หน้าร้อน รักษาสิวผดอย่างไรให้ได้ผลสิวผด

 

สิวผด เป็นหนึ่งในปัญหาเรื่องสิวๆ ที่คุณสาวๆส่วนใหญ่ต่างต้องเคยสัมผัสกับความน่ารำคาญของมันกันมานักต่อนัก แล้ว ซึ่งเจ้าสิวผดนี่จะออกมาวาดลวดลายทวีจำนวนแผลงฤทธิ์มากขึ้นเป็นพิเศษในช่วง หน้าร้อนที่มีแสงแดดแรงกล้า
ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมตัวคุณสาวๆ พร้อมในการดูแล และรักษาผิวหน้าให้ห่างไกลจากสิวผด จึงอยากให้คุณสาวๆอ่านทำความเข้าใจบทความชิ้นนี้ ซึ่งกำลังจะสอนทุกสิ่งทุกอย่างในการรับมือเจ้าสิวผดให้กับตัวคุณ

ลักษณะของสิวผด

สิวผด หรือ สิวเทียม (Acne Aestivale) มักจะมีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ  ซึ่งมักชอบขึ้นอยู่ใกล้ๆกันเป็นจำนวนมากๆ หากมองดูเผินๆจะคล้ายกับผื่น มักจะขึ้นบริเวณหน้าผาก ถ้าหากเกิดการอักเสบขึ้น สิวผดจะกลายเป็นสีแดง และในบางครั้งอาจจะกลายเป็นหนองอีกด้วย
สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวผด สิวผด สามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักที่จะเกิดขึ้น จากสาเหตุดังต่อไปนี้
  1. การล้างหน้าบ่อยจนเกินไป
  2. การล้างหน้าแรงจนเกินไป
  3. การล้างหน้าด้วยน้ำร้อน
  4. แสงแดด และความร้อน เป็นสาเหตุสำคัญอันดับ 1 ที่ทำให้เกิดสิวผดขึ้นบนใบหน้า
  5. อาการแพ้ เช่น แพ้เหงื่อ แพ้น้ำ หรือการใช้ครีม โฟมล้างหน้า ยาสระผม ที่แรงจนเกินไป ไม่เหมาะกับผิวของตัวเอง เป็นต้น
  6. ร่างกายไม่แข็งแรง
  7. พักผ่อนไม่เพียงพอ
  8. อุปกรณ์ที่ใช้ในการแต่งหน้าไม่สะอาด เช่น พัฟแป้งไม่สะอาด เป็นต้น

วิธีการดูแลรักษาตัวเองให้ห่างไกลจากสิวผด

เนื่องจากสิวผด เป็นสิวที่สามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุที่หลากหลายมากๆ ดังนั้นการดู และการรักษาสิวผด จึงจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจกับสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวผดขึ้น พร้อมกับแยกวิธีการรักษาออกไปให้เหาะสมกับคุณสาวๆ แต่ละคน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีสุด
การรักษา สามารถแบ่งออกได้ตามลักษณะของสาเหตุการเกิด ดังต่อไปนี้
1. สิวผดที่เกิดขึ้นจากการล้างหน้าบ่อยจนเกินไป ควรเริ่มการรักษาจากการไม่พยายามรบกวนผิวหน้ามากจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการล้าง ขัด หรือพอกหน้า เกินกว่าความจำเป็น
2. สิวผดที่เกิดขึ้นจากการล้างหน้าแรงจนเกินไป สำหรับ คุณสาวๆบางคนมักจะคิดว่า การล้างหน้ายิ่งออกแรงมากเท่าไหร่ ใบหน้าก็จะยิ่งมีความสะอาดมากขึ้นเท่านั้น แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะยิ่งล้างหน้าแรงๆ ก็จะยิ่งทำให้ใบหน้าเกิดการเสียดสี ซึ่งเป็นการรบกวนผิวหน้าอย่างรุนแรง ทำให้สิวผดมีโอกาสเกิดขึ้นสูง ดังนั้นคุณสาวๆ ควรจะทำการล้างหน้าอย่างเบามือ และนุ่มนวลจะดีกว่า

3. สิวผดที่เกิดขึ้นจากการใช้น้ำร้อนล้างหน้า ถึง แม้จะเป็นเพียงการใช้น้ำอุ่นในการล้างหน้าก็ตาม ก็ยังมีโอกาสที่จะทำให้เกิดสิวผดขึ้นได้เช่นกัน ดังนั้นขอแนะนำให้คุณสาวๆ หันไปทำการล้างหน้าด้วยน้ำเย็นจะดีกว่า
4. สิวผดที่เกิดขึ้นจากแสงแดด และ ความร้อน การรักษาต้องเริ่มต้นจากการพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อนเป็นอันดับแรก แต่ถ้าจำเป็นที่จะต้องทำงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อแสงแดด ให้ทำการทาครีมกันแดดทุกครั้ง เพื่อเป็นการปกป้องผิว โดยเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง และเลือกครีมกันแดดที่ปราศจากส่วนผสมของน้ำมัน นอกจากนี้เพื่อเป็นการปกป้องผิวที่ดีมากขึ้น ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30+++ ขึ้นไป
5. สิวผดที่เกิดขึ้นจากอาการแพ้ ควร เริ่มจากการศึกษาสภาพผิวของตัวเองว่ามีอาการแพ้อะไรบ้าง ถ้าหากแพ้เหงื่อก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่จะทำให้เกิดเหงื่อขึ้น แต่หากเป็นการแพ้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดร่างกายต่างๆ ก็ควรที่จะทำการทดสอบก่อนใช้ว่ามีอาการแพ้หรือไม่ หรือหันไปใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีความอ่อนโยนกับผิว เป็นต้น

6. สิวผดที่เกิดขึ้นจากร่างกายไม่แข็งแรง สาเหตุ ที่ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงนั้น ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นจากความเครียด ซึ่งทำให้ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุลจนร่างกายอ่อนแอลง การคลายความเครียดเองก็มีหลายวิธีขึ้นอยู่กับว่าคุณสาวๆแต่ละคนมีการกำจัด ความเครียดแบบไหน แต่หากร่างกายอ่อนแอจากการเจ็บป่วย หรือกรรมพันธุ์แล้วล่ะก็ ขอแนะนำให้คุณสาวๆไปทำการพบแพทย์ เพื่อปรึกษาหาวิธีรักษาที่ถูกต้องที่สุดจะดีกว่า
7. สิวผดที่เกิดขึ้นจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ สำหรับสิวผดประเภทนี้สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายๆ โดยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเท่านั้น
8. สิวผดที่เกิดขึ้นจากอุปกรณ์แต่งหน้าที่ไม่สะอาด ถ้า หากคุณสาวๆเป็นคนที่ชื่นชอบการแต่งหน้า ก็ขอแนะนำให้ทำการเปลี่ยนอุปกรณ์สำหรับใช้ในการแต่งหน้าบ่อยๆ เพราะยิ่งใช้อุปกรณ์เหล่านี้นานมากเพียงใด ก็จะมีการสะสมตัวของเชื้อโรคมากขึ้นเท่านั้น
ถ้าจะให้ดี หากคุณสาวๆสามารถหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ก็จะช่วยให้ใบหน้าห่างไกลจากสิวผดได้มากยิ่งขึ้น
การรักษาใช้ยาเพื่อรักษาสิวผด
โดยปกติแล้ว แพทย์จะไม่ให้ยารักษาอาการสิวผด หากไม่มีอาการอักเสบ หรือเป็นสิวผดเห่อมากทั้งใบหน้า เช่น ในกรณีที่แพ้เครื่องสำอาง เป็นต้น แพทย์จะให้ทำการทายาสเตียรอยด์ในปริมาณน้อยๆ ในระยะเวลาอันสั้นที่สุด
เนื่อง จากยาดังกล่าวมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก เช่น ทำให้หลอดเลือดขยาย หน้าแดง แพ้ง่าย และผิวจะบอบบางลงมากกว่าเดิม นอกจากนี้การรักษาสิวผด ยังสามารถทำได้โดยการใช้ยาทา 2 ชนิด คือ
1. ยาในกลุ่ม Benzoyl Peroxide โดย ควรเริ่มจากการทาความเข้มข้นที่ต่ำที่สุดก่อน คือ 2.5% ทำการทาลงไปบนบริเวณที่มีสิวผด ทิ้งเอาไว้ประมาณ 5-20 นาที แล้วล้างออก สามารถทำการทาได้วันละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของของแต่ละคน เมื่อทำการทดสอบแล้วว่าไม่มีอาการแพ้ จึงค่อยเพิ่มความเข้มข้นของยาไปที่ 5%
2. ยาทากรดวิตามินเอ ควร เริ่มจากการทายาที่มีความเข้มข้นต่ำที่สุดก่อนเช่นกัน คือ 0.0125% หรือ 0.025% เมื่อไม่มีอาการแพ้ใดๆ แล้วจึงค่อยๆทำการเพิ่มความเข้มข้นไปเป็น 0.05% และควรทำการทาก่อนนอนเท่านั้น ไม่ควรทำการทางในช่วงเวลากลางวัน เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้แดดขึ้นได้

ข้อควรระวังในการใช้ยาทั้ง 2 ประเภทนี้ ในการรักษาสิวผด คือ ในกรณีของคนที่แพ้ อาจจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย ซึ่งอาจจะทำให้ใบหน้าเกิดอาการเห่อแดงขึ้นได้
สำหรับคนที่ไม่สามารถ ใช้ยาทั้ง 2 ชนิด ในการรักษาสิวผดได้นั้น ขอแนะนำให้ใช้ยาตัวอื่นที่ไม่ส่งผลให้เกิด ความระคายเคือง ที่มีส่วนผสมของ Resorcinol

แสดงความคิดเห็น

 
Top