เนื้อหาดังกล่าวในพ็อคเก็ตบุคนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับโกโก้เป็นอย่างมาก โดยเจ้าตัวเผยว่าเนื้อหาในหนังสือบิดเบือนไปจากความเป็นจริง และที่ทำเอาเสียใจที่สุดเห็นจะเป็นการที่ให้เด็กในอดีตเด็กในสังกัดที่ถูกฉก “มาริโอ เมาเร่อ” เป็นคนชี้แจงในพ็อคเก็ตบุคว่า ได้หมดสัญญากับตนก่อนที่จะย้ายมาอยู่ในสังกัดของหนุ่มเอ ซึ่งตอนนี้ตนได้เตรียมปรึกษาทนายว่าจะเอาเรื่องกับเอ ศุภชัยได้มากน้อยแค่ไหน
“ตอนนี้ก็คือให้ทนายดูหนังสือของเขาอยู่ครับ คือเรากับพี่เอไม่ได้คุยกันตั้งแต่คราวมีเรื่องเมื่อครั้งก่อนแล้ว ตอนนั้นเราเองก็รู้แล้วว่าใครเป็นยังไง มันคุยกันไม่ได้ ตอนนี้ก็คิดว่าเขาพยายามสร้างภาพเพื่อให้น้องดูดี (มาริโอ้ เมาเร่อ)โดนอาศัยคดีของน้องมาเป็นเครื่องมือ ส่วนเรื่องการฟ้องร้องที่ถูกพาดพิงในหนังสือจะดำเนินการเมื่อไหร่ตอนนี้ยังไม่ทราบเลยครับ ต้องลองคุยกับทนายก่อนว่าจะเอาผิดได้ถึงขั้นไหน เพราะกฎหมายมันก็มีอยู่หลายระดับ ระดับของการทำผิดมันก็มีอยู่หลายระดับ”
“เนื้อหาในหนังสือมันเหมือนเป็นการยกคำพูดในส่วนของโก้ที่ไม่ดีก็เอามาวิเคราะห์ ทำให้โก้ดูแย่ แต่เขาไม่ได้ด่าตรงๆนะ ไม่ได้ด่าคำหยาบแล้วก็มีการบิดเบือนความจริงหลายอย่าง อย่างเช่นขึ้นต้นหนังสือมาก็บอกว่าให้มาริโอกับพระเอกผิวเข้มคนหนึ่งมาเขียนคำนำว่า นักฉกไร้ยางอายฉายานี้นักข่าวตั้งให้เล่นๆ มันไม่เป็นความจริงเพราะมาริโอ้ย้ายค่ายตอนที่สัญญาได้หมดแล้ว ตรงนี้มันเป็นสิ่งทิ่บิดเบือนความจริงมากที่สุดแล้ว โก้รู้สึกรับไม่ได้ ถ้าเกิดน้องย้ายตอนที่น้องหมดสัญญาแล้วตัวโก้ฟ้องได้ยังไง ถ้าคุณไม่พูดถึงเรื่องตรงนี้ไปเลยมันก็เป็นการดีเพราะศาลเองท่านก็สั่งว่าไม่ต้องพูดถึงแล้ว แต่ถ้าคุณจะพูดถึงคุณอย่าบิดเบือนความจริง”
เผยในพ็อคเก็ตบุคมีการระบุชื่อชัดเจนว่าเจตนาเอ่ยถึงใคร ซึ่งนอกจากตนที่โดนแล้วยังมีผู้ใหญ่ในวงการอีกหลายคนที่ถูกกล่าวถึง
“เท่านั้นยังไม่พอในหนังสือยังระบุชื่อชัดเจนทุกคนที่เขาเอ่ยอ้างถึงอย่างคุณแดง สุรางค์ เปรมปรีย์เขาก็ดูถูกว่า คุณแดงหาเด็กได้ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ของโก้เขก็ระบุชื่อโกโก้ นิรุณเลย ระบุชื่อพี่พจน์ก็พี่พจน์ ระบุชื่อพี่อุ๊บ ก็พี่อุ๊บ วิริยะ จริงๆ เรื่องนี้มันก็ไม่น่าจะถึงขั้นฟ้องร้องกันหรอก แต่เขาควรจะออกมาขอโทษและควรจะแก้ไขข้อมูลนะ แล้วไม่ใช่ว่าเขามาแก้ไขข้อมูลบิดเบือนความจริง เขาควรจะพูดความจริงว่า มาริโอ้ได้มีการเตรียมการ หรือไม่ตัวเขาไม่ต้องทำอะไรแต่ตัวน้องต้องออกมาขอโทษโก้ก่อน เพราะในนั้นมันจะระบุทุกอย่างแล้วนี่มันจะปีนึงแล้วหลังจากที่ตกลงยอมความกัน”
“แล้วในสัญญาก็ระบุไว้ว่า คุณลงขอโทษเมื่อไหร่แต่นี่มันเลยมาแล้วปีนึงโก้ก็ยอม ก็ยังใจเย็น ตัวโก้เองก็เห็นแก่ค่ายหนัง เห็นแก่เขาทุกๆ อย่างเพราะเขาเองก็ไม่อยากจะให้มันกระทบกับงานของเขา แล้วมันจะต้องรอถึงเมื่อไหร่ มันควรจะรีบลงรึเปล่า คุณไม่ทำตามที่พูด โก้ก็อุตส่าห์เงียบแต่คุณก็ยังมาลงเขียนข้อมูลบิดเบือนความจริงในหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊คของพี่เออีก คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะทำ ตัวพี่เอเองก็เหมือนกันก็รู้กันอยู่ว่าใครทำอะไรไว้”
แสดงความคิดเห็น