ไม่ว่าจะกี่สูตรลดความอ้วน โปรแกรมไดเอตแจ๋ว ๆ สักกี่แผน ก็เอาความอ้วนที่มีไม่อยู่ สาวคนไหนเจอปัญหาลดน้ำหนักไม่สำเร็จสักทีแบบนี้ มาเจาะลึกเพื่อหาผู้ร้ายตัวจริงที่ทำให้เราลดความอ้วนไม่ได้ตามเป้ากันดี กว่า
รู้ทั้งรู้ว่า ลดความอ้วนไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่สาว ๆ หลายคนก็อดใจไม่ไหวกับของหวาน น้ำอัดลม ชาไข่มุก และเค้กยามบ่ายจริงไหมคะ ดังนั้นก็คงไม่ต้องแปลกใจที่จะมีสัดส่วนอวบอั๋นเกินความต้องการไปสักหน่อย แต่ถ้าตอนนี้ใครกลับใจมาลดน้ำหนัก กระชับทรวดทรงให้สุดเป๊ะ แต่จนแล้วจนรอดตัวเลขบนตาชั่งก็ไม่น้อยลงกว่าเดิมสักที สัดส่วนก็ไม่ได้เล็กกระชับได้อย่างที่หวังไว้ นั่นอาจจะเป็นเพราะคุณหล่อเลี้ยงความอ้วนไว้ด้วยคำโกหกตัวเองเหล่านี้อยู่ หรือเปล่าเอ่ย ?
1. กินอาหารไดเอตมาทั้งสัปดาห์ วันหยุดจะจัดเต็มบ้างคงไม่เป็นไร
อ๊ะ อ๊ะ อย่าคิดนะคะว่า การทุ่มเทควบคุมอาหารตั้งแต่วันจันทร์ตลอดจนวันศุกร์ ก็น่าจะเพียงพอให้น้ำหนักลดไปได้บ้างแล้ว พอถึงวันสุดสัปดาห์เลยจัดซะเต็มที่ น้ำหวาน อาหารบุฟเฟต์ บุกตะลุยกินไม่ยั้ง แล้ววันจันทร์ค่อยมาเริ่มควบคุมอาหารกันใหม่ ใครที่มีพฤติกรรมลดน้ำหนักแบบนี้อยู่ บอกได้เลยว่า ผอมยากจ้า นั่นก็เป็นเพราะร่างกายของเราไม่ใช่ธนาคาร หรือหีบสมบัติสักหน่อยนี่คะ อาหารที่เรากินเข้าไปแต่ละอย่างในวันนั้น ร่างกายก็จะได้รับแคลอรี่เต็ม ๆ ไม่มีการผ่อนปรน หรือโอนถ่ายแคลอรี่ไปใช้ในวันอื่น ๆ ได้ตามใจ คราวนี้ไขมัน น้ำตาล แป้ง ที่สะสมอยู่ในร่างกาย ก็จะเแปรสภาพเป็นพุงกะทิ และชั้นไขมันหนาเตอะทันที
2. ระบบเผาผลาญไม่ดี
กลายเป็นข้ออ้างอันดับต้น ๆ ของคนที่ลดน้ำหนักล้มเหลวเลยก็ว่าได้ ทั้งที่จริงแล้ว ร่างกายของเรามีระบบเผาผลาญในระดับปกติกันมาตั้งแต่เกิด ยกเว้นแค่คนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง แต่ส่วนใหญ่ที่ลดน้ำหนักกันไม่ได้ตามเป้า ก็เป็นเพราะพฤติกรรมชอบกินน้ำหวาน และน้ำตาลของตัวเองต่างหาก ที่ไปกระทบกับฮอร์โมนในร่างกาย ส่งผลให้ระบบเผาผลาญติดขัด ทำงานได้ไม่เต็มที่ แคลอรี่ในร่างกายก็เลยไม่ได้ถูกกำจัดออกไปมากเท่าคนที่ดูแลตัวเองดี
3. ไดเอตบ้าง กินบ้าง ไม่ทำให้น้ำหนักขึ้นเท่าไรหรอก
สำหรับสาวที่เห่อไดเอตเป็นพัก ๆ ตามใจปากเป็นหน ๆ เพราะคิดว่าคงไม่ทำให้น้ำหนักและทรวดทรงต่างไปจากเดิมเท่าไร ลองคิดดูใหม่ดีกว่าค่ะ เนื่องจากพฤติกรรมไดเอตตามอำเภอใจอย่างที่กล่าวไป ไม่เพียงแต่ทำให้คุณไขว้เขว ไม่มีความหนักแน่นกับการลดน้ำหนักเท่านั้น แต่ร่างกายก็อาจจะปรวนแปร สับสนในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน สุดท้ายก็เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง สร้างความรู้สึกเสพติดของหวานตลอดไป
4. งดมื้อเช้า จะได้ลดแคลอรี่
การพลาดมื้ออาหารไปสักมื้อไม่ได้ทำให้คุณผอมลงแต่อย่างใด แต่มันกลับทำให้คุณรู้สึกหิวโหย เพราะกระบวนการเผาผลาญในร่างกายเกิดรวนขึ้นมาต่างหาก ไม่เชื่อก็ลองสังเกตดูสิว่า วันไหนที่คุณอดมื้อเช้า คุณจะรู้สึกอยากกินน้ำหวาน และช่วงบ่ายก็จะหิวจนต้องหาขนมมากินจนได้รับแคลอรี่คูณสองเลยทีเดียว
5. กินคำสองคำ ไม่เป็นไรหรอกน่า
เค้กหน้าตาน่ากิน หรืออาหารจานโปรดที่วางอยู่ต่อหน้า ขืนคุณได้ตักมากินสักคำสองคำโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ คำที่สามที่สี่ และคำต่อ ๆ ไปก็จะตามมา คราวนี้ก็อย่าปรี๊ดแตกเวลาขึ้นชั่งน้ำหนักล่ะ
6. ออกกำลังกายเป็นประจำ ก็กินได้อีกเยอะ
แม้จะขยันออกกำลังกายเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ไม่ยอมควบคุมอาหารเลยสักนิด หนำซ้ำยังจัดเต็มกว่าเดิมอยู่บ่อย ๆ ก็การันตีได้เลยว่าคงไม่ผอมได้ง่าย ๆ นะจ๊ะ เพราะการออกกำลังกายช่วยเผาผลาญพลังงานให้คุณได้ก็จริง แต่ก็เน้นหนักไปในทางเปลี่ยนไขมันเป็นกล้ามเนื้อ และให้ร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ไม่ได้เบิร์นไขมันส่วนเกินได้เยอะขนาดที่คุณหวังไว้
7. จัดเต็มอาหารเสริมแล้ว กินอาหารขยะได้ตามสบาย
ใครที่คิดว่ากินอาหารเสริม ตัวดักไขมันเข้าไปแล้ว ก็สามารถกินของทอด และอาหารขยะได้ตามสบายหายห่วง ต้องบอกตรงนี้เลยว่า คิดผิดถนัดค่ะ เพราะต่อให้อาหารเสริมจะดีเลิศ ราคาแพงแค่ไหน ยังไงก็ไม่มีทางเข้ากันได้กับโมเลกุลในร่างกายของเรา ฉะนั้นจะหวังผลตามคำโฆษณา ก็อาจจะเป็นแค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ
8. ลดความอ้วนเหรอ พรุ่งนี้ละกัน
กว่า 80 % ของคนอยากผอม เคยผ่านการพูดประโยคนี้มาแล้วแทบทั้งสิ้น และสุดท้ายก็ยังคงเป็นแค่คนที่อยากผอมมาจนทุกวันนี้ยังไงล่ะ ฉะนั้นหากอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ต้องไม่มีคำว่าพรุ่งนี้นะจ๊ะ
ผู้ร้ายตัวจริงที่ทำให้การลดน้ำหนักของเราไม่เป็นผล แถมยังเหนื่อยเปล่าก็คือตัวเราเองนี่ล่ะเนอะ ดังนั้นถ้าตั้งใจอยากจะผอมจริง ๆ ก็ควรต้องละทิ้งข้ออ้าง และการหลอกตัวเองแบบนี้ไปให้หมดนะคะ แล้วคราวนี้รับรองว่าคุณจะผอมสวย เปลี่ยนเป็นคนละคนจนใครเห็นก็ต้องตะลึง !
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
แสดงความคิดเห็น