กว๊านพะเยา อยู่ในอำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา เป็นทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในภาคเหนือ และอันดับ 4 ในประเทศไทย คำว่า "กว๊าน" ภาษาพื้นเมืองหมายถึง "บึง" กว๊านพะเยา จึงเป็นบึงน้ำอันกว้างใหญ่สุดสายตา โอบล้อมขุนเขาดอยแม่ใจ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านทิศตะวันตก ในยามเย็นและยามเช้าตรู่สีสันของท้องฟ้า และสายน้ำงดงามตรึงใจดังภาพเขียน เป็นภาพบรรยากาศอันแสนประทับใจที่ได้พบเห็นเมื่อมาเยือนเมืองพะเยาแห่งนี้
ริมถนนชายกว๊านในเมืองพะเยา ซึ่งด้านหนึ่งเปิดโล่งสู่กว๊านพะเยา มีต้นมะพร้าวเรียงราย สร้างบรรยากาศเหมือนกับเมืองชายทะเล ผู้คนต่างพากันมาพักผ่อนนั่งรับประทานอาหาร บ้างก็เดินเล่นกินลมชมวิว ขี่จักรยานออกกำลังกาย พร้อมกับชมบรรยากาศยามพระอาทิตย์อัสดงเหนือผืนน้ำอันเงียบสงบ หากมาเที่ยวในวันสุดสัปดาห์ ตามร้านอาหารริมกว๊านต่างถูกจับจองด้วยนักท่องเที่ยวที่มานั่งกินดื่ม ชิมอาหารพื้นบ้าน ทั้งปลาเผา กุ้งเผา กุ้งเต้น ที่มีเรียงรายหลายร้าน ถัดจากบริเวณนี้สามารถเดินเรื่อย ๆ ต่อไปยังถนนคนเดินที่จัดให้มีขึ้นในวันสุดสัปดาห์ มีสินค้าอาหารให้เลือกซื้อเลือกชิมกันมากมายหลากหลายชนิด ทั้งอาหารคาวหวาน เสื้อผ้า ของใช้ ของประดับตกแต่งมากมาย
อิ่มบุญสุขใจ ในยามเช้า
หากพักค้างสักคืนในเมืองพะเยา ลองตื่นเช้าเดินมาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ริมกว๊านพะเยา จะพบกับบรรยากาศอันเงียบสงบ ที่บริเวณท่าเรือริมกว๊าน จะมีผู้คนมานั่งเรียงแถวเตรียมปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนเล็กๆ ไว้เพื่อรอใส่บาตรเป็นประจำทุกวัน สำหรับนักท่องเที่ยวสามารถหาซื้อสำรับกับข้าว รวมทั้งข้าวเหนียวเป็นกระติ๊บเพื่อใส่บาตรได้ที่นี่เลย เมื่อถึงเวลาประมาณ 7 นาฬิกา พระสงฆ์จะเดินมารับบิณฑบาตเป็นแถวเป็นแนว ก่อนจะขึ้นนั่งในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้เพื่อสวดให้ศีลให้พรแก่ผู้ที่มาทำ บุญเพื่อความเป็นสิริมงคล
นั่งเรือพาย ไหว้พระกลางน้ำ
หลังจากทำบุญใส่บาตรแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือพายไปนมัสการหลวงพ่อศิลากลางกว๊านพะเยา ค่าบริการเพียงคนละ 20 บาท มีคนพายลำละ 2 คนและมีชูชีพให้นักท่องเที่ยวใส่เพื่อความปลอดภัย ใช้เวลาเดินทางไปกลับประมาณ 20 นาที หลวงพ่อศิลา เป็นพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัย อายุกว่า 500 ปี ค้นพบเมื่อปี 2526 ในบริเวณวัดติโลกอารามที่จมอยู่ใต้น้ำ ชาวบ้านจึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดศรีอุโมงค์คำ จนกระทั่งปี 2550 จึงได้อัญเชิญหลวงพ่อศิลากลับไปประดิษฐานบริเวณที่เป็นที่ตั้งของวัดติโลก อาราม กลางกว๊านพะเยา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้นั่งเรือไปสักการะบูชา และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำของเมืองพะเยา
เวียนเทียนกลางน้ำ
เมื่อถึงวันเพ็ญเดือน 3 เดือน 6 และเดือน 8 ซึ่งตรงกับมาฆบูชา วิสาขบูชา และอาสาฬหบูชา จะมีพิธีเวียนเทียนกลางน้ำในยามใกล้ค่ำ ชาวเมืองต่างพากันนำดอกไม้ธูปเทียน ล่องเรือไปเวียนเทียนบูชาองค์หลวงพ่อศิลากลางน้ำ 3 รอบ กว๊านพะเยาในยามนี้จะงดงามด้วยแสงประทีบท่ามกลางสีสันของท้องฟ้าและผืนน้ำ กว้างใหญ่ในวันพระจันทร์เต็มดวง เป็นอีกภาพหนึ่งที่น่าประทับใจไม่เหมือนใครในโลก
ด้วยบรรยากาศของเมืองริมน้ำที่ไม่เหมือนใคร ทำให้เมืองพะเยา เป็นเมืองที่น่าพักผ่อนท่องเที่ยว และยังได้รับความสุขสวัสดีจากการร่วมทำบุญและสัมผัสวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ที่ชาวเมืองได้ร่วมกันรักษาไว้ได้อย่างน่าชื่นชม
แสดงความคิดเห็น