คนส่วนใหญ่อาจคิดว่าการดูแลรูปร่างและหน้าตาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง จนอาจลืมนึกไปว่า การที่มีฟันขาวสะอาดและลมปากหอมสดชื่นนั้น เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับคนรอบข้างได้เช่นกัน ‘ทพญ.วิกุล วิสาลเสสถ์’ ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มพัฒนาการคุ้มครอง ผู้บริโภคด้านทันตสุขภาพ สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มีเคล็ดลับและการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันอย่างถูกวิธีมาแนะนำ

“ปัจจุบันนี้คนไทยให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันมากขึ้น เนื่องจากคนส่วนใหญ่เริ่มหันมาใส่ใจกับการป้องกันโรคในช่องปากและฟัน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เพื่อเสริมบุคลิกภาพของตนเองให้ดูดียิ่งขึ้น จะเห็นได้จากความถี่ในการแปรงฟันมีมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา จากการสำรวจพบว่า คนไทยเกือบ 100% แปรงฟันทุกวันเป็นประจำ ซึ่งนอกจากการแปรงฟันทุกวันแล้ว สิ่งสำคัญคือการแปรงฟันให้สะอาดอย่างทั่วถึง โดยกรมอนามัยมีวิธีดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้มีสุขภาพดี ด้วยการแปรงฟันแบบ 222 นั่นคือ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน แปรงฟันให้นาน 2 นาทีขึ้นไป และงดรับประทานอะไรหลังจากที่แปรงฟันแล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะขนมหวานและน้ำอัดลม อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคฟันผุ ซึ่งผลวิจัยเกี่ยวกับโรคทางช่องปากพบว่า กลุ่มวัยเด็กมีอัตราการเป็นโรคฟันผุค่อนข้างสูงและกลุ่มผู้ใหญ่มีอัตราการ เป็นโรคเหงือกมากที่สุด“

ดังนั้นการแปรงฟัน ถือเป็นขั้นตอนแรกในการดูแลสุขภาพช่องปาก ที่ดีที่สุด ซึ่งการเลือกใช้แปรงสีฟันให้เหมาะสมกับช่องปากของตัวเองนั้น มีความสำคัญมาก สามารถพิจารณาได้จากความอ่อนนุ่มของขนแปรง และขนาดของหัวแปรงสีฟันที่ใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการ ซึ่งทางกรมอนามัยได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ในการตรวจสอบและกำหนดช่วงอายุของแปรงสีฟันซึ่งที่ระบุไว้ตรงหน้าฉลากเป็น ทั้งหมด 3 ช่วง คือ ต่ำกว่า 3 ขวบ, 3-6 ปี และ 6-12 ปี โดยการเลือกแปรงสีฟันควรเลือกที่ได้มาตรฐานและได้รับการการันตีจากกรมอนามัย หรือที่เรียกว่า ‘แปรงสีฟันติดดาว’ ช่วยให้เรามั่นใจถึงคุณภาพของแปรงสีฟัน ซึ่งเป็นอุปกรณ์พื้นฐานในการทำความสะอาดช่องปากยิ่งขึ้น

โดยลักษณะของแปรงสีฟันที่ได้มาตรฐานจะต้องมีลักษณะของขนแปรงแต่ละเส้นแบบมน ปลาย และขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของขนแปรง จะต้องมีขนาดที่เหมาะสม ซึ่งขนาดมาตรฐานคือ 0.18 มิลลิเมตร ขนแปรงอ่อนนุ่ม ไม่เป็นอันตรายต่อฟัน เมื่อเปรียบเทียบกับแปรงสีฟันที่ไม่ได้รับมาตรฐานจากกรมอนามัย จะพบว่าลักษณะของขนแปรงจะแข็งมาก ปลายขนแปรงแต่ละเส้นไม่มีความมน และขนแปรงจะหลุดร่วงง่าย นอกจากการเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะสมกับขนาดช่องปากของเราแล้ว วิธีการแปรงฟันอย่างถูกวิธี จะช่วยทำให้ช่องปากและฟันของเราสะอาดมากยิ่งขึ้น ช่วยลดการอักเสบของเหงือก ซึ่งอาการเหงือกอักเสบหรือเหงือกร่นอาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการเสียวฟัน ตามมาได้อีกด้วย

การแปรงฟันที่ถูกต้อง ควรวางขนแปรงบนฟันแล้วขยับเบาๆ จากนั้น ให้ปัดแปรงขึ้น หรืออาจเลือกใช้แปรงสีฟันที่ถูกออกแบบให้หัวแปรงมีความ ยืดหยุ่น สามารถเคลื่อนที่เหมือนการแปรงฟันแบบขยับ-ปัด เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้การแปรงฟันมีประสิทธิภาพและสะอาดอย่างทั่ว ถึง เมื่อใช้แปรงสีฟันเสร็จแล้ว ควรล้างคราบยาสีฟันออกให้หมดและผึ่งในที่แห้ง อาจใช้ที่ครอบแปรงสีฟันซึ่งจะช่วยป้องกันเชื้อโรคได้อีกทางหนึ่ง แต่ควรครอบตอนที่แปรงแห้งสนิทแล้วเท่านั้น นอกจากนี้ ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 3-4 เดือนต่อครั้ง ถึงแม้ว่าขนแปรงจะยังไม่บาน แต่ถ้ามีคราบยาสีฟันติดอยู่ถาวร แนะนำให้เปลี่ยนแปรงสีฟันใหม่ได้ทันที

สำหรับผู้สูงอายุแนะนำให้ใช้ผ้าก๊อซถูบริเวณฟันอย่างน้อยวันละครั้ง แทนการใช้แปรงสีฟันจะช่วยขจัดคราบพลัคและแบคทีเรียได้อย่างสะดวกและง่ายดาย นอกจากนี้การใช้ไหมขัดฟันหรือใช้แปรงขัดซอกฟันควบคู่กับการแปรงฟันอย่างเป็น ประจำ ช่วยทำความสะอาดฟันและช่องปากได้อย่าง มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่าการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันนั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ควรเพิกเฉย ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่อวัยวะส่วนเล็กๆ แต่เป็นอวัยวะที่ต้องใช้งานตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร การพูดคุย หรือแม้กระทั่งการสร้างความประทับใจให้กับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม เพราะฉะนั้นทุกคนควรหันมาตระหนักและใส่ใจกับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ มากขึ้น ด้วยขั้นตอนการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันที่ถูกวิธีและ ดีที่สุดในทุกๆ วันนะคะ

แสดงความคิดเห็น

 
Top