“แต่งงานปีหน้าครับอาจจะเป็นช่วงเดือนพ.ค.ครับ เดี๋ยวต้องดูหลายๆ อย่างให้เหมาะสม ตอนนี้อยู่ในช่วงเตรียมงานอยู่ กำลังวางแผนอยู่ว่าจะยังไงดี แต่งงานครั้งนี้คงไม่ได้เชิญใครเยอะแยะมากมาย คงจะเป็นอะไรที่เฉพาะภายในครอบครัวนะ แต่งงานครั้งที่ 2 แล้วก็ไม่อยากให้มัน...เพราะแต่งครั้งแรกมันใหญ่แต่มันพังไป เพราะฉะนั้นครั้งที่ 2 ลองแบบเล็กๆ ดูบ้างสิน่าจะดีกว่า(หัวเราะ)”
“ส่วนเรื่องสินสอดรุ่นนี้แล้วเขาให้กันทั้งชีวิตแล้ว มันเหนือกว่าสินสอดใดๆ ทั้งสิ้น ฝั่งเขาเองก็ไม่ได้อะไร เราเองก็โตแล้วนะ อายุ40 กว่าปีแล้วผมเองก็ไม่ใช่เด็กๆ การมองชีวิตครอบครัวมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราเองก็เคยมีประสบการณ์มาแล้ว”
“เรียกว่าเป็นพ่อม่ายมาก่อน ฉะนั้นมุมมองเกี่ยวกับเรื่องชีวิตมันก็คงจะไม่ใช่แบบเด็กอายุ 20 กว่า มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งโดยสิ้นเชิง ที่ตัดสินใจแต่งงานอีกครั้งเป็นเพราะว่าเราอยากแต่งงานกัน ส่วนเรื่องลูกคงต้องปรึกษากันอีกที ด้วยความที่เราเองก็อายุเยอะด้วยไว้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าควรจะมีหรือไม่มีดี ด้วยความที่อายุเราเยอะกว่าลูกจะโตเราก็คงจะแก่แล้ว”
พอถามว่าเจ้าสาวเป็นใคร “บิลลี่” บอกเอาไว้เจอในวันแต่งงาน
“อยากรู้จักเจ้าสาวกันใช่ไหมล่ะ(ยิ้ม) ยังไม่บอกวันนี้เดี๋ยวค่อยไปบอกวันแต่งหมด ข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าสาวจะได้รับวันแต่งหมด จริงๆ เขาก็ไปไหนมาไหนกับผมตลอดแหละ แต่ยังไม่ให้รู้จักในวันนี้เพราะไม่ค่อยชอบเปิดตัวเท่าไหร่ เขาไม่ค่อยชอบออกสื่อ”
“ความจริงผมก็เปิดเผยไปไหนมาไหนกับเขาตลอดมาเป็นปีๆ แล้วนะ ก็จะไปรับไปส่งกันตลอด รุ่นนี้แล้วมีคนให้เรารักก็ถือว่าโชคดีแล้วนะ ผมเองก็เกือบจะ 50 ปีแล้วนะ เขาก็เป็นคนที่เรารัก แล้วเขาก็เป็นคนที่ยอมรักเรา คนหนุ่มๆ รุ่นๆ เขาก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ ผมเองก็เทคแคร์ดูแลเขาเป็นอย่างดี อะไรที่ทำให้มันคลิกถึงขนาดที่จะตัดสินใจแต่งงานอีกรอบ คงจะเป็นโดยส่วนตัวค่อนข้างที่จะรู้จักสนิทสนมกับครอบครัวเขาโดยเฉพาะคุณพ่อของแฟนผมเขาสนิทกับญาติที่บ้านอยู่ในซอยเดียวกันมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ผมยังเด็ก”
“ด้วยความเป็นจริงก็คือคุณพ่อของเขากับน้าชายทางแม่รู้จักกันหมด เลยทำให้เรารู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดีด้วย แต่ผมเองเพิ่งจะมารู้จักกับเขาเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมานี้เอง พอได้ไปเจอคุณพ่อเขามันเลยกลายเป็นว่า อ้าว...เขารู้จักคุณแม่เรา รู้จักน้าชายญาติเราแล้วสนิทกันมากด้วย อยู่ซอยเดียวกันหมดเลย”
“เรื่องเรือนหอคงไม่ได้สร้างใหม่อะไรก็อยู่ที่เท่าๆ ที่มีบ้านเรามีอยู่ ถ้าจะไปสร้างอีกทีก็คงต้องรอ แต่ก็คงจะไม่ได้อยากสร้างใหม่ จริงแล้วอายุขนาดนี้ก็ไม่ได้อยากอยู่อะไรที่มันใหญ่โตมาก อยู่ใหญ่โตก็เป็นภาระพูดจริงๆ บ้านใหญ่สมัยนี้เป็นภาระ ซึ่งเราเองไม่มีนโยบายจ้างพม่าเขมรมาอยู่ในบ้าน พูดตรงๆ ว่าทุกอย่างเราทำเองหมด ก็ชินเหมือนกับที่เราอยู่เมืองนอกแหละ เสื้อผ้าก็ซักเอง ทำกับข้าวก็ทำเอง ทุกอย่างทำเองหมด เพราะฉะนั้นถ้าเรามองไปถึงอนาคตว่าเรามีบ้านใหญ่ๆ พอแก่แล้วเราจะลำบาก เราอาจจะเหนื่อย ฉะนั้นคืออยู่บ้านเล็กให้มันมีความสุขดีกว่า ดีกว่าอยู่บ้านใหญ่แล้วต้องใช้อินเตอร์คอม”
แสดงความคิดเห็น
Click to see the code!
To insert emoticon you must added at least one space before the code.