© สนับสนุนโดย Daily News
จากกรณีที่ นายภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ หรือ ดีเจเก่ง นักจัดรายการวิทยุชื่อดังแห่งคลื่นสวีทเอฟเอ็ม 89.5 แสดงพฤติกรรมความก้าวร้าวในการขับรถ ด้วยการขับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ ใส่เกียร์ถอยหลังพุ่งชนรถเก๋งโตโยต้า ยาริส สีแดง ซึ่งเป็นรถของคู่กรณีอย่างรุนแรง ที่บริเวณถนนมิตรไมตรี ทางเข้าสนามกีฬาไทยญี่ปุ่นดินแดง แล้วอ้างว่ารถของตัวเองเป็นฝ่ายถูกชนท้าย แต่ปรากฏว่ามีผู้สามารถบันทึกภาพวีดีโอเหตุการณ์เอาไว้ได้ ก่อนนำมาโพสต์แฉบนโลกออนไลน์ จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดีเจหนุ่มรายนี้อย่างเผ็ดร้อน ทำให้ทาง "FM 89.5 สถานีวิทยุราชมงคล" หรืออีกชื่อหนึ่งว่า "89.5 Sweet FM" ได้ออกประกาศมีคำสั่งให้ไม่ให้ "ดีเจเก่ง" จัดรายการในสถานีวิทยุฯต่อไป ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้ว
© สนับสนุนโดย Daily News
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 9 ม.ค. นายภัทรศักดิ์ หรือ ดีเจเก่ง ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.สุภกร แสงจันทร์ พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง เจ้าของคดี เพื่อให้ปากคำในคดีเพิ่มเติม โดยมี พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. เดินทางมาร่วมรับฟังการสอบสวน ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ภายหลังจากให้ปากคำ นายภัทรศักดิ์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนทั้งน้ำตา พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษและขอรับผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยกล่าวว่า ที่ทำไปเพราะอารมณ์โมโห เนื่องจากเมื่อขับรถมาถึงใกล้กับจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นทางเลี้ยว ได้ถูกรถเก๋งยาริสของคู่กรณีขับเบียดเข้ามา ตนจึงไม่ยอมให้ทาง ทำให้คนขับเก๋งยาริสชูนิ้วกลางให้ ตนจึงชูนิ้วกลางกลับไป ก่อนจะขับรถต่อ จนมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นช่วงรถติด คนขับเก๋งยาริสได้เดินลงมาเคาะกระจกรถตนอย่างรุนแรงคล้ายกับจะหาเรื่อง จึงกลายเป็นที่มาของเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามตนอยากขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้บ้าง โดยอยากให้ทางตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดตั้งแต่แรก ส่วนเรื่องที่ตนขับระกระบะถอยท้ายชน ในส่วนนี้ตนก็ยอมรับ และให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการกับตนต่อไป
© สนับสนุนโดย Daily News
ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ รรท.ผบช.น. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในกรณีนี้ทางพนักงานสอบสวนได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา ทำให้เสียทรัพย์ แก่ นายภัทรศักดิ์ หรือ ดีเจเก่ง ไปแล้ว 1 ข้อหา โดยทางคู่กรณียอมเจรจาไกล่เกลี่ยและไม่ติดใจเอาความ อย่างไรก็ตาม ตนจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และตนได้ใช้อำนาจของ รรท.ผบช.น. ในการแจ้งข้อกล่าวหากับ นายภัทรศักดิ์ เพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา คือ ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น พร้อมกับสั่งยึดใบขับขี่ไว้ 60 วัน ส่วนความผิดในข้อหาอื่นๆ นั้น กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดอื่นๆ อีกหรือไม่ หากพบว่ามีก็แจ้งดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป
© สนับสนุนโดย Daily News