ความงดงามของชายหาดในจังหวัดชุมพร© Jpab/Getty Images ความงดงามของชายหาดในจังหวัดชุมพร
ใกล้จะปีใหม่ หลายคนแพลนเดินทาง มีไม่น้อยที่ไปท่องเที่ยว สูดไอหมอก สัมผัสอากาศหนาวเย็นที่ภาคเหนือ แต่ก็มีไม่น้อยที่เดินทางล่องใต้ ทั้งกลับบ้าน เยี่ยมญาติ และมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่แตกต่าง หนึ่งในเส้นทางที่เหมือนจะธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา อยู่ระหว่างทางนี่เอง
ชุมพร จังหวัดที่ใครๆ ก็บอกว่าเป็นประตูสู่ภาคใต้ แต่ฉันเคยบอกไว้ในชวนเที่ยวของ นสพ.คมชัดลึก เมื่อกลางปีว่า ที่นี่แหละ ห้องรับแขกชั้นดี ก่อนลงสู่ภาคใต้ เพราะมีครบทุกรสชาติให้เลือกสรร ทั้งเกาะแก่ง ทะเลสวยใส ขุนเขากว้างใหญ่ ท้ายที่สุดเหมาะมากถ้าจะแวะพักกลางทาง ระหว่างขับรถยนต์ทางไกล 
ชุมพรแม้ไม่โดดเด่นเรื่องเขาสูง อย่างดอยอินทนนท์ เชียงดาว ในภาคเหนือ หรือเขาหลวงแห่งนครศรีธรรมราช หากแต่มีป่าที่อุดมและนิเวศหลากหลาย อย่างป่าพะโต๊ะ หรือยอดเขาพ่อตามังเคร พ่อตาโชงโดง รวมถึงน้ำตกสูง ที่อยู่ในความดูและจัดการของหน่วยจัดการต้นน้ำพะโต๊ะ (ถ้ามีโอกาสจะทยอยมาเล่าสู่กันฟัง) แต่ขณะเดียวกัน ก็มีหาดทรายที่ทอดตัวติดทะเลระยะทางยาว รวมถึงเกาะแก่งกลางทะเลที่เหมาะแก่การดำน้ำดูประการังและปลาสวยงามอีกด้วย
คราวนี้ ฉันมีโอกาสได้ละเลียดชุมพรอีกครั้ง ในฐานะของจังหวัดที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.โปรโมทว่า ต้องห้ามพลาด ซึ่งฉันว่าเคยผ่านไปหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ตอนเหนือที่อ.ปะทิว จรดใต้ ที่อ.ละแม ก็ยังไม่รู้สึกอิ่มที่ได้มา
จากกรุงเทพ มุ่งหน้าลงสู่ภาคใต้ ผ่านเพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ ไปตั้งต้นที่สี่แยกปฐมพร คราวก่อนเลี้ยวซ้ายแวะเข้าตัวเมืองทันที แต่คราวนี้ขึ้นสะพานข้ามแยกไปทางขวา (เส้นทางไประนอง) เลยไปประมาณ 4 กม. ก็ถึงที่หมายแรก "ตามสบายรีสอร์ท" ชื่อเขาว่ายังงั้น เราก็ต้องทำตัวตามสบาย ไม่น่าเชื่อว่า ลึกเข้าไปจากถนนราว 2 กม. ผ่านสวนสงบๆ จะมีที่พักแบบบังกะโล เป็นหลังๆ ให้นั่งเล่น นอนเล่นสบายๆ พักแข้งพักขา จิบกาแฟถ้ำสิงห์เพลินๆ 
วันรุ่งขึ้น ค่อยตั้งต้นเลาะชายหาดเล่น ด้วยความที่มีหาดยาวจากเหนือจรดใต้ 220 กม.นี่เอง ฉันขอเลือกแค่ 200 กม. หรือ สี่ร้อยลี้ (1 ลี้ = 500 เมตร หรือ 0.5 กม.) แล้วกัน
จากตัวเมืองชุมพร มุ่งหน้าไปปากน้ำชุมพร-หาดทรายรี ระยะทาง 13 กม. มีป้ายบอกทางตลอด (ทางหลวงหมายเลข 4119 แล้วแยกขวา เข้าทางหลวง 4098 ลงสู่ชายหาด) ระหว่างทางก่อนจะเลี้ยวไปทางหาดภราดรภาพ มีจุดชมวิวเขามัทรี ที่ไม่น่าพลาด ทางขึ้นค่อนข้างชัน ถ้าเป็นรถบัสต้องจอดข้างล่าง แต่รถเล็กแรงดี ก็ขับขึ้นไปจอดรถด้านบนได้
ยอดเขามัทรี ที่เดี๋ยวนี้ปรับปรุงสถานที่ใหม่ มีร้านขายกาแฟ ขายขนม มีมุมถ่ายรูปทั่วไป ตรงกลางเป็นศาลาที่ตั้งของพระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (พระโพธิสัตว์กวนอิม) ปางมหาราชลีลา องค์ใหญ่ อยู่ในท่านั่ง มองออกไปทางฝั่งปากน้ำชุมพร ด้านบนโดยรอบพระโพธิสัตว์ มองเห็นวิวได้ 360 องศา ฝั่งหนึ่งเห็นบ้านเรือนแถบปากน้ำชุมพร ตั้งอยู่เรียงรายริมฝั่งน้ำ เป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีเรือเล็ก เรือใหญ่สัญจรไปมา เพราะเป็นท่าเทียบเรือประมงอยู่ด้วย หันมองอีกด้านเป็นปากน้ำชุมพร เลยไปหน่อยเห็นเกาะมัตโพนอยู่ไม่ไกล หมุนมองไปอีกฝั่งเป็นหาดภราดรภาพ ในมุมมองที่เห็นเป็นเวิ้งทะเลกว้างไกล แถมใกล้ๆ ยอดเขา มีฝูงค่างแว่น มาห้อยโหนทักทายอยู่ไม่ห่าง เหมาะมากถ้าจะขึ้นมาบนเขามัทรี เพื่อชมอาทิตย์ลับฟ้าหลังหมู่บ้านประมง 
ลงจากเขามัทรี ผ่านหาดภราดรภาพ มุ่งหน้าไปหาดทรายรี เพื่อไปท่าเทียบเรือของ "เรือสยาม คาตามารัน" ที่อยู่ก่อนถึงหาดทรายรีไม่ไกล เรือสองชั้นขนาดใหญ่ ค่อยๆ ล่องออกจากปากน้ำชุมพร ผ่านสะพานปลา รวมถึงสุสานเรือประมงที่เกินเยียวยา ก็จะมาทิ้งซากไว้ ร่องน้ำขยายกว้างออกเรื่อยๆ
วันนี้เขาจะพาเราไปแล่นเรือ ล่องน้ำ ออกสู่ทะเล ผ่านเกาะที่มีประติมากรรมธรรมชาติ เป็นรูป "ฝ่ามือพระพุทธเจ้า" เลยไปหน่อยเป็นเกาะง่ามใหญ่ และเกาะง่ามน้อย ซึ่งเป็นเกาะสัมปทานรังนก แต่แนวรอบเกาะมีประการังที่สมบูรณ์ เราเลือกดำน้ำกันแถว เกาะง่ามใหญ่ ถ้าจังหวะดี อาจจะได้เจอฉลามวาฬพี่ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเล ที่หลงตามเข้ามากินแพลงตอน ...เหมือนคราวนี้ยังไม่ใช่จังหวะดีของเราแฮะ
ออกจากเกาะง่ามใหญ่ ไปดำน้ำกันต่อที่ เกาะทะลุ ที่นี้ประการังไม่เท่าไหร่ แต่ปลาเยอะแยะ จนน่าตื่นเต้น ไม่ใช่มีแต่สลิดหินเหมือนบางเกาะตอนใต้ๆ ลงไป จนเลยเวลาเที่ยงวันนั่นแหละ ถึงได้เดินทางกลับ ไม่รีบไม่เร่ง ชิลๆ กลางทะเลไปแบบนี้ ก็สนุกดีไม่น้อย แต่อย่าเป็นช่วงที่มีคลื่นลมนะ มันช่วงกระอักกระอ่วนสิ้นดี หรือที่ใครๆ ชอบใช้ภาษาสวยหรู ว่าเหมือนมีผีเสื้อเข้าไปกระพือปีกในท้องนั่นแหละ
ถึงฝั่งพักผ่อนกันยาวๆ บอกแล้วว่า ตามสบาย ...
รุ่งขึ้น ผ่านเข้าตัวเมืองชุมพร มุ่งหน้าไปหาดทุ่งวัวแล่น อ.ปะทิว (รถสาธารณะก็มีนะเป็นสองแถวสายชุมพร-ทุ่งวัวแล่น-สะพลี)
หาดทุ่งวัวแล่น จัดได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอ.ปะทิว เป็นชายหาดที่มีเม็ดทรายสีขาวนวลละเอียด ลักษณะหาดค่อยๆ ลาดเอียงลงทีละน้อยจึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอีกแห่ง และจากหาดนี้มีเรือเช้าไปชมเกาะต่างๆ ได้  
ทำไมถึงต้องเป็น "วัวแล่น" มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า เคยมีพรานพิชิตวัวป่าได้ที่ริมหาดแห่งนี้ แต่ในขณะที่กำลังถลกหนังวัวอยู่นั้น วัวป่าที่ตายแล้วกลับกลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา แล้วลุกวิ่งหนีหายเข้าป่าไปได้ พรานป่าจึงเรียกหาดแห่งนี้ว่า "หาดทุ่งวัวแล่น" ปัจจุบันนี้ ก็เห็นวัวแล่นริมหาด แต่เป็นแค่รูปปั้นสัมฤทธิ์ ตั้งเด่นเป็นสง่า อยู่ตอนกลางของหาด
ตลอดแนวชายหาดทุ่งวัวแล่นยังมีทิวมะพร้าวไม่ต่างจากที่เคยเป็นมา บางช่วงก็มีเตยทะเล กอผักบุ้งทะเล แต่ดูเหมือนว่า ร้านอาหาร รีสอร์ทเล็กๆ ผุดขึ้นเรียงรายริมหาดผิดกับแต่ก่อน แถมยามค่ำที่นี่ก็คึกคักด้วยแสงสี เพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้าน ยังดีที่มีขอบเขตไม่ล้นทะลักลงไปตั้งกันบนชายหาด ให้เสียภูมิทัศน์ เหมือนกับแหล่งท่องเที่ยวบางแห่ง 
ออกจากทุ่งวัวแล่น มุ่งหน้าไปตามถนนเลียบชายหาด แวะ จุดชมวิวเขาดินสอ ซึ่งถ้าเป็นช่วงปลายเดือนกันยายน-ตุลาคม ก็อาจจะได้เจอกับเหยี่ยวอพยพมากมาย แต่ยามนี้เดินเล่นๆ ขึ้นเขาไปชมวิวมุมสูงแทนแล้วกัน ระยะ 900 เมตรนี่ก็หอบหลายยกเชียวนะ ออกจากเขาดินสอ มุ่งหน้าไป อ่าวบ่อเมา เวิ้งอ่าวกว้างที่มีหมู่บ้านประมง ที่นี่มีรีสอร์ทเล็กให้เช่า หรือใครจะแค่มาแวะเช่าเรือไปดำน้ำเกาะไข่ก็ได้ เลยอ่าวบ่อเมา แวะ อ่าวทุ่งซาง ทะเลสวย หาดกว้างสงบ แต่ดูเหมือนคนที่มาเที่ยวไม่ค่อยช่วยกันรักษาความสะอาดกันเสียเลย
ออกจากอ่าวทุ่งซาง ไปตามถนนสายเลียบทะเล ถึง หาดถ้ำธง หมู่บ้านประมงเล็กๆ ที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ยังคงไว้ด้วยความสงบ อีกฟากหนึ่งห่างจากหมู่บ้าน เป็นแนวชายหาดยาว ที่ต่อไปได้ถึง "เนินทรายงามชุมพร" "The most distinct Thai sand dune in Chumphon" ใกล้กับโครงการส่วนพระองค์ ริมเส้นทางเลียบชายหาดอ่าวบ่อเมา-หาดบางเบิด ที่อยู่ใน ต.ปากคลอง อ.ปะทิว รอยต่อกับ อ.บางสะพานน้อย ของจ.ประจวบคีรีขันธ์  
เนินทรายงามนี้ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดจากอิทธิพลของลมทะเลในฤดูมรสุมที่พัดพาทรายมาทับถมกันกลายเป็นเนินเขาย่อมๆ พอเจอกับช่วงแล้งแดดแรงจัด ผ่านวันเวลายาวนานทำให้บริเวณนี้เหมือนทะเลทราย แต่ขณะเดียวกันก็มีความหลากหลายทางระบบนิเวศ จนมีการประกาศเป็นพื้นที่คุ้มครองทางทะเลและชายฝั่ง มาตั้งแต่ปี 2548 ตั้งแต่โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ ไปจนสุดเขตชุมชนบ้านถ้ำธง และด้านหน้าเนินทราย กำหนดเขตลงในทะเล 3 กิโลเมตร เพื่อคุ้มครองทรัพยากรและสภาพของป่าสันทรายชายฝั่ง
ที่นี่มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเลาะไปตามเนินทราย เราเลือกเดินไปตามทางด้านข้าง มุดผ่านต้นเตยหนามขนาดใหญ่ ผ่านไม้ทะเลอื่นๆ ก่อนจะโผล่ออกไปริมชายหาด เห็นท้องทะเลหาดถ้ำธง ดูสวยสงบ
แม้บางสิ่งบางอย่างแปลกตาไปบ้าง ตามกาลเวลา แต่ชายหาดสี่ร้อยลี้ของชุมพร ก็ยังน่าแวะเวียนไป ถึงว่าไม่น่าพลาด
(ชวนเที่ยว : เลาะหาดทรายสี่ร้อยลี้ที่ชุมพร : เรื่อง / ภาพ ... นพพร วิจิตร์วงษ์)

แสดงความคิดเห็น

 
Top