ไม่ว่าใครๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ห้องเลขที่ 3 ของหอพักแห่งนี้ผีดุมากๆค่ะ บังเอิญมันเป็นห้องตรงข้ามกับห้องพักของพี่สาวดิฉันพอดี แม้ใจหนึ่งจะคิดว่าไม่มีอะไร ไม่ต้องกลัว แต่อีกใจหนึ่งก็อดระแวงไม่ได้ค่ะ

พี่ดิฉันชื่ออ้อย จากบ้านที่มุกดาหารมาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ จนจวนจะจบปีสี่ รับปริญญาแล้ว และพอดีกับที่ดิฉันเองสอบเอ็นท์ติด ก็เลยได้รับช่วงต่อจากพี่อ้อย

หอพักแห่งนี้อยู่ในซอยเล็กๆ แถวสะพานใหม่ ภายนอกทาสีชมพู มีทั้งหมด 5 ชั้น ชั้นละ 7 ห้อง

เลข 5 กับเลข 7 น่ะเป็นคู่อริกันเหมือนเลข 1 กับเลข 3 นั่นแหละค่ะ!

ดิฉันเคยอ่านจากหนังสือเล่มไหนก็จำไม่ได้เสียแล้ว เพราะมันนานมากตั้งแต่ดิฉันยังเด็กๆ คิดว่าจำไม่ผิดนะคะ แล้วเขาก็บอกกันด้วยว่า บ้านไหนที่มีเลขที่บ้านรวมกันได้ 9 อย่าง 216, 441, 513, 720...ทำนองนี้น่ะมักจะมีอาถรรพณ์แรงนักเชียว

ยิ่งมีชั้น 3 อยู่ในบ้านที่มีเลขรวมกันได้ 9 ละก็ จะยิ่งเป็นแหล่งรวมพลังอำนาจที่เหนือธรรมชาติ

ห้องเลขที่ 3 อยู่บนชั้น 3 ของหอพักที่มีเลขที่ 108 ค่ะ น่าขนลุกไหมล่ะคะ? ส่วนห้องของพี่อ้อยอยู่ตรงข้ามเป็นห้องหมายเลข 5

ตอนดิฉันเข้าไปอยู่ใหม่ๆ โดยมีพี่อ้อยยังอยู่ด้วยน่ะ คนขายส้มตำหน้าปากซอยถามว่าอยู่หอนั้นเหรอ? ดิฉันก็บอกว่าค่ะ...เพิ่งมาอยู่ใหม่ เธอถามต่อไปว่าชั้นไหนล่ะ? ดิฉันบอกว่าอยู่ชั้น 3

แหม! เธออมยิ้ม ทำหน้ามีเลศนัยแล้วอุบๆ อิบๆ ว่า...ผีดุนะ!!


พูดอะไรก็ไม่รู้นะ ไม่น่ารักเลยนะคะ

ดิฉันทำเป็นยิ้ม เห็นเป็นเรื่องขำ แต่ใจหายแว้บเลยค่ะ เพราะตัวเองเป็นคนกลัวผีมากๆ พอเอามาเล่าให้พี่อ้อยกับเพื่อนๆ ฟัง เขาก็บอกว่าไม่มีอะไรหรอกน่า...แต่ทำไมเขาแอบสบตากันพิกลก็ไม่ทราบ

พี่อ้อยย้ำว่า ห้องนั้นไม่มีคนตายสักหน่อย ไม่ว่าจะฆ่าตัวตายหรือโดนใครเขาฆ่าเอา ดิฉันค่อยเบาใจ แต่ก็ยังได้ยินอยู่เรื่อยเลยว่าห้องเลขที่ 3 ชั้น 3 นั้นผีดุ

ความกลัวค่อยๆ คลายลงเมื่อมาอยู่ได้เดือนกว่าๆ พี่อ้อยก็ยังอยู่ด้วยนี่คะอุ่นใจออก จนกระทั่งเธอได้งานทำแถวลาดพร้าว ก็เลยยังอยู่กรุงเทพฯ คอยดูแลดิฉันไปด้วยในตัว คุณพ่อคุณแม่ที่มุกดาหารจะได้สบายใจ

คืนหนึ่งดึกแล้วค่ะ ราวๆห้าทุ่มครึ่งเห็นจะได้ พี่อ้อยเข้านอน หลับแล้วละ ส่วนดิฉันนั่งพิมพ์งานคอมพิวเตอร์อยู่ ต้องรีบส่งอาจารย์แต่เช้านี่คะ

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู!

เอ...สงสัยพี่แต๋วที่อยู่ข้างห้อง เป็นอะไรหรือเปล่านะ? เธอชอบปวดท้องบ่อยๆ ก็ชอบกินส้มตำเผ็ดจี๋นี่คะ เธอมาขอยาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายบินจากดิฉันเป็นประจำ...ไม่ได้โฆษณานะคะเนี่ย

ก่อนเปิดประตูดิฉันแอบมองตรงช่องตาแมวก่อนเพื่อความแน่ใจ

อ้าว? ไม่ยักใช่พี่แต๋วหรอก และไม่มีใครยืนรอให้ดิฉันเปิดประตูที่หน้าห้อง แต่โน่นแน่ะ...ฝั่งตรงข้าม หน้าห้องหมายเลข 3 นั่นแหละ มีผู้หญิงชุดดำ ผมยาว ยืนตัวตรง มือกุมไว้ข้างหน้า ก้มหน้าลงคล้ายรอให้ใครในนั้นมาเปิดรับ

บอกตรงๆ ว่าดิฉันชักเริ่มสงสัยเสียแล้วซิ ไม่เคยถามหรือสนใจว่าห้องเลขที่ 3 นั้นมีใครอยู่หรือไม่? ใจน่ะคิดว่าต้องมีแน่ แต่ไม่ได้เสวนาด้วยสักที

ขณะกำลังแอบมอง หญิงสาวคนนั้นก็หันมาสบตาช้าๆ เหมือนจะรู้ว่าดิฉันดูเธออยู่...หน้าเธอสวยเหมือนดาราแต่ซีดขาว ปากสีดำๆ เธอยิ้มเย็นๆ แล้วทันใดนั้น...เธอเดินเข้าไปในประตูเฉยเลย

ประตูไม่ได้เปิดนะคะ เธอเดินทะลุเข้าไปดื้อๆ เหมือนดิฉันดูหนังผี!

คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วยเถอะ! ดิฉันผงะถอยหลัง ก่อนจะกลัวสุดขีดจนเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ กลัวจริงๆ ว่าเธอจะยื่นหน้าทะลุประตูห้องนี้เข้ามาน่ะซีคะ

ดิฉันค่อยๆ ถอยทีละก้าวๆ ไปที่เตียงพี่อ้อย ตาก็ยังจ้องอยู่ที่เดิมด้วยความเสียวสยอง...ใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ

พี่อ้อยงัวเงียตื่นขึ้นมา ตอนที่ดิฉันเอามือเย็นเฉียบเขย่าแขนเธออย่างคนต้องการที่พึ่ง...พี่อ้อยถาม ว่าอะไรกัน? ดิฉันเล่าเสียงสั่นเครือว่าเห็นผู้หญิงในชุดดำเดินหายเข้าไปในห้องเลขที่ 3 พี่อ้อยหัวเราะแล้วบอกว่า...ไม่ต้องยุ่งกับเขาหรอก เขาไม่ทำอะไรใคร กราบไหว้เขาดีๆ แล้วกัน

แหม...พี่อ้อยหลอกดิฉันเหรอเนี่ย? ผีผู้หญิงนั่นจะมาจากไหนล่ะ? ห้องนั้นต้องเคยมีคนตายแน่ๆ เลย!

เป็นใครก็ต้องคิดแบบดิฉันแน่ๆ

เปล่าค่ะ...ห้องนั้นสะอาดจริงๆ หอนี้ไม่เคยมีเรื่องน่ากลัว และห้องหมายเลข 3 ชั้น 3 ก็ไม่มีใครอยู่ เพราะมาอยู่กันกี่คนๆ ก็ต้องเผ่นหมด สุดท้ายห้องนี้กลายเป็นห้องเก็บของ...พี่อ้อยบอกว่าเจอแบบดิฉันบ่อยครั้ง

เชื่อไหมคะ เธอยิ้มตอบสาวลึกลับผู้นั้นเหมือนเป็นคนด้วยกันเลย พี่อ้อยไม่กลัวผีนี่คะ ถือคติว่าต่างคนต่างอยู่ อ้อ! เธอเรียนวิทยาศาสตร์ไง...แถมพี่อ้อยซื้อลอตเตอรี่ถูกรางวัลเป็นประจำ

ดิฉันเรียกสาวชุดดำว่า "เจ้าที่" หรือ "ผีบ้านผีเรือน" และยกมือภาวนา...ไม่ได้ขอหวยนะคะ แต่ขอว่าอย่าให้มาเจอกันอีกเลย

"หนู กลัวค่ะ สงสารหนูเถอะ...เจ้าประคู้น!!"

แสดงความคิดเห็น

 
Top