ได้ยินเสียงเพรียกจากทะเลอ่าวไทย เหมือนเป็นนัยๆ ว่าน้อยใจ ทำไมไม่มาเยี่ยมเยียนกันบ้าง ก็เลยต้องรีบเก็บข้าวเก็บของออกเดินทาง ผมจะใช้หนึ่งวันที่มีอยู่กับทะเลอ่าวไทยให้คุ้มเลย…
เที่ยวเกาะสีชัง ทะเล วัง และศรัทธา ชีวิตชีวาของทะเลอ่าวไทย
สำหรับผม สถานที่ท่องเที่ยวก็เหมือนเพื่อนสนิท ว่างทีไรเป็นต้องไปหา และเพื่อนสนิทสิ่งนี้ล่ะ ที่คอยปลอบปะโลนผมในวันที่เหนื่อยหน่าย ไร้แรงบันดาลใจ
การเดินทางครั้งนี้ เกาะสีชัง คือ จุดหมาย.. น้ำใสๆ หาดทรายสวยๆ และวิถีชีวิตที่ดูมีชีวา ของสีชัง เหมาะที่จะให้ผมได้ขลุกอยู่ทั้งวัน
เกาะสีชังใกล้มากๆ จากกรุงเทพ เพียงแต่ต้องข้ามเรือจากบางแสนเพื่อมาลงที่เกาะ โดยเรือข้ามไปเกาะสีชังจะเป็นเรือ 2 ชั้น ค่าเรือข้ามไปเกาะสีชังคนละ 35 บาท เรือออกทุกชั่วโมงตั้งแต่ 7.00-18.00 น. แนะนำว่าให้เลือกนั่งชั้นที่ 2 จะสบายกว่าเห็นวิวสวยๆ ได้รับลมด้วย
ครึ่งชั่วโมงนิดๆ เรือก็จอดเทียบท่า แต่ถามว่าอยู่บนนี้จะเที่ยวยังไง? …3 ยานพาหนะของที่นี่ คือคำตอบ
หากชอบความเป็นส่วนตัว อยากปลีกวิเวกอยู่กับตัวเอง และขับรถเป็น ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์เพื่อจะใช้เดินทางไปยังจุดต่างๆบนเกาะ เพราะถ้าจะเดินล่ะก็ เกาะนี้คงจะกว้างเกินกว่าจะเดิน
แต่หากอยากพูดคุย อยากมีไกด์นำทาง ก็สามารถเลือกบริการ รถสกายแลป หรือรถสองแถวบนเกาะก็ได้ ก็อบอุ่น และสนุกไปอีกแบบ
การเที่ยวบนเกาะสีชัง มีหลายจุดให้เราแวะเยี่ยมชม นอกไปจากหาดทราย
…ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ คือที่ที่ผมแวะเวียนมาเป็นที่แรก
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ อยู่ด้านเหนือของเกาะถัดจากท่าเรือเทววงศ์ขึ้นไป ก่อนที่จะถึงตัวศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่จะมีทางขึ้นอีกทางแยกไปศาลรัชกาลที่ 5 และศาลกรมหลวงชุมพร พอเข้าไปก็จะมีพระสังขจายน์ ศาลเจ้าแม่กวนอิม เจ้าพ่อเห้งเจีย
บันได 150 กว่าขั้น ทอดยาวให้เราเดินไปสู่เบื้องหน้าขององค์เจ้าพ่อเขาใหญ่ ที่อยู่บนยอดเขาคยาศิระ
ศาลเจ้าพ่อเหียเจียะอยู่ในถ้ำครับ เป็นถ้ำเล็กๆ ทาสีทองทั้งโถงถ้ำ ณ ศาลแห่งนี้ มีความเชื่อ และความศัรทธา ว่ากันว่าใครมาไหว้ติดต่อกัน 3 ครั้ง ภายใน 3 ปีจะเจริญ ร่ำรวย จะได้่โชคลาภ
หลังจากลงเขา ผมก็ลัดเลาะไปตามทางเรื่อยๆ วิวบ้านเรือนที่ขนาบสองข้างทาง ดูไปดูมาก็เพลินดี
ซิกเนเจอร์ของที่นี่ คือต้นลีลาวดี ที่กิ่งก้านโค้งงอน ออกดอกขาวแซมเหลืองเล็กๆ ที่ปลูกอยู่ทั่วเกาะ
ถนนที่เกาะสีชัง เป็นคอนกรีต มีเพียง 2 เลน ไม่ใหญ่มาก อากาศก็ค่อนข้างดี ไม่มีมลพิษ แล้วผมก็มาถึงด้านหลังของเกาะจนได้ ณ หลังเกาะตรงนี้ ที่นี่คือ ช่องเขาขาด ถ้านั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา ซึ่งในอดีตเคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5
ด้านล่างของช่องเขาขาดจะเป็นหาดหินกลม เหตุที่มีชื่อนี้เพราะเต็มไปด้วยหินกลมๆมากมาย ที่นี่เหมาะจะเป็นที่ชมวิวทิวทัศน์ยามพระอาทิตย์ตกดิน
ตรง แหลมวชิราวุธ ที่ยื่นไปนั้นบางคนก็ไปเปรียบเทียบกับแหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต ว่ามีความสวยงามไม่แพ้กัน บริเวณแหลมนี้สามารถตกปลาได้ และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามของเกาะสีชัง
ซิกเนอเจอร์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่ คือ พระราชวัง และสะพานอัษฎางค์ ซึ่งแน่นอนว่า แทบจะเป็นเกาะเดียว ที่มีความงดงามของสถาปัตยกรรมพระราชวังตั้งอยู่
พระจุฑาธุชราชฐาน เป็นพระราชวังที่ประทับในฤดูร้อนของรัชการที่ 5 เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะเห็น สะพานอัษฎางค์ เรือนไม้สีขาวยื่นไปในทะเลอยู่ทางซ้ายมือ
ผมว่าสะพานเรือนนี้ไม่เคยเหงา เพราะเขาคือมุมมหาชนที่ใครมาเกาะสีชังก็ต้องมาถ่ายรูปตรงนี้ คนมากหน้าหลายตาแวะมาเยี่ยมสะพานไม่ขาดสายเลย
ในพระจุฑาธุชราชฐานจะมี หาดท่าวัง หาดนี้เล่นน้ำไม่ได้เช่นกันเพราะเต็มไปด้วยหิน แต่มีวิวที่มองเห็นทะเลได้อย่างสวยงาม
ติดกับทะเล คืออาคารไม้สีเขียว ที่ชื่อว่า เรือนไม้ริมทะเล ภายในเรือนจัดนิทรรศการข้อมูลเกาะสีชัง รวบรวมประวัติ และข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อนเช่น กลอนประตู, หินลับมีด, เศษเครื่องปั้นดินเผา ไว้ให้คนที่มาได้รำลึกอดีตอันแสนงดงาม
ใกล้กันคือ เรือนวัฒนา เป็นเรือนสีขาว ตัวอาคารทำด้วยปูน ข้างในจะมีรูปปั้นสมัยรัชกาลที่ 5 นำเข้าจากต่างประเทศ
เสร็จสิ้นจากเดินทอดน่อง และภารกิจตระเวณเที่ยวสถานที่ต่างๆ บนเกาะ ผมก็มาทิ้งตัวลงบนหาดถ้ำพัง
หาดทรายแห่งเดียวที่ให้ผมได้นอนทิ้งกาย ลงบนผืนทราย ให้น้ำทะเลโอบกอด
ผมว่าจริงๆ แล้ว ทะเลอ่าวไทย ก็ใสไม่แพ้อันดามัน โดยเฉพาะที่สีชัง เกาะอันแสนงดงาม งามทั้งทะเล งามทั้งวิวทิวทัศน์ และงามทั้งสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า
อยากให้เวลาผ่านไปช้าๆ เพื่อที่ว่าผมจะได้อยู่กับสีชัง นานนาน…
แสดงความคิดเห็น