บัตรเหล่านี้ก็เหมือนดาบสองคม แล้วเราจะใช้จ่ายอย่างไรให้ปลอดภัย

การใช้บัตรเครดิตให้ปลอดภัย (© Getty Images)

การใช้บัตรเครดิตให้ปลอดภัย (© Getty Images)

การใช้บัตรเครดิตให้ปลอดภัย (© Getty Images)

การใช้บัตรเครดิตให้ปลอดภัย (© Getty Images)

วิธีการใช้บัตรเครดิตอย่างปลอดภัย

  • เซ็นชื่อหลังบัตรทันทีที่ได้รับบัตรมาใหม่
  • รักษาบัตรของท่านเสมือนเป็นเงินสด
  • ไม่ควรเขียนหรือเก็บรหัสไว้รวมกับบัตร
  • ตรวจดูให้แน่ใจว่าได้รับบัตรคืนหลังการใช้ทุกครั้ง
  • หากเป็นไปได้ ควรให้บัตรอยู่ในสายตาตลอดเวลาในขณะที่ร้านค้ากำลังดำเนินการขออนุมัติวงเงิน 
  • ตรวจสอบ Sales Slip ทุกครั้งว่าจำนวนเงินถูกต้องหรือไม่ก่อนเซ็นชื่อ และเก็บสำเนา รวมทั้งใบบันทึกรายการ ATM ไว้ทุกครั้ง
  • ไม่ควรบอกรหัสบัตรของท่านกับใครทางโทรศัพท์
  • ควรตรวจสอบใบแจ้งยอด ค่าใช้จ่ายของบัตรทุกครั้ง โดยเฉพาะหลังจากการเดินทาง โดยตรวจสอบจำนวนเงินในแต่ละรายการเทียบกับสำเนา Sales Slip ควรบันทึกหมายเลขบัตรแต่ละใบ รวมทั้งหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อกรณีฉุกเฉิน เช่น บัตรหาย หรือ ถูกโจรกรรม และเก็บแยกไว้ต่างหาก
  • หากรู้สึกว่าพนักงานขายทางโทรศัพท์คะยั้นคะยอขอหมายเลขบัตรเครดิตของท่าน ให้สงสัยไว้ก่อนและปฏิเสธไป
  • ไม่ควรเปิดเผยข้อมูล ส่วนตัวใดๆ ของท่านกับใครขณะใช้บัตรเครดิต และแสดงบัตรประชาชนหรือเอกสารอื่นๆ เมื่อท่านเห็นสมควรว่าจำเป็นเท่านั้น 
  • ไม่ควรเปิดเผยรหัสบัตรของท่านกับใคร ท่านควรเป็นผู้เดียวที่รู้
  • ในการ ตั้งรหัสบัตร พยายามเลือกรหัสที่ท่านสามารถจำได้ง่าย แต่ไม่ควรใช้ตัวเลขที่ผู้อื่นอาจเดาได้ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ วันเกิด ทะเบียนรถ เป็นต้น
  • หาก บัตรของท่านติดอยู่ในเครื่อง ATM ควรระวังผู้ที่แสดงความหวังดีเข้ามาช่วยเหลือ เพราะผู้ที่มาช่วยอาจแฝงด้วยเจตนาที่ไม่ดีและอาจใช้วิธีการต่างๆ เพื่อล่วงรู้รหัสบัตรของท่าน แล้วอาจนำบัตรของท่านที่ค้างอยู่ในตู้ ATM มากดถอนเงินในภายหลัง อย่าชะล่าใจ…ภัยทุจริตบัตรเครดิต
    คณะทำงานป้องกันทุจริตบัตรเครดิต ชมรมธุรกิจบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย ได้แจ้งประกาศเตือนภัย ผู้ถือบัตร คนไทยที่ใช้บัตรเครดิต ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย เนื่องจากมีปัญหาอาชญากรรมด้านบัตรเครดิตค่อนข้างรุนแรง หรือพูดง่ายๆ ก็คือมีอัตราการทุจริตจากการใช้บัตรเครดิตที่สูงมากในขณะนี้ หากไม่นับรวมกรณีที่ผู้ถือบัตรเจตนาทำทุจริตเสียเอง ลักษณะการทุจริตบัตรเครดิตประเภทต่างๆ เท่าที่มีการติดตามรวบรวมสถิติกันไว้พอจะ สรุปได้ ดังนี้
    1. ผู้ถือบัตร ทำบัตรเครดิตหล่นหาย หรือลืมบัตรไว้ที่ร้านค้าที่ไปซื้อสินค้าหรือใช้บริการโดยไม่รู้ตัว และที่สำคัญไม่ทันได้แจ้ง อายัดบัตรโดยทันที พอมีคนเก็บบัตรได้ก็นำไปใช้ในทางทุจริต เช่น ปลอมลายเซ็นในเซลสลิป หรือนำบัตรไปใช้จ่าย ในจำนวนเงินไม่สูงนักต่อครั้ง
    2. บัตรเครดิตถูกขโมยทั้งกรณี ที่ถูกขโมยก่อนส่งให้เจ้าของบัตร และกรณีที่ผู้ถือบัตรถูกโจรกรรมหรือล้วงกระเป๋า หลังจากที่ได้ รับบัตรแล้ว ซึ่งทั้งสองกรณีเป็นการทุจริตที่มีความเสียหายสูงมากในขณะนี้ สำหรับเทคนิคการทุจริตโดยนำบัตรที่ถูกขโมยไปใช้ ที่พบเห็นส่วนใหญ่จะเป็นการปลอมลายเซ็นในเซลสลิป หรือไม่ก็สมรู้ร่วมคิดกับร้านค้าสมาชิกให้ใช้บัตรโดยมิชอบ
    3. การขโมยข้อมูลบัตรเครดิตไปทำการปลอมแปลง ซึ่งการทุจริตประเภทนี้มีมากในแถบเอเชียเช่นมาเลเซีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น

    4. วิธีการก็มีตั้งแต่ง่ายๆ เช่น นำบัตรเครดิตที่หมดอายุ หรือถูกอายัดแล้วมาแก้ไขข้อมูลใหม่ ไปจนถึงวิธีที่ต้องใช้อุปกรณ์ไฮเทคหน่อยเข้าช่วย เช่น ทำบัตรปลอมโดยการสำเนาข้อมูลในแถบแม่เหล็กจากบัตรจริง เป็นต้น
    5. ร้านค้าทุจริต เช่น ร้านค้าแก้ไขตัวเลขจำนวนเงินในเซลสลิป ร้านค้าเจตนารูดบัตรทำรายการหลายครั้ง ร้านค้าขายสินค้า แพงเกินกว่าที่เป็นจริงหรือ สินค้ามีคุณภาพต่ำกว่าที่ได้ตกลงกัน ร้านค้าไม่จัดส่งสินค้าไปให้แก่ลูกค้าตามกำหนดเวลาที่ได้ ตกลงกันไว้ เป็นต้น
    6. คำแนะนำที่น่าสนใจของชมรม ธุรกิจบัตรเครดิตก็คือ ให้พยายามหลีกเลี่ยงการใช้บัตรเครดิตกับร้านค้าที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ร้านดิวตี้ฟรีช็อป (ร้านค้าขายของปลอดภาษี) ของประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ร้านขายจิวเวลลี่ราคาแพงที่เน้นขาย เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูกในประเทศเกาหลีและไต้หวัน ร้านอาหารในโรงแรม หรือร้าน ที่เปิด ดำเนินกิจการเฉพาะในตอนกลางคืน เป็นต้น
    7. แต่ถ้าหากจำเป็นต้องใช้บัตรเครดิตชำระ ค่าสินค้าหรือค่าบริการในร้านค้าที่มีความเสี่ยงก็ต้องหัดเป็นคนช่างสังเกต เสียหน่อย รวมทั้งควรติดตามพนักงานขายไปจนถึงเคาน์เตอร์แคชเชียร์เลยเพื่อให้มั่นใจว่า ไม่มีการนำบัตรเครดิตไปรูดกับเครื่องอย่างอื่น นอกจากเครื่องอนุมัติวงเงินของแบงก์เท่านั้น หรือไม่ได้มีการรูดบัตรทำรายการซ้ำหลายครั้ง
    8. ต้องตรวจสอบหมายเลขบัตร ชื่อผู้ถือบัตร และยอดเงินในเซลสลิปว่าถูกต้องหรือไม่ก่อนลงลายมือชื่อ
    9. นอกจากนั้นผู้ถือบัตรควรจดหมายเลขบัตรเครดิต และหมายเลขโทรศัพท์ของแบงก์ผู้ออกบัตรติดตัวเอาไว้ด้วยหากทำบัตรหล่นหายหรือ บัตรถูกขโมยหรือสงสัยว่าบัตรของตนเองจะถูกทุจริตจะได้สามารถแจ้งอายัดบัตร ได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นเวลาใด ตลอด 24 ชั่วโมง

แสดงความคิดเห็น

 
Top