื่นต้องขอโทษที่ทำให้เสียเวลา (เสียงสั่น) จริงๆ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกิ๊ฟท์ก็เสียใจมาก มันมีภาพอะไรหลายอย่างออกมาที่ไม่เหมาะสม กิ๊ฟท์ก็ขอโทษ และเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และขอโทษด้วยที่ทำให้เสียเวลามารอตั้งแต่เช้า สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกิ๊ฟท์ยอมรับผิด และยอมรับสารภาพทุกอย่าง”

“บทลงโทษตามกฎหมายก็ดำเนินการไป วันนี้ก็มาที่ศาล มันก็มีบทลงโทษ 2 ทาง ทั้งตามกฎหมายเพราะเราทำผิดกฎหมาย และบทลงโทษทางสังคม (เงียบไปสักพักก่อนตอบ) ก็มีทั้งการให้กำลังใจ มีทั้งคำตำหนิ กิ๊ฟท์น้อมรับทุกอย่างไว้ นี่เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ค่ะ”

“วันนี้ตามที่ศาลพิพากษา คือ จำคุก 1 เดือน รอลงอาญา 2 ปี ตอนแรกปรับเยอะ พอเรารับสารภาพก็ปรับลดลงเหลือ 3,500 บาท ต้องพบเจ้าพนักงานคุมความประพฤติทั้งหมด 4 ครั้ง และบำเพ็ญประโยชน์ 12 ชั่วโมง แต่ยังไม่ได้บอกว่าให้ทำอะไรบ้าง เค้าให้ไปคุยกับเจ้าพนักงานคุมความประพฤติ ก็ให้เห็นพ้องกันว่าทำอะไรถึงจะเหมาะสม”

“ถามว่า ได้รับบทเรียนยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นบทเรียนครั้งใหม่ค่ะ จริงๆ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เหมือนกัน เราเป็นผู้หญิง ไม่เคยต้องมาขึ้นโรงขึ้นศาล หรือต้องมาเจอคดีอาญาแบบนี้ (เสียงสั่นเครือ) มันทำให้เราคิดว่าในการดำรงชีวิตอยู่ของเราแต่ละวัน บางทีเราอาจจะละเลยสิ่งที่เป็นหน้าที่ หรือว่าสิ่งที่เป็นสิทธิ หรือสิ่งที่เรามองข้ามไปมากเกินไป”

“ทำให้เราต้องย้อนกลับมาดูว่า แต่ละก้าวเดินที่เราจะก้าวต่อไปข้างหน้า มันควรต้องเป็นก้าวที่มีสติ และมีความรอบคอบมากกว่าเดิม และไม่ประมาทเพราะว่าโดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยกฏหมายแล้วกิ๊ฟท์มองว่ามันเป็นเรื่องถูก เพราะว่าการที่คนเมาแล้วขับ มันก็เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างมาก นอกจากทำความเดือดร้อนให้กับตัวเอง หรือทรัพย์สินของตัวเองแล้วเนี่ย ก็อาจจะทำความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นได้ด้วย เพราะฉะนั้นกิ๊ฟท์ก็ถือว่าอย่างน้อยที่สุดเราได้รับบทลงโทษนี้ และทำให้เราคิดได้ มันก็ดีกว่าที่เราจะไปเจออะไรที่มันร้ายแรงกว่านี้ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็ให้กำลังใจ”

ส่วนกรณีที่ “กิ๊ฟท์ซ่า” และหนุ่ม “ณัฐ สารสาส” กร่างใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่โดนจับ จนถูกสังคมรุมจวกว่าไม่เหมาะสม กับเรื่องนี้เจ้าตัวแจงว่า…

“ถ้าตามที่เห็นในภาพ กิ๊ฟท์ไม่ได้มีเจตนาที่จะแสดงความไม่เคารพต่อใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่พนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือพี่ๆ สื่อมวลชน ไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นเลยค่ะ ในส่วนของพี่ณัฐ อันนี้กิ๊ฟท์ไม่ขอออกความเห็นค่ะ ต้องถามเจ้าตัวเขาเองน่าจะดีกว่า”

“ส่วนเรื่องผลกระทบก็ กระทบต่อกิ๊ฟท์เยอะค่ะ เรื่องงานก็กระทบ เดี๋ยวหลังจากนี้กิ๊ฟท์ต้องไปคุยกับบริษัท แต่ในเบื้องต้นเฮียฮ้อสั่งพักงาน 3-6 เดือน ครอบครัวเขามองว่าการดื่ม มันเป็นการสังสรรค์ของคนในรุ่นราวคราวนี้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ไม่เหมาะสมคือไม่ควรขับรถ หรือไม่ควรที่จะเมาแล้วขับ หรือแม้แต่ดื่มแล้วขับด้วยซ้ำ เพื่อนในวงก็ให้กำลังใจค่ะ จริงๆ กำลังใจก็เหมือนรดน้ำให้เราฟื้นขึ้นมานิดนึง แต่ความผิดในใจเราก็ยังติดอยู่ค่ะ”

“เดี๋ยวจะใกล้ถึงวันเกิดกิ๊ฟท์แล้ว กิ๊ฟท์ก็ตั้งใจว่าจะถือศีล 5 จนกว่าจะเลยวันเกิด ส่วนเรื่องดื่มแล้วขับก็คงไม่แล้วค่ะ เพราะปกติก็ไม่ได้ขับรถอยู่แล้ว แต่ต่อไปก็คงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น และไม่ประมาทเหมือนเดิมแล้วค่ะ ก็อยากจะบอกว่ากฎหมายหรือว่าหน้าที่ของประชาชนทุกคน มีหน้าที่จะต้องทำตามกฎหมาย ไม่ละเมิดกฎหมายนะคะ การที่ละเมิดก็จะต้องได้รับบทลงโทษ และการได้รับบทลงโทษก็จะทำให้คุณปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต และปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตให้ไปในทางที่ดีขึ้น ก็อยากให้ทุกคนไม่ประมาท แล้วก็อย่าเอาเหตุการณ์นี้มาเป็นตัวอย่างเลย และหลังจากนี้กิ๊ฟท์ก็ได้บทเรียนครั้งใหญ่แล้วค่ะ”

ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

แสดงความคิดเห็น

 
Top