มีผู้ถกเถียงกันมานานแล้วว่าผีมีจริงหรือเปล่า? ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลของตนกันทั้งนั้น ยังเอาแพ้เอาชนะ หรือมีข้อสิ้นสุดยุติ ไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้

แต่ที่ดิฉันและครอบครัวได้ไปประสบที่พิษณุโลกเมื่อ 3-4 เดือนนี่เอง คือเรื่องแปลกประหลาด น่าขนลุกขนพองที่สุด จนต้องนำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณาและลงความเห็นว่า เรื่องผีๆ สางๆ มีจริงหรือไม่?

"ป้าเนื่อง" คือพี่สาวของดิฉันเอง แต่เรียกตามลูกๆ ทั้งสามคนที่เป็นผู้ชายล้วนๆ เป็นม่ายตัวคนเดียว ลูกสาวเข้าไปเรียนหนังสือถึงเชียงใหม่โน่น

เราได้ข่าวว่าป้าเนื่องล้มเจ็บด้วยโรคเบาหวานกับความดันสูง ไหนจะไขมันในเส้นเลือดอีกล่ะ ก็ตามแบบคนที่อายุเลยเลขห้า ไปแล้วนั่นแหละค่ะ...คนเราพอแก่ตัวลงก็มักจะมีโรคภัยไข้เจ็บคอยแวะเวียนมาหา อยู่ร่ำไป


ตอนหลังได้ข่าวว่าอาการหนักถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล ร้านรวงหน้าตลาดเอกาทศรถก็ต้องให้ญาติห่างๆ กับลูกจ้างช่วยกันดูแล ลูกสาวมาเยี่ยมประเดี๋ยวประด๋าวก็ต้องรีบกลับ

ตอนที่ดิฉันกับสามีและลูกๆ ยกโขยงไปเยี่ยมน่ะ ป้าเนื่องเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้าน พอมองเห็นพวกเราก็ดีใจจนน้ำตาไหล เพราะญาติสนิทจริงๆ ของเราก็มีอยู่กันแค่สองคนพี่น้องเท่านั้น

ป้าเนื่องลุกมาต้อนรับขับสู้ คะยั้นคะยอให้ค้างคืนด้วยกัน ไม่ต้องไปเช่าโรงแรมให้หมดเปลืองเปล่าๆ ยืนยันว่ารุ่งขึ้นกินอาหารที่ร้านเสร็จจะได้ไปไหว้หลวงพ่อชินราชเสียเลย เพราะวันเสาร์อาทิตย์น่ะคนแน่นเหมือนกับมีตลาดนัดเป็นประจำอยู่แล้ว

"ไหนจะวัดนางพญากับหลวงพ่อเหลืออีกล่ะ" ป้าเนื่องหว่านล้อม "มาคราวนี้จะได้ทัวร์วัดหลายๆ แห่งตามยุคสมัยไงล่ะ"

ดิฉันกับพี่สาวคุยกันในห้องนอนชั้นบน ส่วนห้องข้างๆ เป็นที่นอนของสามีกับลูกชาย...ตอนค่ำพวกหนุ่มๆ เขาก็ไปชมบ้านชมเมืองกัน แต่เรายังคุยไม่หยุดปากด้วยเรื่องจิปาถะ ตั้งแต่สมัยเป็นเด็กกับสาวๆ เหมือนกับคุยกันถึงเรื่องของคนอื่นยังงั้นแหละค่ะ

เมื่อเอ่ยถึงลุงประสงค์ที่ล่วงลับไปเมื่อปีก่อน ป้าเนื่องก็ยกมือไหว้ทำตาแดงๆ บอกว่าเคยฝันถึงครั้งเดียวเท่านั้น...ไม่เคยมาเยี่ยมเยียนอีกเลย คงจะไปสู่สุคติเรียบร้อยแล้ว

คืนนั้นเอง...เราคุยกันจนผล็อยหลับไป แต่แล้วเสียงอะไรบางอย่างก็ปลุกดิฉันขึ้นมาเงี่ยหูฟัง...ป้าเนื่องหลับสนิท จนได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ แม้ดิฉันจะยังงัวเงียอยู่ก็ตามแต่เสียงนั้นดังชัดเจนท่ามกลางความเงียบเชียบ นานๆ จะมีเสียงรถยนต์แล่นผ่านหน้าร้านสักครั้ง...ดิฉันแทบจะกลั้นใจฟังเพราะทำให้ รู้สึกเย็นสันหลังวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก

...เสียงสะอื้นเบาๆ ดังมาจากฝาห้องที่สามีกับลูกๆ นอนอยู่นั่นเอง!

ชั่วขณะหนึ่ง ดิฉันขนลุกเกรียวไปทั้งตัว...ลุงประสงค์ที่ตายไปแล้ว!?

เสียงสะอื้นดังขึ้นทุกที...คุณพระช่วย! เสียงของลูกชายทั้งสามคนของดิฉันนี่นา!

ตกตะลึงจนตัวชา ทำอะไรไม่ถูก พ่อก็นอนอยู่ด้วยแท้ๆ หรือว่าเขาเป็นอะไรไป...เสียงสะอื้นที่ดังชัดเจนขึ้นทำให้แน่ใจว่าพวกลูกๆ กำลังเจ็บปวดหรือหวาดกลัวอะไรอย่างรุนแรง จนทำให้ลุกพรวดพราดขึ้น ร้องออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

"ลูกแม่! เป็นอะไรไป?"

"อะไร แม่นพ?" ป้าเนื่องนอนเร็ว ร้องถามพร้อมกับลุกขึ้นนั่งเช่นกัน แต่ยังช้ากว่าดิฉันที่ลุกถลาไปถอดกลอน แล้วเข้าไปทุบประตูห้องที่ลูกๆ นอนอยู่เสียงโครมคราม...สามีบ่นอะไรเสียงง่วงๆ ก่อนจะเปิดประตูออกมา ดิฉันปราดเข้าไปเปิดไฟสว่างจ้า จ้องมองภาพตรงหน้าอย่างตะลึงงัน

ลูกชายวัยสิบกว่าขวบทั้งสามคนนอนหงายตัวแข็งทื่อ อ้าปาก ลืมตาโพลง น้ำตาไหลรินอาบแก้มทุกคน เสียงครางปนสะอื้นบาดใจปิ่มว่าชีวิตจะแหลกสลายลง

"แม่...ช่วยด้วย..."

"ไม่ต้องกลัวลูกแม่!" ขาดคำก็ถลาเข้าไปกอดรัดลูกๆ เช็ดน้ำตาพลางพร่ำถามแทบจะจับความไม่ได้ "เป็นอะไรลูก? ใครทำอะไร? บอกแม่ซิ...ทำไมไม่ปลุกพ่อ?"

สามียอมรับว่าหลับสนิท ฝันเห็นผู้หญิงวัยกลางคน ผอมบาง มีแต่หนังหุ้มกระดูกผมเป็นกระเซิง นัยน์ตาเหลือกลานแทบถลนออกมานอกเบ้า จ้องมองอย่างน่าเกลียดน่ากลัว...พวกลูกๆ ก็ลุก ขึ้นมาแย่งกันเล่าว่า พวกแกเห็นผู้หญิงยืนแขวนอยู่ที่หน้าต่าง เล่นเอาหวาดกลัวจนพูดไม่ออก นอกจากนอนน้ำตาไหล แล้วสะอึกสะอื้นดังขึ้นทุกทีปิ่มว่าจะขาดใจตาย

ดิฉันหันขวับไปหาพี่สาว แกหลบตา พูดเสียงอ่อยๆ ว่าเมื่อสองสามเดือนก่อนมีญาติห่างๆ จากเหนือ บอบช้ำทรุดโทรมเต็มที มาอาศัยอยู่แค่คืนเดียวก็ผูกคอตายที่หน้าต่างนั่นเอง

คืนนั้นดิฉันนอนกับลูกๆ จนรุ่งเช้า...หลังจากไปกราบขอพรจากหลวงพ่อชินราชแล้วก็ล่ำลาป้าเนื่องกลับ กรุงเทพฯ ทันที...แค่นี้ก็ขนหัวลุกเหลือแหล่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

 
Top