© สนับสนุนโดย Daily News
จากกรณีอุบัติเหตุสะเทือนขวัญ รถเบนซ์ ซีแอลเอส สีดำ ทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร ซิ่งชนเก๋งฟอร์ด เฟียสต้า สีเทาดำทะเบียน ฆย 6911 กรุงเทพมหานคร เป็นเหตุให้ นายกฤษณะ หรือ โต้ง ถาวร อายุ 32 ปี กับ น.ส.ธันฐภัทร์ หรือ เบนซ์ ฮ้อแสงชัย ทั้งคู่เป็นนิสิตปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถึงแก่ความตาย ภายหลังทราบว่าคนขับคือ นายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรักษาอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุดังกล่าว
ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยรายหนึ่งสามารถเก็บซองยาชนิดหนึ่งที่ตกอยู้ในที่เกิดเหตุได้ ที่คาดว่าจะเป็นยารักษาโรคซึมเศร้า จนทำให้กระแสสังคมเกิดความสงสัยกันไปต่าง ๆ นานา ว่านายเจนภพ เป็นโรคซึมเศร้าจริงหรือไม่ รวมทั้งประเด็นที่ว่า ช่วงที่ชน นายเจนภพ มีสติอยู่หรือไม่ ดังที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ ได้รับการเปิดเผยจาก ผู้ที่ใช้เฟซบุ๊ก "Korrakot Kitiwong" ซึ่งระบุว่าเป็นผู้ป่วยโรค "ไบโพลาร์" (Bipolar disorder) หรือ โรคอารมณ์สองขั้ว ว่า ลักษณะของอาการจะมี 2 แบบ คือ 1.ภาวะซึมเศร้าหรืออารมณ์ตก 2.ภาวะแมเนียหรืออารมณ์คลุ้มคลั่ง
ทั้งนี้ สาเหตุหลักไม่ได้มาจากความเครียด แต่เกิดจากสารในสมองหลั่งผิดปกติ และวิธีการรักษาคือต้องยอมรับความจริง ไม่ต้องอาย แล้วให้จิตแพทย์เป็นผู้รักษา โดยการรับประทานยาควบคุมอารมณ์ คือ ต้องรับประทานก่อนนอนเท่านั้น และที่สำคัญต้องไม่ใช้ยาร่วมกับการดื่มสุรา หรือ ยาเสพติด เพราะจะไปกระตุ้นให้เกิดภาวะแมเนียสูง
สำหรับกรณีของ นายเจนภพ น่าจะอยู่ในภาวะแมเนีย (อารมณ์คลุ้มคลั่ง) ซึ่งถ้าสมมุติว่ามีการใช้ยาร่วมกับแอลกอฮอล์ จะยิ่งเพิ่มภาวะแมเนียเป็นทวีคูณ และยาที่ใช้รักษาอาการเหล่านี้ คนป่วยจะเก็บไว้ใกล้เตียงนอนเพื่อกินก่อนนอน (เน้นกินก่อนนอนเท่านั้น) ส่วนยาตัวอื่นที่ช่วยบรรเทาอาการของผู้ป่วย เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตปกติในสังคมได้
ในส่วนของอาการป่วยป้องกันได้หรือไม่นั้น ไม่มีทางป้องกันแต่อย่างใด ส่วนใหญ่จะเป็นโดยไม่รู้ตัว ต้องอาศัยจิตแพทย์เท่านั้น ระยะเวลาของแต่ละเคสไม่เท่ากันบางคน 5 ปี บางคน 10 ปีแล้วแต่ว่าจะปฏิบัติตัวตามคำแนะนำหมออย่างเคร่งครัดหรือเปล่า
"สภาวะอารมณ์ที่แปรปรวน ถ้าไม่เศร้าโดยไม่มีสาเหตุ ก็ออกแนวก้าวร้าวไปเลย ซึ่งผมเป็นมาแล้วทั้งสองอย่าง ตอนแรกนึกว่าสาเหตุมาจากความเครียด แต่พอไปหาหมอแล้วถึงได้รับคำอธิบายว่า ความเครียดมีผลนิดเดียว การหลั่งสารบางอย่างในสมองต่างหาก ที่มันผิดปกติเช่น เวลาที่คุณมีความสุข คุณควรหลั่งสารเอ็นโดรฟิน แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ มันกลับหลั่งสารแห่งความทุกข์ สมองเลยสับสน ส่งผลให้ภาวะจิตใจผิดปกติ มีความขัดแย้งกันในความรู้สึกนาน ๆ เข้าจะเริ่มแยกแยะ ดี-ชั่ว ไม่ออกและสูญเสียความทรงจำไปเป็นห้วง ๆ คืออะไรที่จิตไม่อยากจำมันจะหายไปเลยคุ้มดีคุ้มร้าย หงุดหงิด เกลียดตัวเองเกลียดสังคม พร้อมจะทำตัวขวางโลกได้ตลอดเวลา" แหล่งข่าวกล่าว
"ผมเคยเป็น Dissociative Disorder มาก่อน ตอนปี พ.ศ.2546 รักษาอยู่สองปีจึงค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ไม่หายขาดเพราะตอนนั้นยังดื่มสุราอยู่ พอปี พ.ศ.2549 เริ่มกลับมาเป็น Bipolar Disorder จนถึงปัจจุบัน พ.ศ.2559 เพิ่งได้รับการยืนยันจากหมอเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมาว่า อาการผมดีขึ้นมากสามารถหยุดยา เพราะไม่เช่นนั้น ตับ ไต จะพังเร็วและมีข้อแม้ว่า ห้ามกลับไปดื่ม หรือเสพยาอีก ปัจจุบันผมไม่ต้องทานยาใด ๆ แล้ว และใช้การนั่งสมาธิเข้าช่วย เลิกบุหรี่ เลิกเหล้า นอนให้เพียงพอ เท่านี้ก็ถือว่ารอดพ้นมันมาได้แล้ว"
ผู้สื่อข่าวถามว่า โรคนี้เสี่ยงที่จะเกิดกับคนที่ดื่มเหล้า มากกว่าคนปกติหรือไม่ แหล่งข่าวระบุว่า "พวกดื่มจัดมีโอกาสเสี่ยงมากกว่า"

แสดงความคิดเห็น

 
Top