หุบเขาทะเลหมอกที่'ภูลังกา'© สนับสนุนโดย Kom Chad Luek หุบเขาทะเลหมอกที่'ภูลังกา'
แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีการพัฒนาด้วยศักยภาพในพื้นที่นั้นๆ จนกลายเป็นสถานท่องเที่ยวมีชื่อเสียงซึ่งปัจจุบันนี้ มีการนำพลังความงดงามตามธรรมชาติมาเป็นตัวชูหรือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เป็นรูปแบบที่ชัดเจน บางครั้งกลายเป็นแลนด์มาร์คในพื้นที่นั้นๆ ไปแล้ว เมื่อถึงฤดูกาลท่องเที่ยวเมื่อไรก็จะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าไปเที่ยวจนล้นหลาม บางทีกลับเป็นผลเสียตามมาอันเนื่องด้วยปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลากหลายรูปแบบ
ธรรมชาติแสนงดงามในแหล่งธรรมชาติป่าเขา เป็นสิ่งทุกคนต่างค้นหาเรื่องราว บรรยากาศที่ลงตัวผสมผสานก่อให้เกิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เราได้เลือกสรร อย่างเช่น ทะเลหมอกภูลังกา รอยต่อจังหวัดพะเยากับจังหวัดน่านเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ตอบสนองความต้องการนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน แต่ก็ไม่เกินความพยายามของนักเดินทางท่องเที่ยวที่ต้องการไปสัมผัสภาพทะเลหมอกที่แผ่คลุมในบริเวณหุบเขาหินปูน ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คของภูลังกา
ในช่วงฤดูหนาวจะเป็นช่วงเวลาการเที่ยวชมวิวภาพทะเลหมอกของภูลังกา เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นและมีความกดอากาศสูงประกอบกับเป็นเป็นพื้นที่แอ่งกระทะในหุบเขากระแสลมนิ่งสงบจึงเกิดทะเลหมอกได้ง่าย จึงปรากฏเป็นผืนทะเลหมอกเกิดขึ้นในช่วงต้นฤดูฝนปลายฤดูฝนและช่วงหน้าหนาว
ส่วนการเดินทางมุ่งแสวงหาความงามของภูลังกาสามารถเดินทางได้จากพะเยา มา อ.เชียงคำ และมุ่งหน้าไปตามถนนหมายเลข 1148 ไปท่าวังผา จ.น่าน เนื่องจากเส้นทาง 1148 ที่เชื่อมเส้นทางพะเยา-อ.ปง-อ.ท่าวังผา จ.น่าน เราจะผ่านภูลังการีสอร์ทรวมถึงแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เช่น วนอุทยานภูลังกา โครงการหลวงปังค่าอุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน หรือว่าเราจะเดินทางจากจ.น่าน ผ่านมาตามเส้นทางดังกล่าวก็ได้เช่นกัน
ทำเลที่ตั้งของ ภูลังการีสอร์ท อยู่บนสันเนินสูงมีบ้านพักแบบง่ายๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว บ้านพักส่วนใหญ่จะหันหน้าที่ไปทางจุดชมวิวหรือทางด้านตะวันออก ซึ่งเป็นมุมเปิดสามารถมองเห็นทิวทัศน์เป็นหุบแอ่งกระทะมีถนนผ่ากลางมองเห็นบ้านเรือนกระจายอยู่เล็กน้อย มียอดเขาหินปูนตั้งโดดเด่นสลับซับซ้อนอยู่ทางด้านซ้ายมือ ไกลออกไปจะเป็นเทือกเขาทอดยาวโอบล้อมเป็นพื้นที่แอ่งกระทะ
ในช่วงเวลากลางวันดูเหมือนว่าจะเป็นภาพป่าเขาธรรมดาไม่มีอะไรเป็นที่น่าสนใจ แต่มุมภาพที่เราเห็นอยู่เบื้องหน้านั้นไม่ธรรมดาเมื่อถึงห้วงเวลายามยามเช้าตรู่ จะปรากฏมีกลุ่มผืนทะเลหมอกแผ่คลุมอยู่เต็มแอ่งกระทะ มองเห็นโขดเขาหินปูนโผล่ขึ้นมาอย่างงามตาซึ่งเป็นเสน่ห์ให้ชวนหลงใหลยิ่งนัก
มิติของขุนเขาที่รายล้อมในพื้นที่หุบที่ราบกว้างพร้อมกับมีแท่งเขาหินปูนตั้งโดดเด่นขึ้นมา ยามที่บังเกิดหมอกจะแลเห็นแท่งหินโขดเขาโผล่ขึ้นมาท่ามกลางทะเลหมอก จนกลายเป็นภาพที่สวยงามและมีมิติ พร้อมกับความเป็นศิลปะของธรรมชาติที่ผสมผสานจนเกิดเป็นความสวยงามที่เราสามารถจินตนาการได้ทุกรูปแบบ
ท่ามกลางไออุ่นหนาวในโมงยามเช้าภาพความประทับใจของทะเลหมอก จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งแสงสีพระอาทิตย์ขึ้นและเกลียวคลื่นหมอก ที่แปรเปลี่ยนรูปลักษณ์ความงดงามได้ตลอดเวลา ซึ่งได้กลายเป็นภาพความประทับใจที่ได้ไปสัมผัสที่ภูลังกาแห่งนี้
ภาพความสวยงามที่เกิดขึ้นในโมงยามเช้าของช่วงฤดูหนาว ที่ภูรังการีสอร์ท มักเกิดทะเลหมอกได้ง่ายด้วยปัจจัยธรรมชาติคือมีความกดอากาศสูง มีอากาศหนาวเย็นสภาพพื้นที่มีความชื้นสูง และที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่งคือสภาพลมสงบที่ช่วยให้ทะเลหมอกเกิดขึ้นได้ง่ายและสวยงาม
นอกเหนือแหล่งชมทะเลหมอกภูลังกานี้แล้วในบริเวณพื้นที่แห่งนี้ยังมี วนอุทยานภูลังกา ซึ่งเราสามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์เทือกเขาสลับซับซ้อน บนยอดเขาที่สูงถึง 1,720 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เราสามารถขึ้นเที่ยวได้ด้วยนั่งรถ 4WD จากวนอุทยานขึ้นไปชมวิวบนยอดสูงสุดคือยอดดอยภูลังกา
ยอดดอยภูลังกา ภาษาชาวเขาเผ่าเมี่ยน หรือเย้าเรียกว่า "ฟินจาเบาะ" หมายความว่า "ภูเทวดา" สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าดิบเขาเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำยม ช่วงระหว่างขึ้นไปยอดสูงสุดจะผ่านผืนป่าดิบชื้น ส่วนบนยอดเขาจะเป็นทุ่งหญ้าสามารถมองเห็นวิวเทือกเขาได้รอบด้าน (แต่จังหวะภาพทะเลหมอกนั้นจะเป็นที่รีสอร์ทจะดีกว่า)
นักท่องเที่ยวบางส่วนก็จะมาเลือกพักที่วนอุทยานภูลังกา เพราะมีบรรยากาศเป็นป่าเขาที่เงียบสงบสามารถเที่ยวชมศึกษาธรรมชาติพรรณไม้หรือหมู่นกได้อีกด้วย
ในบริเวณเส้นทางเข้าวนอุทยานจะมี โครงการหลวงปังค่า เป็นโครงการหลวงที่ส่งเสริมให้ปลูกไม้ผลเมืองหนาว เช่น สาลี่ พลับ อโวคาโด ถั่วแดงหลวง และยังมีชมแปลงไม้ดอกอาทิ เยอบีร่า กุหลาบ และสวนแปลงผักตามฤดูกาล ภายในศูนย์นอกจากมีชมสวนลิ้นจี่ของเกษตรกรรมบนพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ และชมวิถีชีวิตของชน 2 เผ่าม้งและเย้า
แหล่งท่องเที่ยวในบริเวณภูลังกายังมี อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงสามารถชมวิวในมุมที่ไม่กว้างมากนัก และมีจุดเด่นอยู่ที่ถ้ำต่างๆ เนื่องสภาพภูมิศาสตร์เป็นเทือกเขาหินปูนจึงเกิดเป็นถ้ำที่งดงามแปลกตาและที่บ้านสะเกินยังเป็นหมู่บ้านที่ กลุ่มชาติพันธุ์อึมปี้ ที่ยังเหลือเพียง 2 แห่งในประเทศไทยคือ บ้านสะเกิน กับที่ บ้านดง จ.แพร่
ชาวอึมปี้มีบรรพบุรุษของเขาอพยพมาจากแคว้นสิบสองปันนาในประเทศจีน เมื่อประมาณ 300 ปีมาแล้ว มาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำไม้กวาด และรับจ้างทั่วไป ปัจจุบันก็มีอัตลักษณ์ประเพณีแบบดั้งเดิม มีภาษาและวัฒนธรรมของตนเอง
บนเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามที่เงียบสงบ เส้นทางหลวงสาย 1148 จัดเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อธรรมชาติระหว่างจังหวัดน่าน พะเยา และเชียงราย โดยมีภาพความงามของทะเลหมอกภูลังกาเป็นตัวเชื่อมเส้นทางเข้าด้วยกัน ซึ่งวันนี้เส้นทางสายนี้ได้เปิดตัวมากขึ้น ก็จะเปิดโลกทัศน์ในมุมมองอื่นๆ ที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
-การเดินทาง
จากอำเภอเชียงคำจังหวัดพะเยาไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1148 ไปยัง อ.สองแคว-อ.ท่าวังผา จ.น่าน ช่วง กม.70-71 หรือเดินทางมาจากน่าน ตามเส้นทาง อ.ท่าวังผา-สองแคว แล้วไปตามทางหลวงหมายเลข 1148 เลยปากทางอุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน เมื่อถึงช่วง กม.70-71 จะมีป้ายรีสอร์ทบอกไว้ เลี้ยวขวาขึ้นรีสอร์ทได้เลย

แสดงความคิดเห็น

 
Top