เป็นที่น่าสังเกตว่า นับตั้งแต่ตกเป็นข่าวกับนักแสดงหญิง "แอนนี่ รุ่งนภา บรู๊ค" ประเด็นหนึ่งที่ฝั่งกองเชียร์ของนักร้องในสังกัดอาร์เอสฯ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มักจะหยิบยกขึ้นมาเป็นความ "น่าเห็นใจ" ในตัวเขาก็คือการสูญเสียโอกาสในก้าวขึ้นไปเป็นศิลปินระดับเอเชียร์สตาร์ของนักร้องหนุ่มผู้นี้
      
        คำว่า "เอเชียร์สตาร์" ฟังแล้วอาจจะก่อให้เกิดอารมณ์หมั่นไส้ในความรู้สึกของใครหลายคน ทว่ามันคือความพยายามของต้นสังกัดของเขาจริงๆ โดยมีคำให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารค่ายอาร์เอสฯ 
"เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" ก่อนจะเกิดข่าวฉาวเป็นการยืนยัน
      
        "คือจริง ๆ ตอนนี้เรามีแผนที่สมบูรณ์แล้ว ก็ในเรื่องของฟิล์มกับพาทเนอร์เรา ในต่างประเทศ โดยให้ฟิล์มเป็นเอเชียสตาร์นะครับ ซึ่งทุกอย่างก็สมบูรณ์แล้ว ก็มีการเซ็นสัญญากับทางพาทเนอร์แล้ว ก็จะได้เริ่มเห็นตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป"
      
        ด้วยเป้าหมายที่ค่อนข้างใหญ่เช่นนี้ คำถามที่น่าสนใจก็คือ หากไม่มีเรื่องของนักแสดงหญิงเข้ามาเกี่ยวข้อง ด้วยศักยภาพและชื่อเสียงของนักร้องหนุ่มนั้นมีบารมีมากพอแล้วหรือที่จะดันให้เขาก้าวขึ้นไปสู่ยังจุดที่ว่า
      
        "ฟิล์ม คือศิลปินดังในประเทศไทย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคือนักแสดงแถวหน้า ด้วยผลงาน 2 อัลบั้มที่มียอดขายกว่า 1 ล้านก็อปปี้ เขาไม่เพียงเป็นนักร้อง แต่ยังมีงาน, แสดง, เป็นพิธีกร และงานโฆษณา นอกจากนั้นยังได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของประเทศไทย ในฐานะเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการขึ้นแสดงในช่วงของการเฉลิมฉลองกีฬาโอลิมปิก ปี 2008 ที่ปักกิ่ง"
      
        เป็นส่วนหนึ่งของคำบรรยายสรรพคุณของ ฟิล์ม ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Asia Song Festival ครั้งที่ 7 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ต.ค. 2010 ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เป้าหมายหลักที่ต้นสังกัดของเขาคาดหวังว่าจะทำให้นักร้องหนุ่มคนนี้ก้าวขึ้นไปเป็นศิลปินในระดับแถวหน้าของเอเชีย
      
        อ่านแล้วก็ต้องบอกว่าดูดี แถมเวทีนี้ยังมีศิลปินชื่อดังมากมายร่วมด้วย ทั้ง เรน, โบอา และ 2AM จากเกาหลีใต้, รวมไปถึง AKB48 จากญี่ปุ่น, จางเลี่ยงหยิ่ง จากจีน และโจเฉิง นักร้องหนุ่มคนดังแห่งไต้หวัน ทว่าคอนเสิร์ตรวบรวมนักร้องเอเชีย KOFICE (Korea Foundation for International Culture Exchange - องค์กรเกาหลีสำหรับการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนานาชาติ) ที่จัดกันมาตั้งแต่ปี 2004 นี้ต่างก็เคยมีศิลปินชาวไทยมากมายเคยมีส่วนร่วมด้วย อาทิ ปาล์มมี่ (2004), ลานนา คัมมินส์ (2005), แคทลียา อิงลิช (2006), กอล์ฟ ไมค์ (2007), เป๊ก ผลิตโชค และ ไอซ์ ศรัณยู (2008) และ K-Otic และต้องยอมรับว่าการไปแสดงแบบเป็นธรรมเนียมเช่นนี้ไม่สามารถสร้างชื่อให้หลงเหลือไว้สำหรับธุรกิจต่อยอดได้สักเท่าไหร่นัก
      
       
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น




เช่นเดียวกับการร่วมงานกับนักร้องสาวคนดังแห่งดิมกิมจิ "เจอา" จากวง Brown Eyed Girls เจ้าของเพลง Abracadabra อันโด่งดังที่ดูจะเป็นเส้นทางลัดซึ่งต้นสังกัดคิดว่าสามารถจะสามารถประทับชื่อของ 'ฟิล์ม รัฐภูมิ' ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากลได้บ้างนั้น ปรากฏว่าสื่อของเกาหลีดูจะให้ความสนใจรายงานความเคลื่อนไหวของศิลปินตนเองมากกว่า
      
        เช่น การมาทำงานที่เมืองไทย และความชื่นชอบในอาหารไทย ขณะที่ความคิดเห็นที่มีต่อนักร้องไทยนั้นจะหนักไปทางรูปโฉมภายนอกเสียส่วนใหญ่โดยบ้างก็ว่าเขามีหน้าตาที่คล้ายกับนักร้องนักแสดงเกาหลีใต้บางคน อย่าง ชเวซีวอน, คิมฮยองจุน, โชจีซบ
      
        ขณะที่บางคนถึงกับบอกว่า ฟิล์มดูหล่อกว่า แทคยอน แห่ง 2PM โดยที่ชาวต่างชาติที่พอรู้จัก และชื่นชอบในผลงานของนักร้องหนุ่มชาวไทยอยู่บ้างได้ยืนยันถึงเรื่องคุณภาพทางการร้องเพลงของเขาในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งเป็นภาษาอังกฤษว่า..."ฉันชอบการแสดงของเขานะ แต่ไม่ค่อยชอบเพลงของเขาเท่าไหร่ ถึงแม้ฉันจะไม่เข้าใจภาษาไทยเลยก็ตาม แต่ฉันชอบละครที่เขาแสดงมาก แต่จำชื่อเรื่องในภาษาไทยไม่ได้จำได้เฉพาะชื่อภาษาเขมร"
      
        นอกจากนี้ในส่วนของชาวไทยบางคนยังได้พยายามแนะนำนักร้องหนุ่มคนนี้ให้กับชาวต่างชาติโดยเฉพาะผู้ชื่นชอบเพลงเกาหลีใต้ ในเว็บไซต์ชื่อดัง Allkpop.com ที่ค่อนข้างจะรุนแรงว่าในการร้องเพลงของเขานั้นค่อนข้างจะห่วยแตกเลยทีเดียว
      
        "พูดตามความจริง ฟิล์ม ไม่ใช่นักร้องที่ยอดเยี่ยมอะไรที่จริงแล้วเขาเข้าขั้นห่วยแตกเลยด้วยซ้ำ เขาควรจะสานงานแสดงต่อไปมากกว่าจะกลับไปร้องเพลง หรืออย่างน้อยก็เปลี่ยนสังกัดไปอยู่กับ...ที่พอจะทำงานเพลงจริง ๆ อยู่บ้าง ไม่ใช่งานแบบที่อาร์เอสทำอยู่"
      
        ทั้งนี้ดูเหมือนว่าตัวของนักร้องหนุ่มเองก็พอจะรู้ว่าคำวิจารณ์ที่มีต่อตัวเขานั้นเป็นเช่นไรจากการให้สัมภาษณ์กับ BK Magazine ว่า เขาเชื่อในศักยภาพของศิลปินชาวไทยและคะแนนเหล่าเพื่อนพ้องในวงการ 10 เต็มสิบ แตกต่างจากภาคส่วนอื่นๆ ในวงการบันเทิง ตั้งแต่ สื่อ, บริษัท รวมไปถึงแฟนๆ ที่นักร้องหนุ่มคนดังให้คะแนนที่ 1 จากเต็ม 10 เท่านั้น
      
        พร้อมกันนั้นเจ้าตัวยังบอกด้วยว่า ในมุมมองเขาคนไทยไม่สนับสนุนศิลปินในประเทศของตัวเองเท่าไหร่นัก ซึ่งต่างไปจากประเทศที่เขาเคยไปเยือนที่สื่อจะให้การสนันสนุนศิลปินในประเทศตนเองอย่างเต็มร้อย เพราะผลประโยชน์ทั้งหมดอาจตกสู่ประเทศในแง่ของการดึงดูดนักท่องเที่ยวนั่นเอง
      
        อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องน่าสนใจทีเดียวว่าแท้ที่จริงแล้วการตกเป็นข่าวกับนักแสดงหญิงครั้งนี้ มันคือโอกาสที่เสียไป หรือ เป็นการได้มาซึ่งโอกาสในการโกอินเตอร์ที่บางคนอาจคิดว่าเป็นไปไม่ได้แล้วตั้งแต่ต้นกันแน่?
      
       
เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยกับการที่นักร้องสักคนหนึ่งจะสามารถยึดพื้นที่ข่าวหน้าหนึ่งนสพ.เกือบทุกฉบับของบ้านเราหลายต่อหลายวันได้เช่นนี้ แถมยังเป็นข่าวฉาวเหมือนเช่นที่วงการบันเทิงเกาหลีเองก็มีรายงานไม่เว้นแต่ละวันอีกต่างหาก

แสดงความคิดเห็น

 
Top