“ชายแฮ็คส์” ยื่นจดหมายร้องกองปราบเร่งรัดคดี พร้อมนำเจ้าหน้าที่บุกสถานีเคเบิ้ลทีวีของตน หลังถูกอดีตหุ้นส่วนนำชายชุดดำอ้างเป็นทหารศอฉ.บุกยึด แถมยังทำกร่างต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ผลักอกสื่อมวลชนห้ามถ่ายภาพ หวิดเกิดการปะทะ “ชายแฮ็คส์” ลั่นแค่ต้องการเอาของใช้ส่วนตัวคืน ไม่ซีเรียสสถานีถูกยึด เพราะมีคู่สัญญาณที่เพิ่งเปิดใหม่รองรับการออกอากาศวันที่ 1 พ.ย.อยู่แล้ว เผยยินดีจ่ายหนี้สินจำนวน 1 ล้านบาท แต่รับไม่ได้กับการกระทำของอีกฝ่ายที่มาบุกยึดสถานีเช่นนี้

กลายเป็นเรื่องใหญ่โตร้อนต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากกองปราบปรามอีกรอบ สำหรับอดีตนักปั้นดารา “ชาย ปารย์ธันย์ ทวีศรีธนโชค” หรือที่รู้จักกันในนาม “ชายแฮ็คส์” ที่ถูกอดีตหุ้นส่วนทำสถานีเคเบิ้ลทีวี "จ.ต.รัชต ปัทมาลัย" นำกำลังชายในชุดดำอ้างตัวเป็นทหารของศอฉ. มาปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเอฟทีวีทำให้ไม่สามารถออกอากาศได้ตามปกติ พร้อมข่มขู่ทำให้เกิดความเสียหาย ในฐานะผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องเอเอฟทีวี เอเชียแฟมิลี่ ชายแฮ็คส์จึงได้เดินทางมาร้องเรียนแจ้งความกับกองปราบพร้อมกับทนายเมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุดวานนี้ (30 ต.ค.) ชายแฮ็คส์พร้อมทนายความส่วนตัวได้เดินทางมายังกองปราบ เพื่อยื่นหนังสือเร่งรัดคดีและให้ออกหมายจับอดีตหุ้นส่วนที่นำกำลังชายชุดดำที่อ้างตัวเป็นศอฉ.มาข่มขู่ทีมงานและปิดสถานี โดยมีพันตำรวจเอก สุพิศาล ภักดีนฤนาถ เป็นเจ้าหน้าที่รับเรื่องไว้ ซึ่งระหว่างเจรจากกับเจ้าหน้าที่ชายแฮ็คส์ได้หลั่งน้ำตาหลายครั้งเพราะรู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหลังจากเจรจาเสร็จ ชายแฮ็คส์ก็ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าว ก่อนที่จะพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมที่ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว101ว่า...

 “พวกชุดดำก็ยังอยู่กันที่เดิม วันนี้เราแค่มาขออำนาจจากศาล เราไม่ไปยื้อแย่งอะไรอยู่แล้ว จะมาเถียงกันมันก็เถียงกันไม่จบ เราใช้ความถูกต้องตามกฎหมายดำเนินไปตามคดี ตัวชายเองคือทรัพย์สินของเราก็ไปอยู่ตรงนั้นทั้งหมด ก็มากองปราบเพื่อที่จะมาขอให้ทางกองปราบมาช่วยควบคุมดูแล ในเรื่องของการย้ายของของเราออกมา เป็นเพราะเขาไม่ยอมให้เราเข้าไปเอาไง เลยต้องมาแจ้งกับทางกองปราบ เพราะในนั้นบางส่วนมันก็มีทรัพย์สินส่วนตัวของเราอยู่ เนื่องจากตัวเราเองได้ไปอาศัย กินนอนอยู่ตรงนั้น ส่วนอุปกรณ์และอะไรต่างๆ ที่อยู่ในกระบวนการตัดสินก็ว่ากันไป แต่ของเขาไม่ได้ใช้กระบวนการตัดสิน เขาใช้อำนาจมืดมาบังคับขู่เข็ญเอาเลย”

“ถ้ามองตามหลักความเป็นธรรมแล้ว คิดว่าถ้าเราโกงเขามาจริง ทำไมเขาไม่ดำเนินคดีเราตามกฎหมาย แต่มาใช้วิธีอย่างนี้มันก็ไม่ถูกต้อง ตอนนี้ในเรื่องของการรันงานต่างๆ ในสถานี ความจริงแล้ววันที่ 1 พ.ย.นี้ทางสถานีเราจะมีการยิงไทยคม 5ระบบฟรีแบนกับทางเอบีทีวีกับทางเนชั่นช่อง 10 อยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ทางเอบีทีวีก็ให้ความช่วยเหลือในข้างต้นก่อน เพื่อให้ทุกอย่างสามารถดำเนินการได้ตามปกติ เพราะการทำงานหรือแม้ผู้สนับสนุนรายการ หรือแม้กระทั่งกระบวนการผลิตที่เราได้สร้างขึ้นมา อันนี้ชายมองว่ามันเป็นอีกประเด็นนึง คือต่อให้เขาเอาอุปกรณ์ต่างๆ ไป เราก็ต้องเริ่มต้นใหม่ที่จะหาสิ่งต่างๆ เอามาลงในคอนเท้นท์ของเขา ซึ่งมันก็ไม่เกี่ยวกับเราอยู่แล้ว”

“แต่เราเพียงต้องการมาร้องขอความเป็นธรรม แจ้งความดำเนินคดี ซึ่งตอนนี้ข้าวของของชายถูกรื้อทิ้งกองไว้ มันดูแรงเกินไปสำหรับการที่จะมาทำกันแบบนี้ เรื่องสถานีเราไม่ได้มายด์เลยตรงนั้น เพราะเราก็มีระบบคู่สัญญาณคือเอบีทีวีอยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวกันอะไรกับที่เขามาอ้างกรรมสิทธิ์ และเขาเองก็ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้ว”

รับในส่วนที่ติดหนี้ 1 ล้านบาทเจ้าตัวยินดีจ่าย แต่ไม่ชอบใจการกระทำที่ใช้อำนาจมืดมาบุกยึดสถานีของตน

“เรื่องของหนี้เราก็บอกกับเจ้าของหนี้ให้มารับกับเราตั้งแต่ทีแรก เราก็รอระยะเวลาว่าเมื่อไหร่เจ้าหนี้จะมาดำเนินการ ล่าสุดเขาก็บอกว่ากำลังร่างอยู่เพื่อให้เรารอมาชำระหนี้ยังไง แต่อยู่ดีๆ ตั้งแต่เรามาบริหารไปตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.ทางคุณรัชตก็มาบอกว่าได้ชำระหนี้มาหมดแล้ว แล้วก็มาขอยึดสถานีเอาซะดื้อๆ ซึ่งมันก็งง เพราะเขาไม่ได้มาแจ้งให้เรารู้ล่วงหน้า”

“คือเรื่องของเจ้าหนี้โอเคมันไม่เกี่ยวกับเรา แต่ในกระบวนการที่เขาทำด้วยการมาคุกคามอย่างนี้ มันไม่ถูกต้องตามกฎหมายไง คือถ้าคุณทำถูกจริง ถ้าคุณทำตามขั้นตอนจริง ทำไมคุณต้องพึ่งการกระทำที่มันนอกเครื่องแบบ ที่เขาเอาศอฉ.มาแอบอ้าง ยังไงชายก็เรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบแน่นอน ตอนนี้ทางกองปราบฯก็ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งเราเองก็พูดความจริงมาตั้งแต่เริ่มต้น เราไม่ได้บิดพลิ้วตรงไหน เรามีเอกสารหมด เราเป็นหนี้ก็ยอมรับและบอกว่าเราเป็นหนี้”

อย่างไรก็ตามภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางเข้าไปยังที่ตั้งของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องเอเอฟทีวี เอเชีย แฟมิลี่ พร้อมบรรดาสื่อมวลชนที่มาร่วมทำข่าว ทันทีที่เจ้าหน้าที่ของทางสถานีท่านนึงเห็นว่ามีการบันทึกภาพ เจ้าตัวถึงกับปัดกล้องพร้อมผลักอกช่างภาพเพื่อไม่ให้บันทึก จนหวิดเกิดการปะทะกันขึ้นต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ

แสดงความคิดเห็น

 
Top