© สนับสนุนโดย Daily News
จากกรณี นายสมยศ สุธางค์กูร อายุ 62 ปี อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ย่านพระราม 9 ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ที่บริเวณลานจอดรถร้านเฮงหูฉลาม ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง เมื่อค่ำวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นตำรวจได้ตั้งปมความขัดแย้งเรื่องหนี้สินการพนัน ปัญหาคดีความที่ผู้ตายเป็นทนายรับเคลียร์คดี รวมถึงข้อพิพาทที่ดินริมถนนพระราม 9 ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นางรัศมี สุธางค์กูร อายุ 53 ปี และ น.ส.ณัฐธิดา สุธางค์กูร อายุ 25 ปี ภรรยาและบุตรสาวของ นายสมยศ สุธางค์กูร ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบก.ป. เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม
นางรัศมี เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามในประเด็นทั่วๆไป ทั้งเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน รวมทั้งข้อมูลของ นายสมยศ โดยไม่ได้พุ่งประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อมูลที่เคยได้ให้การกับทางตำรวจ สน.คลองตัน ไปก่อนหน้านี้ ทั้งในส่วนของประเด็นที่ นางศุภนิดา นรรัตน์ หรือก้อย ได้โทรศัพท์มาขอยืมเงิน 2 แสนบาท ก่อนที่นางก้อยจะถามต่อว่าจะเดินทางไปที่ไหนบ้างในวันนั้น ซึ่งตนยืนยันว่าในความเคลื่อนไหวของ นายสมยศ ในวันที่เกิดเหตุมีเพียง นางก้อย ที่รู้เพียงคนเดียวเท่านั้น ในส่วนของกรณีของ "เฮียม้อ" หรือ "เสี่ยม้อ" ที่เคยมาขอให้ นายสมยศ ช่วยในเรื่องคดีความนั้น โดยส่วนตัวไม่เคยคุยกัน เนื่องจากคดีความยังไม่สิ้นสุด ในส่วนของรถเบนซ์ที่สามีของตนใช้ในวันเกิดเหตุ เป็นรถที่ทางเจ้าของที่ดินย่านพระราม 9 ที่มีเรื่องพิพาทกันนำมาจำนำไว้ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะเดินทางไปให้ปากคำที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลต่อไป และในวันพรุ่งนี้เวลา 09.00 น. พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ได้นัดตนและลูกสาวไปสอบปากคำเพิ่มเติม
© สนับสนุนโดย Daily News
ขณะที่ น.ส.ณัฐธิดา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าผู้ก่อเหตุเป็นบุคคลใกล้ชิดและมีความขัดแย้งกับตนและ นายสมยศ แน่นอน นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีเงินกรมธรรม์ที่ขณะมีชีวิต นายสมยศ ได้ทำไว้นั้น ลูกสาวเสี่ยคาเฟ่ ชี้แจงว่า มีกรรมธรรม์ประกันชีวิตที่คุณพ่อได้ทำไว้ 2 ใบ วงเงินประกัน 4 แสนบาท โดยใบแรกให้คุณแม่ และใบที่สองให้ตน ทั้งนี้โดยนิสัยของคุณพ่อนั้นจะเป็นคนที่ละเอียด และจะจดข้อมูลทุกอย่างลงในสมุดบันทึก ส่วนใหญ่เป็นเรื่องงาน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำสมุดบันทึกไปทำการตรวจสอบแล้ว นอกจากนั้นช่วงหลังที่ผ่านมาคุณพ่อได้มีการนำอาวุธปืนมาไว้ลิ้นชักโต๊ะทำงานชั้นล่างภายในบ้าน จากเดิมจะเก็บอาวุธปืนไว้ในห้องนอนชั้นสอง อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาคุณพ่อไม่เคยเล่าให้ฟังว่าเคยถูกข่มขู่หรือถูกลอบฆ่า ทั้งนี้เนื่องจากกลัวว่าทางครอบครัวจะเครียดและกังวล
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับปมขัดแย้งที่สงสัยว่าอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการสั่งตาย นายสมยศ ในรายของ “เฮียม้อ” ที่ทราบว่าเป็นความขัดแย้งเรื่องการวิ่งเต้นล้มคดี ที่มีการจ่ายเงินให้กับ นายสมยศ ถึง 15 ล้านบาทนั้น จากการตรวจสอบแล้ว ทราบว่า ทางพนักงานสอบสวนของกองปราบปราม ได้เรียกตัว “เฮียม้อ” มาสอบปากคำแล้ว โดย “เฮียม้อ”ให้การว่าเคยมีปัญหากับ นายสมยศ มาตั้งแต่เดือน ต.ค. 2556 ซึ่งครั้งนั้นได้เข้าแจ้งความที่กองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายสมยศ และ นางรัศมีภรรยา ในข้อหาฉ้อโกง และฐานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินเพื่อให้เจ้าพนักงานกระทำการตาม โดย “เฮียม้อ”ได้ติดต่อกับ นายสมยศ เพื่อให้ช่วยเหลือวิ่งเต้นคดีให้กับเพื่อนที่โดนจับยาเสพติด คดีอยู่ระหว่างรอการตัดสินในชั้นฎีกา ซึ่ง นายสมยศ รับปากสามารถช่วยเหลือได้ และสามารถทำให้คดีในชั้นฎีกายกได้แน่นอน จึงยอมจ่ายเงินให้กับ นายสมยศ ด้วยการโอนผ่านบัญชีธนาคารของ นางรัศมี หลายครั้ง รวมแล้วเป็นเงินทั้งหมด 15 ล้านบาท แต่ปรากฎว่าหลังจ่ายเงินไปแล้ว ก็กลับไม่เป็นไปตามที่รับปาก เพราะคดีดังกล่าวก็ไม่มีการยกคำพิพากษาแต่อย่างใด “เฮียม้อ”จึงได้พยายามทวงถาม ก่อนถึงขั้นเข้าแจ้งความ ต่อมาหลังจากแจ้งความดำเนินคดีแล้ว พนักงานสอบสวนได้เรียกตัว นายสมยศและนางรัศมี มาแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว แต่ภายหลังทราบว่าทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจา และมีการใช้เงินคืนไปในบางส่วนแล้ว ส่วนทาง “เฮียม้อ” เองก็ไม่ได้ติดใจอะไรจนทำให้ถึงกับต้องใช้จ้างวานฆ่าได้ แต่อย่างไรก็ตามในประเด็นนี้ทางทีมสืบสวนกองปราบ ก็ยังไม่ได้ตัดปมขัดแย้งเรื่องนี้ออกไป จนกว่าจะสอบสวนได้ข้อสรุปที่ชัดเจน.