แร๊งส์! ตั้งแต่หนังสือยังไม่ทันจะเปิดตัว เพราะไปเขียนพาดพิงบุคคลอื่นในวงการบันเทิง จนหลายคนร่ำๆ จ่อจะฟ้องร้องนักปั้นดาราชื่อดัง “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” เจ้าของหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กอื้อฉาว “เอ ศุภชัย นักฉกไร้ยางอาย” ที่เพิ่งถือฤกษ์ดีวานนี้ (28 ต.ค.) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสืออย่างเป็นทางการที่ร้านบีทูเอส สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีดาราและเด็กในสังกัดมาร่วมแสดงความยินดีมากมาย อาทิ “ออย ธนา สุทธิกมล”, “กุ๊บกิ๊บ สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย” , “วิน ธาวิน เยาวพลกุล” , “โน๊ต วัชรบูล ลี้สุวรรณ” , “วิว วรรณรส สนธิไชย” ฯลฯ
ทั้งนี้ “เอ ศุภชัย” ได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่ทำพ็อกเก็ตบุ๊ก และเขียนพาดพิงถึงบุคคลอื่นว่า ตนได้รับการชักชวนจาก “ต้อย แอคเนอร์” และมีโกสต์ไรท์เตอร์เป็นผู้รวบรวมข้อมูลและเขียนให้ ด้วยความไว้ใจจึงไม่มีการตรวจสอบก่อน ทั้งที่ยังไม่ทราบเนื้อหาทั้งหมดในหนังสือ
“ที่ทำหนังสือคือมีคนชวนทำพ็อกเก็ตบุ๊กเยอะมาก พอดีพี่ต้อย (ต้อย แอคเนอร์)เป็นคนโทรมาแล้วขอว่า ให้ช่วยทำหนังสือเล่มนี้ให้พี่หน่อย ผมก็บอกว่าไม่มีเรื่องราวอะไรให้เขียน พี่ต้อยก็บอกว่าให้ผมไปคิดเรื่องมา ผมก็บอกว่าอยากทำเรื่องความงาม พี่ต้อยก็หายไปหนึ่งเดือนแล้วก็โทรกลับมาบอกว่า ถ้าพี่ทำเรื่องความงามหนังสือพี่เจ๊งแน่เลย (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นทางเดียวที่ทำได้เลยคือต้องทำเรื่องของตัวเอง มันมีทั้งเรื่องตลกขบขัน เรื่องต่างๆ ก็เลยโอเค แต่ว่าจะให้ผมเขียนเองไม่ได้นะ เพราะเราเขียนไม่เป็น พี่ต้อยก็บอกว่าเดี๋ยวนี้หนังสือเขาทำแบบระบบเมืองนอก ก็จะมีโกสต์ไรท์เตอร์ซึ่งพี่เขาจะเสิร์ชหาข่าวในอินเทอร์เนตทุกอย่าง แล้วก็จัดการหมดเลย”
“ผมก็ไม่ได้อ่านหนังสือเองมาก่อน ก็มีคนมาอ่านให้ฟังครับ แต่ก็ไม่ได้อ่านทุกตัวอักษร เพราะเราเป็นคนสมาธิสั้นอยู่แล้วเลยไม่ค่อยได้อ่านอะไรละเอียด บางทีสัญญานักแสดงยังอ่านไม่หมดเลย แค่เห็นตัวเลขก็เซ็นแหลกเลย (หัวเราะ)”
ออกตัวขอโทษ “โกโก้ นิรุณ ลิ้มสมวงศ์” นักปั้นคู่อริเก่า ที่ถูกตนพาดพิงถึงในพ็อกเก็ตบุ๊กและเตรียมจะฟ้องร้อง บอกให้คิดเสียว่าได้ทำบุญร่วมกัน
“ถ้ามีการพาดพิงถึงบุคคลอื่นๆ ผมในฐานะเจ้าของหนังสือถึงตัวเองจะไม่ได้เป็นคนเขียน ก็ต้องขอโทษคนที่เราพาดพิง ถือว่าขอโทษ ณ ตรงนี้แล้วกัน ถือว่าช่วยกันทำบุญ พี่เอก็ไม่ได้คิดว่าทำพ็อกเก็ตบุ๊กขึ้นมาเพื่อทำให้ตัวเองรวยขึ้นมามากกว่านี้ เงินที่ได้มาอยากให้คิดเสียว่า คนที่มีชื่ออยู่ในหนังสือเล่มนี้คือคนที่ร่วมกันทำบุญด้วยกัน”
“ที่โกโก้ไม่พอใจแล้วจะฟ้อง คือเรื่องนี้ก็ได้ทราบข่าวมาผมรู้สึกว่า ถ้าเราเป็นเขาก็คงไม่พอใจเหมือนกัน เพราะเรื่องมันจบไปนานแล้ว ทำไมต้องเอามาขุดลงในหนังสือ แต่อย่างที่บอกไปว่าหนังสือเขาเอาข่าวที่ผ่านมามาเขียนลง เราก็ไม่ทราบกระบวนการทำงานว่าต้องไปขออนุญาตยังไงหรือเปล่า หรือเป็นหน้าที่ของโกสต์ไรท์เตอร์ ผมก็ต้องกราบขอโทษแทนคนทำงานตรงนี้ด้วย ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความตั้งใจที่จะทำให้ใครเสียชื่อ เพียงแค่อยากให้หนังสือเล่มนี้อ่านแล้วได้อรรถรส แล้วก็ได้ทำบุญด้วยกัน”
“กลัวโดนฟ้องไหม เรื่องฟ้องร้องทุกคนก็กลัวเหมือนกันหมด ผมรู้สึกว่ามันมีอะไรก็พูดคุยกันได้ คิดว่าเราทำดีแล้ว ถ้าเขาติดต่อมาพี่ต้อยก็จะเป็นคนจัดการ ดำเนินการหมดเลย เพราะผมเองก็เป็นแค่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของหนังสือ แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อมาเลยนะ ก็ต้องออกตัวว่าขอโทษเขาไว้ก่อน ขอโทษแทนทุกๆ คนถ้าเกิดอะไรขึ้นมันก็คงเกิดจากความไม่ตั้งใจ บางครั้งตัวผมเองก็เป็นแค่คนบอกข้อมูลในบางเรื่อง ก็คิดว่าคงมีการขออนุญาตอะไรกันแล้ว บางอย่างมันจูนกันได้ปรับเข้าหากันได้ ทุกอย่างมันต้องหันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่จะทะเลาะหรือจะฟ้องร้องกัน ผมก็เข้าใจว่าต่างคนต่างทำงาน ถ้ามีอะไรที่พูดคุยกันได้ ปรับความเข้าใจกันได้ ก็อยากจะให้เข้าใจครับ”
“ทีแรกไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นปัญหาขนาดนี้ เพราะทางหนังสือเป็นคนทำ แต่ก็ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องช่วยกันแก้ไข เงินที่ได้จากการขายทั้งหมดก็บริจาคให้การกุศลหมดเลย มันจะได้สบายใจครับ ตัวเลขมันไม่รู้เท่าไหร่ ไม่ได้คิดว่าการทำหนังสือจะทำให้ผมรวยขึ้นมา แต่มันสบายใจที่ว่าเราไม่ได้เงินจากการทำหนังสือเลย จะได้บริสุทธิ์ใจ และสบายใจ”
ส่วนเรื่องที่ “พจน์ อานนท์” ใช้คำพูดรุนแรงในการปกป้อง “ฟิล์ม รัฐภูมิ” โดยซัดว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง “แอนนี่ บรู๊ค” เจ้าตัวยันไม่คิดโกรธ พร้อมยินดีหันหน้าคุยกับอีกฝ่าย
“สำหรับกรณีพี่พจน์ ผมว่าตอนนี้ในสถานะอารมณ์ของคนเรา บางทีมันเกิดจากความร้อน ทุกคนก็รักลูกตัวเอง ผมก็เข้าใจทุกอย่าง มันไม่ได้พูดคุยกัน มันก็ทำให้เกิดความเข้าใจผิด แต่ถ้าเราได้ปรับและพูดคุยซึ่งกันและกัน ผมคิดว่าปัญหามันก็ไม่เกิดขึ้น พี่พจน์ก็มีสิทธิ์ที่จะคิดหรือมีสิทธิ์ที่จะพูด แต่คงต้องรอให้ทุกอย่างเย็นลง รอให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น”
“ถ้าจะมีการคุยกันก็ยินดีนะครับ เพราะพี่พจน์ก็เป็นคนที่ผมรู้จัก บางทีเราอาจมีอารมณ์ แต่ถ้าเราร้อนตอบมันก็อาจเป็นผลที่ไม่ดี แต่ก็ไม่โกรธนะ ไม่เลย ถ้าโกรธเดี๋ยวมันก็พังเหมือนเขื่อน เหมือนกับว่าถ้าน้ำเชี่ยวเอาเรือไปขวาง เรือก็แตก เราต้องใจเย็นเวลาจะช่วยแก้ไขทุกอย่างได้เอง”
เผยยังติดต่อกับดาราหนุ่ม “จุ๊น กิติคุณ สัมฤทธิ์พันธุ์สุข” ที่ประกาศลาออกจากช่อง 3 แล้วหายหน้าหลบข่าวฉาวกรณีถูกต้องสงสัยเป็นพ่อของลูก “แอนนี่ บรู๊ค” พร้อมปัดเป็นกุนซือและหางานให้ “แอนนี่” ทำ
“ตอนนี้ก็คุยกับจุ๊นบ้าง เพราะหลังจากที่แถลงผมก็ไปอยู่เกาหลีตลอดเลย ก็ถามเขาบ้างว่ามีกระแสอะไรบ้างไหม น้องเขาก็บอกว่าสบายดี ตอนนี้ก็อยู่กับครอบครัวที่เมืองไทย สำหรับที่มีกระแสข่าวว่าวันนี้จะมีจุ๊นกับแอนนี่มา อ๋อ...ไม่มีครับ ไม่ได้มาตั้งแต่ตอนแรกแล้ว”
“กับข่าวว่าที่ว่าผมเป็นกุนซือให้แอนนี่ อันนี้ขอยืนยันว่าไม่จริงครับ (หัวเราะ) เพราะเวลาที่ผมต้องดูแลเด็กในสังกัดเกือบร้อยคน ก็ไม่มีอยู่แล้ว คงไม่มีเวลามาเป็นกุนซือให้กับทางน้องเขา ผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอย่ามาแตะเด็กผม คือน้องจุ๊น ถ้านอกเหนือจากเรื่องจุ๊นแล้ว ผมจะไม่เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้นเลย ให้เป็นเรื่องของพวกเขากันเอง หรืออย่างข่าวว่าผมช่วยหางานดูแลคิวให้แอนนี่ เรื่องนี้ก็ไม่จริงครับ ข่าวลือที่เกิดขึ้นบางเรื่องเขียนเป็นเรื่องราวใหญ่โต บางคนก็คิดได้ แต่ผมว่ามันเป็นบาป ถ้าสมมติว่ามีงานติดต่อมาทางผมให้น้องเขา ผมก็ยินดีนะครับ เพราะถือว่าอย่างน้อยก็ให้แม่เขาไปซื้อผ้าอ้อมให้ลูก ผมก็ยินดี แต่ตอนนี้ไม่มีครับ”
“ที่ผ่านมาก็ไม่มีใครติดต่อแอนนี่มาทางผมนะ แต่เท่าที่ทราบติดต่อมาทางเต๋า (อดีตนักข่าวทีวีพูล) เต๋าก็คุยมาทางเฮเลน (กะเทยจอมแฉดารา) แล้วเฮเลนก็ติดต่อมาทางแอนนี่ เท่าที่ผมทราบก็มีแค่นี้ แต่ผ่านมาทางผมไม่มีเลย แล้วหลังจากที่เกิดเรื่องก็พาคุณพ่อคุณแม่น้องอั้ม(พัชราภา ไชยเชื้อ)ไปเกาหลี ไปเที่ยวหลายวันแล้วก็เพิ่งกลับมาได้ 3วันเอง”
“แล้วที่บอกว่าที่จริงแล้วจุ๊นรู้จักกับแอนนี่ไม่ใช่แค่ผิวเผิน สำหรับเรื่องนี้ผมก็รู้แค่เท่าที่จุ๊นบอก นอกเหนือจากนี้ไม่ทราบครับ มันก็เหมือนกับที่จุ๊นแถลงไป วันนึงผมไปขอร้องกับคุณพ่อเขาว่า อยากให้จุ๊นเข้าวงการ เข้าไปกราบเข้าไปขอร้องท่าน แล้ววันหนึ่งวันที่ลูกท่านมีปัญหา คนที่จะยืนเคียงข้างเขาสักคนก็ไม่มี แล้วผมจะทิ้งเขาได้ไง ผมไม่คิดที่อยากจะยืนอยู่ใกล้คนที่รับรางวัลเซ็กซี่สตาร์ของเมืองไทย ดาวรุ่งชายยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายดีเด่นอย่างเดียว วันหนึ่งที่คุณโดนเชิญลงออกจากเวที หรือวันที่คุณมีปัญหา ผมก็จะยืนอยู่เคียงข้างคุณ ในวันที่เขาแถลงข่าวเราก็ขอยืนเคียงข้าง ไม่ใช่แค่จุ๊นคนเดียว คนอื่นผมก็จะเป็นแบบนี้ อย่างน้อยผมก็ถือว่าผมเป็นครอบครัวของเขา”
ยันกรณี “จุ๊น” หักหน้า "สมรักษ์ ณรงค์วิชัย" ผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการช่อง 3 ไม่ส่งผลกระทบต่อเด็กในสังกัดคนอื่น
“ถามว่ามีผลกระทบกับช่อง 3ไหม มันก็มีครับเป็นเรื่องของรายได้ แต่ก็ที่น้องเขาทำแบบนั้น เพราะว่าอยากให้ช่อง 3 สะอาดบริสุทธิ์ เขาไม่อยากทำให้ช่องมีมลทิน เขาเลยตัดสินใจพูดออกมา กับเรื่องข้อมูลที่พูดไม่ตรงกันกับผู้ใหญ่ มันก็ไม่ได้มีผลอะไรมาก เพราะผมไม่ได้พูด จุ๊นเป็นคนพูด ผมกับพี่สมรักษ์ (สมรักษ์ ณรงค์วิชัย)หรือทางผู้ใหญ่ทางช่อง 3 เรารักกัน ทุกคนก็ทำงานด้วยกัน หน้าที่ของเราก็ทำงานให้ดีที่สุด ถามว่าเรื่องจุ๊นส่งผลกระทบต่อดาราคนอื่นๆ ที่จะเข้าช่อง 3 ไหม ก็ไม่มีครับ ไม่มีเลย เมื่อวานผมเพิ่งไปหาพี่สมรักษ์ ก็ไปพูดคุยกันก็ยกหูโทรคุยกันตลอด”
ลั่นไม่เคยฉีกสัญญากับพระเอกหนุ่มสุดฮอต “มาริโอ้ เมาเร่อ” เพราะไม่มีการเซ็นตั้งแต่แรก ทั้งยังยอมรับชอบใช้คำพูดรุนแรงกับเด็กในสังกัด
“ส่วนข่าวที่ว่าผมกับมาริโอ้ฉีกสัญญากัน ไม่เลยครับ ผมกับมาริโอ้ไม่เคยเซ็นสัญญากันเลย ยังยืนยันตามเดิมว่า ยังดูแลกันเหมือนญาติ ไม่เคยมีสัญญาอะไรกัน”
“แล้วเรื่องที่ว่าผมใช้คำรุนแรงกับเด็กในสังกัด คือมันก็ต้องมีบ้างยอมรับ และพูดตรงๆ เลยว่าบางครั้งก็มีคำพูดที่ดุและก็แรง เหมือนเราดูแลลูก บางครั้งถ้ามันทำผิด ถ้าทำผิดครั้ง 1-3 ก็ให้อภัย แต่ครั้งที่ 4 ก็คงต้องตักเตือน ตักเตือนไม่ได้ก็ต้องตี เอากันแบบแมนๆ เลย ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ท้าต่อยกันเลย เราไม่ได้คิดอย่างอื่นไปนอกจากว่าให้เขาได้ดี เป็นตัวอย่างที่ดีต่อสังคม ส่วนมากก็จะเป็นเรื่องนอนตื่นสาย เรื่องเกเร ไม่ไปเรียนหนังสือ อย่างค่าเทอมผมก็เป็นคนจ่ายหมดนะ บางคนก็ไม่ได้มีเงิน ส่งเรียนมหาวิทยาลัยแต่ก็ไม่ไปเรียน มันก็ต้องมีการตีการตักเตือน พ่อแม่เขาก็ต้องรับรู้ ไม่ใช่เรารับรู้อยู่ฝ่ายเดียว แต่นี่เขาจะเป็นแบบน้องๆ ที่กำลังฝึกหัดให้เป็นนักแสดง”
“ส่วนเรื่องที่ว่ามีคนใกล้ชิดตัวผมเป็นคนปล่อยข่าว ความจริงมันก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ปล่อยข่าวแบบนี้ได้ก็ต้องใกล้ชิดได้ ลูกน้องที่อยู่กับผมทุกวันนี้ มันยังพูดถึงผมลับหลังเลย ยังนินทาเรา แต่ก็ช่างมันเถอะมันพูดถึงก็ยังดีกว่ามันไม่พูดถึง เขาว่าคนรักเท่าผืนหนังคนชังเท่าผืนเสื่อ มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีคนมาว่าเรา แต่เราก็ต้องทำตัวเองให้ดีที่สุดหนักแน่น”
ปัดทะเลาะเด็กในสังกัดอย่าง “มิ้นท์ ณัฐวรา วงศ์วาสนา” ที่แอบกิ๊กกินกันเองกับ “หมาก ปริญ สุภารัตน์” ทำให้นางเอกหน้าใหม่ต้องหอบผ้าผ่อนหนีออกจากบ้าน
“ส่วนกรณีน้องมิ้นท์หอบผ้าออกจากบ้าน คือผมมีน้องสาวชื่อแอลเปิดร้านขายยา แอลอยู่คนเดียว ผมก็เลยบอกมิ้นท์ว่าถ้าอย่างนั้นให้ไปอยู่เป็นเพื่อนน้องแอล แอลก็อายุ 30 กว่าแล้ว ก็น่าจะดูแลมิ้นท์ได้ แล้วก็มีแม่บ้านอีกหนึ่งคน น้องมิ้นท์ก็ไปๆ มาๆ กับบ้านผม เพราะบ้านใกล้กัน เรื่องทะเลาะกันไม่มีครับ ตอนที่ป่วยที่เชียงใหม่น้องเขาก็ไปเฝ้าอยู่เหมือนกัน”
“ถามว่าเกี่ยวกับเรื่องกิ๊กกับหมากหรือเปล่า อันนี้ไม่เกี่ยวครับ มิ้นท์กับหมากบอกผมว่าเป็นเพื่อนกัน ผมก็เคยเรียกเขามาถาม ก็เห็นว่าเขาเป็นเพื่อนกันจริง เราก็เลยช่างเขาเถอะ แต่ไฟกับน้ำมันบางทีมันใกล้กันบ้างก็อาจจะมี แต่เราพยายามทำยังไงที่จะทำให้เขามองเห็นว่า ถ้าเขากิ๊กกันจริงๆ คุณคบกันเป็นแฟน แล้ววันหนึ่งต้องเลิกแต่ยังต้องเล่นละครด้วยกัน แล้วก็มองหน้ากันไม่ติด มันก็จะมีปัญหาตามมา คือผมเห็นมาหมดแล้วก็สอนให้เขาได้รับรู้ แต่เขาจะทำตามหรือไม่ก็อีกเรื่อง”
“มีออกกฎห้ามเด็กรักกันไหม ก็มีนะ เพราะผมก็พูดว่าไม่อยากให้เด็กในสังกัดรักกันเอง เพราะกลัวปัญหาเกิดขึ้น แต่ของแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ บางทีผมอาจจะห้าม แต่ถ้าเขาจะแอบคบกันมันก็เป็นเรื่องของเขา แต่ผมถือว่าไม่รู้ ถ้ารู้ผมก็แรงใส่เหมือนกัน(หัวเราะ)”
แสดงความคิดเห็น